ตอนที่ 1.นี่มันเรื่องอะไรกัน!!
ตอนที่ 1.นี่มันเรื่องอะไรกัน!!
มินดาเดินเหม่อ หลังจัดการเรื่องบัตรประชาชนหมดอายุของเธอที่กงสุลประจำกรุงโรมเสร็จ มันมีเรื่องให้เธอคิด และอยากรู้ จนความคิดในสมองตีกันวุ่นวายไปหมด ‘นาง’ เกิดอะไรขึ้นที่บ้านของเธอ ทำไมคำนำหน้าชื่อของเธอจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้
สามปีหลังจากหันหลังให้กับครอบครัว เพราะคำประกาศิตของบิดา ‘หากก้าวออกไปจากบ้านเพลงพัด จากนี้ไปก็ให้ถือเสียว่าแกเป็นคนนอกไม่ใช่ครอบครัวของเรา’ คำพูดสุดท้ายของบิดา และนั่นทำให้มินดาเกิดความมานะ แรงทิฐิเหล่านั้นผลักดันจนมินดามาอยู่ตรงจุดนี้ เธอทำงานอยู่ในแกลลอลี่ เป็นศิลปินโนเนมทำงานอยู่ในแกลลอรี่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่ฟลอเรนซ์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยอารยธรรมและศิลปะ
มินดาชอบศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ เธอวาดรูปได้สวย มีฝีมือเรื่องนี้พอตัว แต่...ทางบ้านไม่เห็นด้วย บิดาค้านหัวชนฝาทันทีที่เธอบอกถึงความต้องการของตัวเอง
ไม่มีสมาชิกในบ้านยอมรับความสามารถของมินดา
เอาเถอะ เมื่อทุกคนคิดว่าตัวเองคิดถูก มินดาเลยตั้งใจจะพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเอง ‘ศิลปะ’ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้ และไม่ทำให้ใครตกต่ำด้วย
วันที่เธอตัดสินใจออกไปเผชิญโชค ทั้งที่ด้านหลังมีแต่เสียงสาปส่ง มินดาจำได้ไม่ลืม
เธอไม่ได้โกรธบิดา มารดา หรือแม้แต่น้องสาวเลย เธอแค่อยากทำให้ทุกคนรู้ เธอตัดสินใจถูก พวกเขาต่างหากที่คิดผิด
มินดาใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลี หลังจากพากเพียรอย่างหนัก เธอเก็บหอมรอมริบเป็นปีๆ กว่าจะซื้อตั๋วได้ กว่าวีซ่าจะผ่าน มินดาต้องใช้ความอดทนมาก แต่เมื่อมาถึง ‘ฟลอเรนซ์’ มันเกิดกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ มินดาทำงานพาร์ทไทม์เพื่อเก็บเป็นรายจ่าย เธอยอมนอนห้องใต้ดินเกือบหกเดือน พอมีเงินเก็บมากหน่อยเลยค่อยๆ ขยับขยาย
วันว่างในวันที่มินดาไม่มีงานพาร์ทไทม์ทำ เธอมักจะไปนั่งที่ริมแม่น้ำอาร์โน ฟลอเรนซ์เป็นเมืองไม่ใหญ่นัก มีประชากรไม่เยอะเหมือนเมืองใหญ่ๆ อย่างโรม หรือมิลาน จุดเด่นของฟลอเรนซ์คือทิวทัศน์ของ แม่น้ำอาร์โน (Arno) ที่ไหลผ่านตึกอาคารทรงโบราณโทนสีอบอุ่นและทิวเขาที่สวยงาม โดยมี สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) สะพานเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เชื่อมระหว่างสองฝั่งของเมืองเข้าด้วยกัน
เธอวาดรูปจากจุดนี้ได้รูปสวยๆ หลายรูป ขณะวาดรูปอยู่ตรงจุดนั้น มีศิลปินตาดียืนชื่นชมเธออยู่ทางด้านหลัง และเมื่อเธอวาดเสร็จ เขาก็เสนอตัวว่าต้องการรูปวาดฝีมือเธอ นั่นเป็นครั้งแรกที่มินดาขายรูปวาดฝีมือตัวเองได้ เขาให้ราคาที่มินดาเองก็ไม่อยากเชื่อ ศิลปินโนเนมอย่างเธอจะขายรูปวาดสีน้ำด้วยราคาที่สูงเกินคาด ‘1000ยูโร’
นั่นเป็นค่าแรงจากการขายภาพวาดฝีมือตัวเอง
จากนั้นศิลปินคนเดิมก็ชวนมินดาไปทำงานที่แกลลอรี่ของเขา
“คริสเตียนคะ ฉันต้องกลับประเทศของฉันแล้วค่ะ”
คริสเตียนขมวดคิ้ว เขาลดแว่นตาลงจ้องหน้าลูกศิษย์สาวจากต่างแดน ที่มีใจรักในศิลปะเหมือนเขา
“ทำไม?”
มินดาจิปาก เธอยื่นบัตรประชาชนของตัวให้คริสเตียนดู หนุ่มใหญ่รับมาถือไว้แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“คำนำหน้าชื่อฉันเป็น Mrs. ไม่ใช่ Miss. ค่ะ”
คริสเตียนย่นหน้าผาก “เธอแต่งงานแล้วเหรอมินนี่?”
มินดายิ้มจางๆ สีหน้าพิกล “ฉันจะเอาเวลาตอนไหนไปหาสามีคะคริสเตียนคุณก็เห็น ฉันทำงานแทบไม่มีเวลานอน แบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจฉัน”
“แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้”
มินดาไหวไหล่ “ไม่รู้สิคะ คนที่นั่นทำอะไรกับคำนำหน้าชื่อฉัน พวกเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“คนที่นั่น?”
“ครอบครัวฉันเองค่ะ ไม่พ่อก็แม่ คงเล่นตุกติกกับฉันอยู่”
“พวกท่านอาจต้องการให้คุณกลับ” คริสเตียนเดา
“คงแบบนั้นแหละคะ แต่ไม่เห็นต้องเล่นแรงแบบนี้เลยนี่คะ แล้วแบบนี้จะมีผู้ชายคนไหนเชื่อละคะว่าฉันโสด” มินดาบ่นอุบอิบ
คริสเตียนอมยิ้ม “ไหนบอกไม่มีเวลามองผู้ชาย”
“แหม ฉันยังสาวนะคะ มันต้องมีบ้าง”
“ผู้ชายที่นี่ไม่น่าใช่สเปกผู้ชายที่คุณชอบก็ได้ คุณอยู่มากี่ปีแล้วนะ ไม่เห็นมีแฟนสักที” คริสเตียนท้วง
“สามปี สามปีที่ฉันทำงานพาร์ทไทม์เหมือนคนบ้าไงคะ สามปีที่ฉันต้องสร้างตัวเพื่อลบคำสบประมาทจากพวกเขา”