ตอนที่ 9 กรรมคืนสนอง
ตอนที่ 9
เฉียนฮุ่ยเยว่ หลังจากกลับมาจากโรงเตี๊ยม นางได้พาสามีที่อยู่ในอาการเครียดคิดมากเข้าไปพักผ่อนยังห้องนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวนางก็มายังเรือนของบุตรสาว เดินกลับไปกลับมาอยู่ในโถงรับรอง เพื่อรอฟังข่าวจากปิงฟาน ที่กำลังตามหาตัวหนิงเหมย ผู้ซึ่งอยู่ ๆ ก็หายตัวไป ไม่ได้อยู่กับท่านแม่ทัพตามแผนที่วางเอาไว้
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม ปิงฟานที่ออกตามหาคุณหนูใหญ่จนทั่วโรงเตี๊ยมและบริเวณใกล้เคียง แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา จึงรีบกลับจวนสกุลจ้าว มารายงานให้ฮูหยินใหญ่ทราบก่อน
“ว่าอย่างไรนะ ตามหาตัวไม่เจอ”
“เจ้าคะ บ่าวตามหาตัวคุณหนูจนทั่วแล้ว ไม่พบแม้แต่เงาเจ้าคะ”
...เพียะ...
ใบหน้าสาวใช้หันไปตามแรงฟาดของฝ่ามือ ภายในปากเริ่มรับรู้ถึงรสชาติฝาดและกลิ่นคาวเลือด นางรีบคุกเข่าโขกศีรษะลงพื้น ละล่ำละลักเอ่ยออกมา
“ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเจ้าคะ”
“ดูแลบุตรีของข้าอย่างไร ถึงทำให้เสียแผนได้ แล้วยังปล่อยให้บุตรีข้าหายไปอีก”
ปิงฟานอย่างจะตอบโต้ออกไปว่า นางจะอยู่ดูแลได้อย่างไรล่ะ ไหนเมื่อคุณหนูใช้ให้นางมาตามใต้เท้าจ้าวกับฮูหยินตามแผนการที่วางเอาไว้ แต่ทำได้เพียงแค่คิดในใจเท่านั้น
“ไปเลยนะ ออกไปตามหาเหมยเอ๋อร์ให้เจอ หากวันนี้เจ้าหานางไม่พบ ข้าจะขายเจ้าให้หอนางโลมเสีย”
“อย่าเจ้าคะ บ่าวจะตามหาคุณหนูให้พบ”
สาวใช้กลัวว่าตนเองจะถูกขายต่อให้หอนางโลม รีบยันกายลุกขึ้นยืน หมุนตัวจะเดินออกจากโถงรับรอง เพื่อไปตามหาตัวคุณหนูใหญ่ต่อ
แต่ว่าสตรีที่นางต้องออกตามหา กำลังเดินเข้ามาภายในห้อง สภาพดูไม่ได้เลยทีเดียว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าฉีกขาด ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยริ้วรอยแดง
“เหมยเอ๋อร์ ลูกไปอยู่ไหนมา”
ฮูหยินฮุ่ยเยว่รีบตรงเข้ามาประคองบุตรี ที่เดินหมดเรี่ยวแรงซวนเซไปมา นัยน์ตาของนางยังเลื่อนลอยแปลก ๆ พิกล
หนิงเหมยปล่อยให้มารดาลากตัวไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวกลม ใบหน้าเลื่อนลอยคล้ายกับคนไม่มีวิญญาณ
“เหมยเอ๋อร์ ทำไมคนที่อยู่ในห้องถึงไม่ใช่ลูก แล้วลูกไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมถึงได้ตกอยู่ในสภาพดูไม่ได้เช่นนี้”
“...”
บุตรีคนโตของสกุลจ้าว ปล่อยให้เสียงแหลมของมารดาเล็ดลอดผ่านเข้าไปในสมอง เพียงแต่ว่านางฟังไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
นางคิดแต่เพียงว่า ชีวิตของนางจบสิ้นลงแล้ว หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง จนที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
“ตาย ข้าอยากตาย”
เมื่อได้ยินบุตรอันเป็นแก้วตาดวงใจ ผู้เป็นมารดายิ่งกระวนกระวายใจ ที่บุตรีตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นางดึงร่างบาง เข้ามาสวมกอดไว้แนบอก
“เหมยเอ๋อร์ แม่อยู่ตรงนี้แล้ว บอกแม่มาใครทำอันใด ลูกของแม่”
“ท่านแม่ ลูกไม่เหลืออะไรแล้ว พวกชั่วนั้นมันฉุดลูกเข้าไปในห้อง แล้ว...แล้ว...ฮือ ๆ”
จ้าวหนิงเหมยปล่อยโฮออกมา ยามคิดย้อนไปถึงตอนที่นางยืนมองสาวใช้ข้างกายลงบันไดไปเรียบร้อยแล้ว ตัวนางนั้นก็กำลังคิดจะเข้าไปหาท่านแม่ทัพ ที่รออยู่ในห้อง แต่ทว่ากับถูกบุรุษสามคน ที่ต่างอยู่ในอาการเมามาย มาฉุดลากตัวนางเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง เพราะคิดว่านางเป็นสตรีที่ทำงานอยู่ในหอนางโลม แล้วหลังจากนั้นบุรุษทั้งสามก็ผลัดกันขืนใจนาง
เฉียนฮุ่ยเยว่ไม่ต้องรอให้บุตรีเล่าขยายความให้มากกว่านั้น ก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรกับดวงใจของนาง ดวงตาคู่งามวาวโรจน์ขึ้งโกรธไอ้พวกชั่วช้าเลวทรามนั้น และที่สำคัญคือ จ้าวซีฮัน คนที่มาทำให้แผนการทุกอย่างพังหมด หนำซ้ำนางยังเป็นต้นเหตุให้หนิงเหมยต้องถูกกระทำย่ำยีแบบนี้
“ท่านแม่ ลูกอยากตาย ฮือ ๆ ลูกอยากตาย”
อ้อมแขนของมารดากระชับมั่น หยาดน้ำใสเอ่อคลอรอบขอบตาร้อนผ่าว คนที่เป็นมารดาย่อมเจ็บมากกว่าลูกเป็นร้อยเท่าพันเท่า หากทำได้นางอยากจะไปฆ่าคนที่มันทำกับหนิงเหมยให้ตายด้วยน้ำมือของนางเลย
“ไม่เป็นไรนะเหมยเอ๋อร์ ทุกอย่างมันจะดีขึ้น อย่าลืมลูกยังมีแม่ แม่ที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูกได้”
“ฮือ ๆ”
เสียงคร่ำครวญยังคงดังไปทั่วเรือนหลัก และความรักของมารดา ที่อยากจะเยียวยาจิตใจของบุตรีให้ลืมเลือนความเลวร้ายนี้ไปจากใจดวงน้อย ๆ
เรือนปีกตะวันออก
ขณะที่สองแม่ลูกกอดปลอบขวัญกัน ที่เรือนขนาดเล็กด้านปีกตะวันออกของเรือนหลัก สตรีสองนางที่ถูกลงโทษโบยอย่างหนัก กำลังปลอบขวัญกันเองเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะสุ่ยเซียนที่ได้รับโทษโบยเป็นสองเท่าของผู้เป็นนาย ตอนนี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นข้างเตียง
“สุ่ยเซียน เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า”
“บ่าวไม่เป็นไรเจ้าคะ คุณหนูเล่าเจ็บมากหรือเปล่า รอประเดี๋ยวบ่าวจะทายาให้”
สาวใช้พยายามดันตัวลุกขึ้นยืน แต่พอขยับเพียงนิด บาดแผลที่หลังยิ่งเจ็บแปลบรวดร้าว เสียจนต้องรีบทิ้งตัวลงนอนตามเดิม บาดแผลที่ฉีกขาดเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมาอีกครั้ง
ซีฮันที่ถูกโบยเหมือนกัน แต่เนื่องด้วยบิดายังคงเห็นแก่ว่านางเป็นบุตรของภรรยาที่ท่านพ่อรักมาก จึงไม่ถูกโบยหนักเท่ากับสาวใช้
นางเห็นสภาพของคนที่จงรักภักดี จึงกลั้นใจข่มความเจ็บที่กลางหลังเอาไว้ ขยับตัวลงจากเตียง แล้วจัดการลงมือทำแผลทายาที่แผ่นหลังให้สุ่ยเซียน
“คุณหนู ไม่ต้องเจ้าคะ คุณหนูยังเจ็บอยู่ บ่าวไม่เป็นไร”
“นอนนิ่ง ๆ เจ้าต้องมาเจ็บตัวก็เพราะข้าแท้ ๆ ให้ข้าได้ทายาให้เถอะ”
สุ่ยเซียนจึงทิ้งหัวลงนอนแต่โดยดี น้ำตาไหลรินออกมา ไม่ได้โทษหรือโกรธคุณหนูที่เป็นคนดีจนเกินไป แต่โกรธคุณหนูใหญ่กับฮูหยิน ที่พากันวางแผนบ้า ๆ นี้ขึ้นมา จนคุณหนูของนางต้องกลายมาเป็นแพะรับบาป
“ขอโทษนะสุ่ยเซียน”
สาวใช้เอื้อมมือขึ้นมาจับมือเรียวงามของผู้เป็นนาย
“คุณหนูไม่ต้องขอโทษบ่าว คนที่ผิดคือฮูหยินใหญ่กับคุณหนูหนิงเหมยต่างหาก”
“ท่านแม่กับท่านพี่ แค่หลงผิดไป อย่าโกรธพวกเขาเลยนะ”
สุ่ยเซียนอยากจะโต้แย้งมากกว่านี้ แต่เพราะพิษของบาดแผลที่มีอยู่เต็มแผ่นหลัง นางจึงเลือกที่จะหลับตาลง พักผ่อนให้มาก ๆ จะได้กลับมาดูแลคุณหนูของตน ไม่ใช่ให้คุณหนูต้องมาดูแลแบบนี้
เมื่อเห็นสาวใช้หลับไปแล้ว ซีฮันจึงปีนกลับขึ้นไปบนเตียง นอนคว่ำหน้า ปล่อยให้น้ำตารินไหลหยดลงบนหมอนจนเปียกชุ่ม
ปานนี้ท่านพ่อคงจะผิดหวังและไม่รักนางแล้วกระมัง ไหนจะสายตาของบุรุษผู้นั้น ที่มองนางเหมือนเป็นไส้เดือนกิ้งกือที่น่าขยะแขยง
ต่อไปนางคงไม่ได้เห็นแววความอบอุ่นที่แฝงอยู่ในสายตาคมคู่นั้น คงจะมีแต่ความเกลียดชังเข้ามาแทนที่
...ท่านแม่ ลูกเหนื่อยเหลือเกิน ชีวิตหลังจากนี้ ไม่รู้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง ท่านแม่ช่วยลูกด้วย...
หญิงสาวคิดถึงอ้อมแขนอบอุ่นเปี่ยมไปด้วยความรัก จากมารดา ผู้ที่คอยกางปีกปกป้องตนมาตลอด แต่โชคชะตากับพรากชีวิตของมารดา ให้จากนางไปตลอดกาล หากวันนี้มารดายังอยู่ นางคงมีอ้อมแขนอบอุ่นช่วยปลอบประโลมใจ ในยามที่เจอเรื่องร้าย ๆ เช่นครั้งนี้...