ตอนที่ 1.นี่มันเรื่องอะไรกัน!!..
มินดาพูดเสียงขึ้นจมูก เธอไม่รู้จักคำว่า ‘ท้อ’ เพราะคำคำนั้นไม่มีผลกับเธอ แรงผลักดันจากคำสบประมาทนั้นทำให้เธอเชิดหน้ากล้าสบตากับคนอื่นๆ ได้แบบไร้ความละอายใจ
เธอภาคภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเอง จนกลัวว่าคนอื่นจะแอบอิจฉาเสียอีก
“แล้วคุณจะกลับมาอีกไหมหะ?” คริสเตียนถาม
มินดาย่นจมูก “หากเป็นไปได้นะคะคริสเตียน ฉันอยากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เลย” เธอตอบตามตรง ความในใจที่หากบิดา มารดารู้เข้าเธอคงถูกต่อต้านอีกครั้ง
“หากคุณคิดจะกลับมา ที่นี่ยังยินดีต้อนรับคุณเหมือนเดิมนะมินนี่” มินดาน้ำตาคลอเพื่อนต่างถิ่นทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นแม้ตัวจะอยู่ไกลบ้าน ที่นี่ไม่มีคนในครอบครัวเธอสักคน เธอเหมือนคนแปลกหน้า แต่กลับได้รับน้ำใจและความหวังดีมากกว่าที่เคยได้รับจากคนสายเลือดเดียวกันเสียอีก
“ค่ะคริสเตียน ฉันต้องกลับมาที่นี่อีกแน่ๆ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นตอนไหนนะคะ”
มินดาสังหรณ์ใจ ที่บ้านต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ไม่อย่างนั้นบิดาของเธอคงไม่ใช้วิธีเช่นนี้บีบคั้นเธอ มินดาไม่อาจคาดเดาได้เลย เธอพยายามไม่คิดในแง่ร้าย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
เธอส่งภาพวาดของตัวเองล่วงหน้าไปก่อน มินดารู้ดี ภาพเหล่านี้จะไม่ถูกทำลาย หากบิดาต้องการให้เธอช่วย เขาก็ไม่ควรทำร้ายน้ำใจของเธออีก
และอีกนัยหนึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าเธอรับรู้สารที่บิดาส่งให้แล้ว...
ตอนที่ 2.เด็กชายโนอาร์
เด็กชายโนอาร์นั่งเท้าคางมองคุณตาคุณยายที่กำลังถอนหญ้าให้กับผักสวนครัวที่ลงทุนลงแรงปลูกเอาไปกินในครัวเรือน ไม้กับโมลีเลือกทำงานตั้งแต่มีหลานชายตัวน้อยคนนี้แล้ว มันเป็นข้อตกลงที่ไม้เต็มใจ เพราะเขาจะได้มีเวลาเลี้ยงดูโนอาร์ได้เต็มที่ ซึ่งข้อตกลงนั่นก็เป็นข้อดีกับเขาด้วย
ครอบครัวเพลงพัดมีลูกสาวสองคน มินดาคือพี่สาวคนโตเป็นสายเลือดของเขากับภรรยาเก่า และมีนาลูกสาวคนที่สองกับโมลีภรรยาใหม่
“คุณตาจะปลูกผักให้เหนื่อยทำไมครับ ไปซื้อที่ตลาดเอาก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาด้วย”
เด็กชายวัยห้าปีที่รู้ความเกินเด็กวัยเดียวกันถามอย่างสงสัย
โมลียิ้มกร่อยๆ มองหน้าหลานชายทีไรก็อดคิดถึงบุตรสาวไม่ได้
“แต่ผักที่ตาปลูกไม่มีสารพิษหรือยาเร่งโตนะโนอาร์” ไม้ตอบหลานชาย เพราะหากไม่สิ้นความสงสัย คำถามต่อมาจะตามมาในทันที
“ไม่มีสารพิษแล้วมันดียังไงครับคุณตา” โนอาร์ถามต่อ
“หากสารพิษเข้าไปในร่างกายของเรา เราก็จะมีอันตรายไง อย่างโนอาร์ถ้ารับสารพิษไปมากๆ ก็จะไม่โตไง”
“ไม่เห็นอยากโตเลย” โนอาร์บ่นพึมพำ
ไม้วางมือ เดินมานั่งใกล้หลานชาย “ทำไมถึงไม่อยากโตละ”
โนอาร์หน้าง้ำตอบเสียงอุบอิบ “เพราะต่อให้โต โนอาร์ก็จะไม่ได้เห็นแม่อีกแล้ว” น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลผ่านร่องแก้ม ความสูญเสียของโนอาร์ ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนเข้าใจสักคน
ไม้สูดลมหายใจแรงๆ โมลีแอบกรีดรอยน้ำตาทิ้ง สงสารหลานชายจับใจ
“ถึงไม่มีแม่มี โนอาร์ก็ยังมีแม่มินนะ” ไม้ปลอบใจหลานชาย
“แม่มินอยู่ที่ไหนละครับ เวลานี้โนอาร์ต้องการแม่ ทำไมแม่มินยังไม่โผล่มาสักที” โนอาร์ตะโกนลั่น สองมือเล็กๆ กำแน่น คำปลอบใจของตาใช้ไม่ได้ผลเวลานี้
“อีกไม่นานหรอก แม่มินจะต้องกลับมา” ไม้พึมพำบอกหลานชาย เขาเองก็ไม่แน่ใจนัก มินดาจะใส่ใจตนเองอีกหรือไม่ ในเมื่อก่อนที่จะจากกันนั้น เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น
“โนอาร์ไม่อยากฟังคำโกหกของคุณตาแล้วครับ”
“โนอาร์ อย่าพูดกับคุณตาแบบนั้นสิ” โมลีปรามหลานชาย
“โนอาร์พูดจริงๆ นะครับคุณยาย คุณตาเอาแต่โกหกโนอาร์ไปวันๆ ไม่เห็นจะพูดจริงสักเรื่องเลย”
โมลีน้ำตาร่วง นางเองก็จนใจ นับวันหลานชายจะฉลาดขึ้นทุกวัน คำแก้ตัวเก่าๆ ใช่ไม่ได้ผลในปัจจุบัน ยิ่งคำตอบซ้ำ โนอาร์ก็ยิ่งไม่พอใจเพิ่มขึ้น
“ตาไม่ได้โกหก ครั้งนี้แม่มินต้องกลับมาแน่ๆ” ไม้ยืนกราน
“โนอาร์จะลองเชื่อคุณตาอีกสักครั้งครับ”
โนอาร์เม้มปากหลังพูดจบ เขาพยายามทำใจให้เชื่อคำพูดของญาติผู้ใหญ่ แม้จะต้องผิดหวังหลายครั้งแล้วก็ตาม
“หิวหรือยัง ไปกินข้าวกันดีกว่ามั้ย?” โมลีตะล่อมหลานชาย
โนอาร์พยักหน้าทรงตัวยืน แม้ความคิดในหัวจะขัดแย้งกันเอง แต่เมื่อท้องหิวก็ต้องพักเรื่องอื่นๆ ไว้ก่อน