บทที่ 3 ความสัมพันธ์ชั่วคืน
สองหนุ่มสาวบนเตียงลืมตาขึ้นมาพร้อมกันในเช้าวันใหม่ ว่านจิ่วซิ่นยิ้มอย่างขัดเขิน ทว่าหวู่ไฉตงกลับกระโดดลงจากเตียงเหมือนถูกไฟร้อนรนก้น “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
แววตาที่เขามองทำให้ว่านจิ่วซิ่นรู้สึกกลัว “เมื่อคืนพวกเรา...”
“นี่เจ้าช่างกล้านักที่ปีนขึ้นเตียงยามข้าเมาไร้สติ เจ้าอย่าคิดว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้ข้าชอบเจ้าได้ เจ้าก็ยังคงน่ารังเกียจไม่เปลี่ยน” หวู่ไฉตงเปลี่ยนจากท่าทีตกใจเป็นยิ้มหยัน ถากถางนางด้วยคำพูดทำร้ายจิตใจ
ว่านจิ่วซิ่นคิดว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นท่าทีของหวู่ไฉตงจะต่างไปจากเดิม แต่เปล่าเลย เขายังคงเป็นเขาที่ไม่ชอบหน้านาง เพราะความรู้สึกหวั่นไหวทำให้นางถลำลึกไปนานแล้ว จึงได้แต่เงียบปากไว้เท่านั้นมิอาจเถียงได้สักคำ
สายตาเข้มวูบไหวเมื่อเห็นลำคอระหงเต็มไปด้วยรอยรักที่เขาฝากไว้ “รีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกไป รึจะรอให้ใครมาเห็น” เขาจับอาภรณ์สตรีที่กระจัดกระจายบนพื้นโยนให้นาง แล้วจัดการสวมอาภรณ์ให้ตนเอง
“ไฉตงหมู่บ้านชิงอันเกิดเรื่องอีกแล้ว” กวางหมิงเปิดประตูเข้ามาโดยพลการเหมือนทุกครั้ง ทว่าในห้องโถงรับรองมีบางอย่างแตกต่างจากเดิม สภาพเสื้อผ้าเช่นนั้นไม่ต้องถามก็เข้าใจ กวางหมิงเบิกตากว้างพลางคิดในใจ เหตุใดไม่ลงดาลประตูเล่า
“ไสหัวไป” หวู่ไฉตงหันไปคว้าหมอนบนเตียงมาได้ ก็ขว้างใส่กวางหมิง ที่เสนอหน้าเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ อย่าหวังว่าเรื่องนี้จะทำเขาใจอ่อน สำหรับคนที่สังหารบิดาต้องชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น ที่ยอมนิ่งเฉยมาตลอดสามปีก็เพื่อรอวันทวงคืน รอให้ตนแข็งแกร่งจนสตรีนางนี้ไร้ทางสู้ ซึ่งตอนนี้ถึงเวลาแล้ว
“ไปแล้ว ไปแล้ว” กวางหมิงกระโดดหลบแล้วรีบออกจากห้องโถง ในใจก็คิดวกวนว่าหวู่ไฉตงไม่ชอบหน้าว่านจิ่วซิ่นขนาดนั้น ทั้งสองจะลงเอยกันอย่างไร
ว่านจิ่วซิ่นใส่เสื้อผ้าพลางนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา สามปีก่อนหมู่บ้านชิงอันก็เคยเกิดเรื่อง ตอนนั้นแม่ทัพใหญ่สิ้นใจไปได้ไม่นาน พวกซ่านหู่ก็เข้ามายึดหมู่บ้านไว้
หวู่ไฉตงนำนางไปแลกกับชีวิตทหารและชาวบ้าน ตามคำขู่ของแม่ทัพซ่านหู่ เขาคงหมายให้นางตายที่นั่น เพราะในความคิดของเขานางก็คือฆาตกรสังหารพ่อของเขา นางแทบไม่อยากเชื่อว่าหวู่ไฉตงผู้ที่เคยอ่อนโยนกับนาง จะโยนนางทิ้งในรังโจรไม่นึกถึงสัมพันธ์ที่ผ่านมาสักนิด
ทว่า...มันคือเรื่องจริง
ว่านจิ่วซิ่นถูกแม่ทัพหวู่ฝึกมาอย่างเข้มงวด นางมีไหวพริบและรู้จักพลิกแพลงสถานการณ์ อาวุธในมือถูกยึดไปหมดแต่นางยังมีเข็มพิษที่ซ่อนไว้ในมวยผม นางต้องแสร้งแต่งงานกับหยวนกังหัวหน้าเผาซ่านหู่ เพื่อช่วยชาวบ้านและทหารที่ถูกจับ นางถือว่านั่นคือภารกิจและหน้าที่ของนางแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ เมื่อคนที่นางรักส่งนางให้บุรุษอื่น
ในช่วงเวลาที่อยู่สองต่อสองในกระโจมนอน นางแสร้งโอนอ่อนผ่อนตาม พอสบโอกาสก็ใช้เข็มปักลงบนท่อนแขนของหยวนกัง พิษนี้ทำให้อ่อนแรงไม่ถึงชีวิต นางจับหยวนกังเป็นตัวประกัน จึงออกจากหมู่บ้านนั้นมาได้
หลังจากนั้นก็เอาอาวุธของหยวนกังแทงที่อกของเขา นางคิดว่าเขาตายแล้วจึงหนีกลับค่ายอี๋หลิง จากนั้นก็บังคับหวู่ไฉตงแต่งงานเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องการส่งตัวนางให้ศัตรูอีก บัดนี้รู้แล้วว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน นางไม่ควรใช้วิธีนี้บีบบังคับเขาแต่แรก อีกอย่างเขาก็ยังส่งนางไปให้ศัตรูอย่างไม่ไยดีเช่นเดิม การที่หมู่บ้านชิงอันเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้งบ่งบอกว่าหยวนกังยังมีชีวิตอยู่
ว่านจิ่วซิ่นใสเสื้อผ้าเรียบร้อย ก็ตามหวู่ไฉตงกับกวางหมิงไปที่ค่ายทหาร เพื่อหารือเรื่องหมู่บ้านชิงอัน นางต้องการให้หวู่ไฉตงออกไปทำหน้าที่แม่ทัพกำจัดศัตรู
หลายปีมานี้นางปกป้องหวู่ไฉตงอย่างเงียบ ๆ ยามเขาพบอันตราย นางจะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อศัตรูให้เขาหนีไปได้อย่างปลอดภัย บางครั้งบาดเจ็บปางตาย หวังว่าเขาจะใจอ่อนมาดูอาการนางบ้าง ทว่าก็ไม่เคยมี แต่นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่านางช่วยเขา ทุกครั้งว่านจิ่วซิ่นจะปลอบตนเองเช่นนี้เสมอ
ต่อหน้าหวู่ไฉตงว่านจิ่วซิ่นเข้มงวดไม่ยอมลงให้ วางอำนาจ หยิ่งผยอง ก็เพราะต้องการกระตุ้นให้หวู่ไฉตงรีบแข็งแกร่ง การที่เขาแย่งชิงอำนาจกับนางเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง ในสนามรบไร้ความปรานี หากเขายังอ่อนแอไม่ได้เรื่อง ก็ไม่อาจมีชีวิตรอดกลับมาได้
ช่วงแรกเขาทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะนาง แต่ไม่เคยชนะได้ ทำให้เขายิ่งโกรธและเกลียดนางจนแทบไม่มองหน้า ระยะห่างของนางกับเขามีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดเขาก็ไม่สนใจงานในกองทัพ วัน ๆ เที่ยวสนุกหาความสุขใส่ตัว เรื่องทุกอย่างในกองทัพจึงมีว่านจิ่วซิ่นเป็นคนจัดการ
“ชาวซ่านหู่นำกำลังมาหลายหมื่นนาย ครั้งนี้เจ้าจะนำทัพเองหรือมอบหมายให้ซิ่นเอ๋อร์” กวางหมิงหันไปมองประตูทางเข้าเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดกระโจม เขายิ้มเล็กน้อยให้ว่านจิ่วซิ่น แล้วเหลือบมองหวู่ไฉตงที่มีสีหน้าถมึงทึงขบกรามแน่น
เดินมานั่นก็น้องรัก นั่งอยู่นี่ก็สหายรัก เรื่องที่เห็นก่อนหน้าทำเขากระอักกระอ่วนเหลือเกิน ไม่รู้สองคนนี้จะลงเอยกันได้อย่างไร แม้จะแต่งงานกันมาสามปีแล้ว แต่ก็ไม่ต่างจากศัตรูที่ทำสงครามเย็นกันไม่เว้นแต่ละวัน ดีที่ว่านจิ่วซิ่นไม่คิดเล็กคิดน้อย ทำหน้าที่ของตนอย่างดีเสมอมา
