หยิกตัวเองแรงๆ
“ความจริงฉัน ฉันแค่”
“ฉันๆ อะไรของเจ้า ข้าไม่เข้าใจ พักผ่อนไปเหอะข้ามีราชการประชุมขุนนางเร่งด่วน วันนี้แค่แวะมาดูฟื้นก็ดีแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยสอบสวนกันต่อ"
แพรวา อยากตะโกนให้ร่างสูงนั้นอยู่คุยกับเธอก่อนแต่ไม่ทันเสียแล้วพริบตาเดียว เจ้าของแววตาอบอุ่นทว่าปากคอจัดจ้านก็ก้าวขาพ้นธรณีประตูออกไป ทิ้งไว้ให้ความสงสัยอยู่กับเธอเพียงลำพัง รอบกายถูกห้องล้อมด้วยคนแปลกหน้า สองสาวในชุดจีนรุ่มร่าม นั่งพับเพียบอยู่ข้างเตียง ลุกขึ้นยืนกดตัวเธอนอนลง ลองหยิกแขนตัวเองเบาๆ ถึงกับร้องโอ๊ยมันเจ็บจริงอะไรจริง
“นอนเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะหาข้าวต้มร้อนๆ มาให้ทาน เดี๋ยว ฮ่องเต้ กลับมาจะโดนตำหนิเอาได้ พระองค์ให้ดูแลเจ้าอย่างดี ให้พักผ่อนให้จงหนักเจ้าค่ะ”
เธอทะลึ่งพรวดขึ้นมามองคนพูด นี่แต่ล่ะคนแปลกๆ ทั้งนั้นพูดคล้ายลิเกชอบกลเป็นคนต่างจังหวัดก็ไม่น่าจะใช่ด้วยคำพูดคล้ายคนโบราณเหมือนจะตั้งใจและเคยชินในการพูด
“ฮ่องเต้อะไร คือใคร”
เธอยิงคำถามทันที
สาวใช้สองคนทำหน้างุนงงสงสัย อ้าวๆ ๆ ถามไม่ตอบเสียได้
เดินหลบเลี่ยงออกจากห้องทั้งคู่ก่อนที่ประตูแบบในหนังจีนถูกปิดลง แพรวาสงสัยเป็นหนักหนาอะไรพาเธอมาอยู่ตรงนี้จะหาคำตอบจากใครได้ แต่ตอนนี้รู้สึกเพลียเหลือเกิน
ขอนอนเอาแรงก่อนถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้มีแรงหนี
“สนมฮุ่ย ..เสด็จ”
เสียงขานจากใครสักคนข้างนอกดังเข้ามาในห้องแพรวาขยี้ตาแรงๆนี่เราอยู่ในหนังจีนหรือเปล่าวะ
ร่างสูงสวยสะคราญเดินเยื้องย่างเข้ามาในห้องด้วยท่าทางอ่อนช้อย
เสียงพูดแบบผู้ดีหรือผู้หญิงแบบกุลสตรี
“แม่นางคนนี้เองหรือ ที่ผู้คนร่ำลือว่า ฝ่าบาททรงกระโดดลงไปช่วยขึ้นมาจาก สระน้ำในอุทยานทีเดียวเชียว”
แพรวาผงกศีรษะขึ้นมาจากหมอนรู้สึกหัวหนักอึ้ง ได้แต่ยิ้มจะตอบว่าอย่างไรดีภาษาจีนก็พูดไม่ค่อยคล่อง พูดคล่องคำเดียว เสินเมอ
“หน้าตาผิวพรรณ ต่างจากชาวเรา นางคง มาจากด่านชายแดนที่ไหนสักแห่ง”
สาวรับใช้สองคนที่เดินตามหลังมาคล้ายกับ ฝาแฝดคนหนึ่งเอ่ยปากขึ้นมา
“ฮ่องเต้ทรงเสด็จเฝ้าไข้ตั้งแต่วันแรก จน ถึงเมื่อเช้านี้เลยค่ะพระสนม”
ใบหน้าสวยเรียบตึงขึ้นมาทันทีแต่ก็ปรับสีหน้าโดยเร็ว แทบจับพิรุธไม่ทัน
“ฝ่าบาททรงเป็นแบบนี้ตลอดเมื่อคราวที่เราป่วยเพียงเล็กน้อยก็อยู่ดูแลใส่ใจเรา...ทั้งคืน ทรงเป็นฮ่องเต้ที่เอาใจใส่ไปเสียทุกเรื่องแบบนี้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณจึงทำให้เราซาบซึ้งในน้ำพระหฤทัยอย่างยิ่ง”
แหวะใครถาม นึกว่าอยากรู้หรืออย่างไร
“เจ้ามาจากเมืองหน้าด่านแห่งใด”
พูดอยู่คนเดียวแพรวาเริ่มรำคาญเธอต้องพูดแบบยานคางแบบนี้ด้วยไหม
“เออ เออ เออ”
อะไรดีวะจะเข้าใจที่เราพูดไหมหนอเรียนมาหกปีแทบไม่มีประโยชน์พอ จะพูดจริงๆ กับติดอ่าง
“เออ ไม่รู้”
หน้าสวยมีแววเยาะหยัน
“คงจะเสียสติ มารยาทค่อนข้างต่ำทราม คงมาจากตระกูลชั้นต่ำเป็นแน่แท้”
หาเอาแล้วไง เล่นใหญ่เลยหรืออย่างไร
“ห้าสิบก้าว หัวเราะเยาะร้อยก้าว เห็นก็เห็นอยู่ว่าฮ่องเต้ทรงเอาใจใส่ข้า แค่ไหน”
(จำมาจากซีรีส์จีน555) แพรวาเชิดหน้า ทำให้ใบหน้าสวยขาวใส น่ามองยิ่งยามที่ไร้เครื่องสำอาง
หน้าตาก็ดีชื่อก็เพราะ นางสนมคนนี้กับชื่อของนางช่างตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิง (ฮุ่ย แปลว่าเมตตากรุณา)
อีกฝ่ายใบหน้าบึ้งตึงแต่สักครู่ก็เปลี่ยนเป็นแย้มยิ้ม
“เจ้าเข้ามาอยู่ที่หลังยังไม่ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งใดอย่าเพิ่งสำคัญตัวผิดไป เราอย่างไรเสียก็เป็นสนมเอก คาดว่าหากทรง มีการคัดเลือกฮองเฮาไม่แน่ว่าอาจเป็นเราเมื่อนั้นเจ้าค่อยมา คารวะกันอีกคราว”
โห ล้ำลึกๆ แพรวาอยากตะโกนออกไปว่าอย่ามายุ่งกับเธอ
ยกมือขึ้นชี้หน้าสนมฮุ่ย แบบลืมตัว
“เจ้านั่นล่ะอย่าสำคัญตัวเองผิด รวมทั้งฮ่องเต้ของเจ้าด้วย เราไม่ได้อยากเป็นฮองเฮาของใคร”
สนมฮุ่ยเอามือปิดปาก ตาเบิกโพลงด้วยไม่เคยเห็นใครที่มีกิริยาก้าวร้าว แบบนี้ภายในวังหลวงแห่งนี้
“บังอาจ เจ้าบังอาจ ใช้วาจา เยี่ยงนี้กับพระสนมได้รึ”
เสียงดังสนั่น มาจาก ด้านหลัง
“ไทเฮา เสด็จ”
อ้าวเฮ้ยมากันเป็นกองทัพเลยทีเดียว
แพรวาเม้มริมฝีปากหันหน้าตรง เพียงไม่กี่กระเบียดนิ้ว จมูกเป็นสันอยู่ใกล้แค่นิดเดียวทั้งคู่ชะงักอยู่แค่นั้นใจสั่นในทันที
แพรวาสงบใจ....ไว้ เพิ่งจะผ่านเรื่องราวของผู้ชายหลอกลวง ภาพชายสองคนนอนกกกอดกันอยู่บนเตียง แพรวาเกิดความโมโหขึ้นมาทันทีผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนไม่สิ คนที่เธอรักนั้นไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัวถ้าเป็นผู้ชายต้องไม่เป็นแบบนี้ ส่ายหน้าไปมาช้าๆ หยางหลงฮ่องเต้อมยิ้มในท่าทางของเธอ คงไม่เคย... เข้าใกล้ผู้ชายเป็นแน่แท้ใจไหวยวบด้วยความรู้สึกบางอย่าง ผ่านหญิงมาก็เยอะสนมก็แยะไม่เคยใจสั่นแบบนี้มาก่อน