ฮูหยินได้โปรดอภัยให้สามี

65.0K · จบแล้ว
เหมียวเฟยฉี
36
บท
3.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาเป็นคนบีบให้นางหย่า ส่งนางไปให้ศัตรูเพื่อแก้แค้น ทว่าดันโผล่หัวไปที่ค่ายศัตรูเพื่อช่วยนาง น่าขันตรงที่ ส่งนางให้บุรุษอื่น แต่เจ็บปวดเกินทนไหว เมื่อได้ยินเสียงหวานครวญครางปานจะขาดใจ หลอกตัวเองว่าไม่เคยรักมานานสามปี จนกระทั่งยอมรับความจริงเพราะเสียงคราง ทว่าในวันที่ยอมรับใจตนเอง นางกลับลืมเขาจากความทรงจำไปสิ้น สปอยล์เนื้อเรื่อง ว่านจิ่วซิ่นกวาดตามองเห็นตู้ยาก็เดินไปเปิดตู้ เพื่อหยิบกล่องยามาทำแผลให้ชายแปลกหน้า นางออกจะประหลาดใจ ที่พบกับชายคนนี้ครั้งแรกเขาก็กล้าใช้นางทำแผลให้ อาจเป็นอย่างที่เขาพูดที่นี่ไม่มีสตรี เพียงแต่เขาเป็นถึงแม่ทัพ ย่อมต้องทำแผลเองได้มิใช่หรือ หญิงสาวล้างแผลที่ฝ่ามือให้เขา พลางคิดในใจ คนผู้นี้โง่รึไม่ ที่บีบจอกชาแตกจนมือเป็นแผล ท่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะบีบถึงสองครั้งสองครา โง่เสียจริง! “ว่านจิ่วซิ่น ไม่คิดจะทักทายข้าหน่อยหรือ” อธิบายมา อย่าให้เขาต้องถามให้มากความ เพราะตอนนี้เขาหงุดหงิดมาก ว่านจิ่วซิ่นเลิกคิ้วสูง นางต้องทักทายคนแปลกหน้าด้วยหรือ ชายผู้นี้ประหลาดเสียจริง นางเป็นหญิงมีสามีแล้ว จะทักทายชายอื่นไปทั่วได้อย่างไร “ข้ามีสามีแล้วมิควรพูดคุยกับบุรุษอื่นเจ้าค่ะ” “ก็รู้นี่ แล้วที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้ล่ะ สมควรแล้วหรือ” นั่งตัวติดกับชายอื่นให้สามีดู มันไม่สมควรรู้ไว้ด้วย “ไม่สมควรเจ้าค่ะ” ว่านจิ่วซิ่นตอบเสียงอ่อย ก็เขาให้นางมาทำแผลให้เองนี่น่า รู้ว่าไม่สมควรยังให้นางมา เช่นนี้สามีของนางต้องทุกข์ใจแน่ หญิงสาวใส่ยาให้ชายแปลกหน้าแล้วรีบพันแผล “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ ออกมานานแล้วสามีข้าคงกังวลน่าดู ขอตัวนะเจ้าคะ” หวู่ไฉตงคว้าข้อแขนของคนที่กำลังเดินจากไปไว้จากทางด้านหลัง ดึงตัวนางมาแนบติดกับแผงอก มืออีกข้างจับลาดไหล่ที่มีผ้าผืนบางคลุมไว้ ไม่ให้นางขยับหนี โมโหจนหัวคิ้วย่นเข้าหากัน คำก็สามีสองคำก็สามี เขารู้ในตอนนี้เองว่าสามีที่นางพูดถึงไม่ใช่เขา

นิยายสืบสวนสอบสวนแม่ทัพแฟนเก่ารักแค้นศัตรูกลายคนรักหลังหย่าตามง้อจีนโบราณมีลูกโรแมนติกดราม่า

บทที่ 1 สตรีใจมาร

เมืองฉีเฟิงตั้งอยู่ทิศเหนือของเมืองหลวงแคว้นซีไห่ เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่มีผิงชินอ๋องปกครองเป็นเจ้าเมือง และมีหวู่เยว่ซินเป็นแม่ทัพคุ้มกันเมือง

ชาวบ้านล้วนอยู่อย่างสงบ เพราะแม่ทัพหวู่คอยกำจัดศัตรูที่คุกคามจนสิ้น เขาเก่งกาจ รอบคอบ ไม่เคยแพ้ในสนามรบใด ทว่า...

ถูกคนที่รับมาเลี้ยงวางยาสังหาร เพื่อแย่งอำนาจทางการทหาร เด็กสาวคนนั้นถูกท่านแม่ทัพเลี้ยงมาอย่างดี เขาฝึกวรยุทธ์ให้นางด้วยตัวเอง ใครจะคิดว่าเด็กที่มีพรสวรรค์ฝึกวิชาสำเร็จภายในหนึ่งปี จะอกตัญญูทำร้ายผู้มีพระคุณ

ว่ากันว่าแม้แต่ร่างไร้ลมหายใจของท่านแม่ทัพ ยังกลบฝังไร้ซึ่งพิธีทางศาสนา ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปีแล้ว ชาวบ้านก็ยังไม่ลืมเรื่องเล่าพวกนี้ ทุกครั้งที่พบว่านจิ่วซิ่นก็จะพากันซุบซิบนินทา “เจ้าดูนางสิกล้ามาเดินอวดโฉมที่ตลาดอีกแล้ว ไร้ยางอายเสียจริง”

“นั่นสิสังหารได้แม้กระทั่งผู้มีพระคุณ หลายปีมานี้มองไม่เห็นความเศร้าเสียใจในแววตาของนางเลย”

“เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ทัพในตอนนี้ไม่จัดการนางเล่า”

“ก็เพราะนางมีตราบัญชาการทหารครึ่งหนึ่ง ทหารยังต้องฟังคำสั่งนางนะสิ แม้ท่านแม่ทัพมีใจอยากกำจัดทิ้งก็ทำอย่างโจ่งแจ้งไม่ได้”

“แบบนี้บุตรชายเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพก็ไม่มีสิทธิ์สั่งการใช่รึไม่”

“ท่านแม่ทัพคนใหม่มีตราบัญชาการอีกครึ่ง แต่ก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิด ทหารแทบไม่ฟังคำสั่งเขานอกเสียจากนางพยักหน้า”

สาวน้อยนางหนึ่งสวมชุดบุรุษสีดำดูทะมัดทะแมงกระโจนใส่พวกปากไม่มีหูรูด “หลายปีมานี้รองแม่ทัพว่านก็กำจัดพวกซ่านหู่ให้พวกเจ้าอยู่ดีมีสุข ความดีความชอบมีมากมายพวกเจ้าไม่พูดถึง พูดแต่เรื่องที่ไม่มีมูลน่าจับไปรับโทษที่ค่ายทหารนัก” ชิงหลันชักกระบี่ออกมาอย่างเหลืออด รองแม่ทัพของนางเหน็ดเหนื่อยเพื่อปวงประชา รับมือกับศัตรูภายนอกยังต้องมารับมือกับปากหอยปากกาภายในฉีเฟิงอีก

หลายปีมานี้รองแม่ทัพของนาง ไม่เคยนอนหลับสบายเหมือนชาวบ้านพวกนี้ด้วยซ้ำ อยู่สุขสบายเพราะมีรองแม่ทัพปกป้องเมืองยังกล้ามาปากดีอีก มันน่าปล่อยพวกเหมียวเจียง และซ่านหู่มาจัดการนัก

ชิงหลันเป็นที่ปรึกษาในกองทัพ เนื่องจากนางตามบิดามากองทัพทุกวัน ทำให้ซึมซับกลการศึกจากบิดา เมื่อบิดาป่วยจนสิ้นใจชิงหลันจึงสืบต่อหน้าที่นี้

เมืองฉีเฟิงเปิดกว้าง สตรีและบุรุษถ้ามีความสามารถ อยากประกอบอาชีพใด ล้วนได้รับอิสระไม่แบ่งแยก

“หลันเอ๋อร์ไปกันเถิด” ว่านจิ่วซิ่นจับแขนบอบบางของชิงหลันลากเดินออกจากตรงนั้น ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้

“ท่านทนได้แต่ข้าทนไม่ได้เจ้าค่ะ”

“เอาน่า อย่าเก็บมาใส่ใจเลย ได้ของครบแล้วกลับจวนกัน” วันนี้นางออกมาซื้อผ้าไหม ไปตัดเย็บชุดคลุมให้หวู่ไฉตงเพราะเริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว แม้เขาจะไม่ชอบหน้านาง และไม่เคยหยิบชุดคลุมที่นางเย็บให้มาใส่เลย แต่นางก็ยังตัดเย็บให้เขาทุกปี

ชิงหลันไม่เต็มใจนัก แต่ไม่คิดขัดคำสั่งรองผู้บังคับบัญชา แม้ว่ารองแม่ทัพจะเป็นสตรี แต่กลยุทธ์ทางการทหารโดดเด่น ไม่แพ้บุรุษอย่างท่านแม่ทัพแน่นอน

สามปีที่นางติดตามรองแม่ทัพ ก็เห็นอยู่ว่าทุกเรื่องท่านแม่ทัพไม่เคยแก้ปัญหาเองเลย โยนมาไว้บนบ่ารองแม่ทัพว่านเสมอ

สองสตรีกลับถึงจวนแม่ทัพ ก็มีทหารเข้ามารายงาน “รองแม่ทัพว่าน ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องแล้วขอรับ”

ว่านจิ่วซิ่นฟังรายงานแล้ว เร่งรีบไปที่ค่ายเพื่อนำทหารไปช่วยหวู่ไฉตง นางมาถึงก็ตกใจจนแทบสิ้นสติ เพราะหวู่ไฉตงกำลังจะถูกกระบี่แทงที่จุดตาย หญิงสาวไม่รอช้ากระโจนเข้าไป ใช้ตัวบังกระบี่ให้หวู่ไฉตง กระบี่แทงลึกที่หัวไหล่ซ้าย นางทนกับความเจ็บ โอบพลิกคนเมาพาออกไปจากที่อันตรายแห่งนี้ แขนของนางอ่อนแรงแทบขยับไม่ไหว คนร้ายก็ตามมาติด ๆ หากเป็นแบบนี้ต่อไปคงต้านไว้ไม่ไหวแน่

ว่านจิ่วซิ่นตัดสินใจกอดร่างกำยำของหวู่ไฉตงแล้วทิ้งตัวลงพื้นกลิ้งลงทางลาดชัน ละแวกนี้เป็นป่าเขาจุดที่นางทิ้งตัวเป็นป่าทึบบดบังได้เป็นอย่างดี

ทั้งสองกลิ้งหลายตลบกว่าจะถึงพื้นเรียบ แผลของว่านจิ่วซิ่นเจ็บหนักแถมฉีกขาดกว่าเดิม ทั่วทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยแผลถลอก แขนซ้ายไร้แรงขยับ ความเจ็บปวดแทรกซึมทุกอณูจนแทบรักษาสติไว้ไม่ได้

เสียงสวบสาบที่อยู่ไม่ไกล ทำให้ว่านจิ่วซิ่นหวาดหวั่น กลัวว่าคนร้ายที่ดักซุ่มโจมตีหวู่ไฉตงจะตามมาทัน และที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าคือนางไม่มีแรงจะลุกขึ้นสู้ “ไฉตง เจ้าบาดเจ็บรึไม่”

หวู่ไฉตงหมดสติไปแล้ว ว่านจิ่วซิ่นอยากจะลุกขึ้นมาดูอาการเขาก็ลุกไม่ไหว เขาอาจแค่เมา...เมาจนหลับไปนางปลอบใจตนเองเช่นนั้น หญิงสาวกัดฟันทนเจ็บได้อีกเล็กน้อยก็หมดสติไป เพราะสูญเสียโลหิตไปจำนวนมาก

กวางหมิงนำกำลังทหารตามมาสมทบกับเหล่าทหารที่ว่านจิ่วซิ่นนำมา ไม่นานเขาก็จับกุมพวกที่ลอบสังหารหวู่ไฉตงได้ คนพวกนั้นเป็นทหารเดนตายพอถูกจับได้ก็กัดพิษฆ่าตัวตาย

กวางหมิงงัดพิษในปากคนร้ายได้หนึ่งคน เขาจึงสั่งให้นำตัวคนรอดชีวิตไปขังไว้ที่ค่ายอี๋หลิงรอสอบสวน จากนั้นก็นำกำลังจำนวนหนึ่งค้นหาหวู่ไฉตงและว่านจิ่วซิ่น

“รองแม่ทัพกวางเจอท่านแม่ทัพแล้วขอรับ” ทหารนายหนึ่งวิ่งมารายงานกวางหมิงอย่างหอบเหนื่อย

กวางหมิงยิ้มดีใจเขาหาจนเริ่มท้อแล้ว เวลาสามชั่วยามที่ค้นหาไม่ใช่น้อย ๆ ยิ่งใช้เวลานานเขาก็ยิ่งหวาดกลัว…กลัวว่าศัตรูจะพบคนทั้งสองก่อน

ตอนได้ฟังทหารรายงานว่าหวู่ไฉตงเมา ว่านจิ่วซิ่นได้รับบาดเจ็บ กวางหมิงถึงกับหัวใจวูบโหวง เขากลัวว่าทั้งสองคนจะรับมือกับอันตรายไม่ได้ เมื่อได้ยินว่าพบคนแล้วความหนักอึ้งในใจก็เบาลง “ปลอดภัยรึไม่”

“ปลอดภัยขอรับ เพียงแต่ไม่พบรองแม่ทัพว่าน”

“เจ้าหาดีแล้วรึ พวกเขาตกมาพร้อมกันจะต้องอยู่ไม่ไกลแถวนี้รีบหาตัวรองแม่ทัพว่านให้พบ” กวางหมิงสั่งการ

“ขอรับรองแม่ทัพกวาง”

กวางหมิงวิ่งมาตามคำบอกกล่าวของทหาร เมื่อเห็นหวู่ไฉตงนอนอยู่โคนต้นไม้ ก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะเดินเข้าไปตบเบา ๆ ที่ใบหน้าของสหายรุ่นน้อง “ไฉตงตื่นได้แล้ว ก่อเรื่องเก่งเสียจริง ข้านี่อยากฟาดไม้เรียวที่หลังเจ้าแทนท่านอาเยว่ซินนัก รีบตื่น”

“อะไรของเจ้าปลุกแต่เช้า” หวู่ไฉตงโวยวายที่ถูกรบกวนการนอน

“ดูสถานที่ที่เจ้านอนอยู่ด้วย เสือไม่คาบไปกินก็บุญแล้ว” กวางหมิงส่ายหน้าไปมาอย่างจนใจ เด็กคนนี้ไม่รู้จักโตสักที

หวู่ไฉตงลืมตาขึ้นมาแล้วหรี่ตาลงเพราะปรับตัวกับแสงไม่ทัน “ที่นี่ที่ไหน” ศีรษะของเขาหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินทับอยู่ ทั่วทั้งร่างปวดระบมไปหมด ความจำเลือนรางคล้ายถูกมารดาปกป้องไว้ในอ้อมกอด ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสงบมาก หากแต่มารดาของเขาป่วยสิ้นใจไปนานแล้ว ใครกันมอบอ้อมกอดอบอุ่นนี้ให้เขา

“ซิ่นเอ๋อร์ตกลงมาพร้อมเจ้าเห็นนางรึไม่”