ตอนที่ 5 แผนการเพื่อให้บุตรได้สามี
ตอนที่ 5
...เพล้ง...
เสียงสิ่งของที่ถูกขว้างปา หล่นแตกกระจายอยู่ตามพื้นเรือน ดังออกมาจากเรือนหลังใหญ่ของจวนสกุลจ้าว
...โครม...
ตามมาด้วยข้าวของเครื่องใช้ใหญ่ ๆ อีกหลายชิ้น ทุกอย่างเป็นฝีมือของคุณหนูใหญ่ของจวน ที่กำลังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง
โดยมีจ้าวฮูหยินใหญ่และบรรดาสาวใช้ พากันยืนหลบอยู่มุมมุมหนึ่ง ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลงจากเพลิงโทสะในครั้งนี้
“เหมยเอ๋อร์ ใจเย็น ๆ ก่อนลูก”
แม้แต่ฮูหยินฮุ่ยเยว่ที่เป็นมารดาบังเกิดเกล้า ยังไม่กล้าเข้าใกล้บุตรีในยามมีอาการเช่นนี้เลย ทำได้แค่เพียงร้องห้ามอยู่ห่าง ๆ
“ใจเย็นหรือ ท่านแม่ ใจเย็นให้นางสองคนนั้นมันแย่งท่านแม่ทัพไปจากลูกหรือ”
...เพล้ง...
จ้าวหนิงเหมยขว้างแจกันใบสุดท้ายลงพื้นจนแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นน้อย หลังจากแอบสะกดรอยตามสตรีสองคนไป จนพบว่าพวกนางได้ไปนั่งร่วมโต๊ะตัวเดียวกับบุรุษที่นางใฝ่ฝันอยากจะได้มาเป็นสามี
แล้วยิ่งได้เห็นท่านแม่ทัพ ที่ทุกคนเล่าลือ ว่าเป็นบุรุษที่น่ากลัว เคร่งขรึม เย็นชาไม่ค่อยชอบเจรจากับผู้ใด แต่กลับสตรีทั้งสองนาง กลับได้เห็นเขากระตือรือร้นที่จะพูด อีกทั้งประกายตาของเขาแฝงความรู้สึกดี ๆ เอาไว้ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าสายตาคู่นั้นมองไปที่บุตรีของเสนาบดีฝ่ายขวาหรือน้องสาวตัวดีของนางกันแน่
“พวกนางก็แค่ได้นั่งร่วมโต๊ะ”
“แต่ว่าไม่เคยมีสตรีนางใดได้รับเกียรตินั้นนะสิ แม้แต่ลูก”
หนิงเหมยตวาดเสียงดังใส่มารดา ก่อนจะเลิกทำลายข้าวของ หมุนตัวกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ตัวกลม
“รินน้ำชาให้ข้าสิ เจ็บคอไปหมดแล้ว ต้องรอให้ถูกโบยก่อนหรืออย่างไร ถึงจะพากันคิดได้”
ประโยคนี้หญิงสาวหันไปใส่อารมณ์กับบรรดาสาวใช้ ที่พากันเริ่มขยับออกมาจากมุมที่ยืนหลบอยู่
จ้าวฮูหยินเมื่อเห็นท่าทีของบุตรียอมสงบลงบ้างแล้ว จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้แบบช้า ๆ หากเห็นท่าทีจะกลับมาอาละวาดอีก นางจะได้วิ่งไปหลบที่มุมเดิมได้ทัน
แต่เมื่อบุตรียังคงนั่งหน้าบึ้งตึง ผู้ที่เป็นมารดาจึงนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ห่างจากบุตรีพอสมควร
“ลูกชอบพอท่านแม่ทัพหานมากหรือ”
“แน่นอนเจ้าคะ แล้วลูกจะต้องได้เขามาครองด้วย”
คุณหนูใหญ่ เพราะถูกตามใจมาตั้งแต่วัยเยาว์ ดังนั้นเมื่อโตขึ้นนางอยากได้อะไร จึงจำเป็นต้องได้ ไม่อยากนั้นข้าวของในบ้านจะพังเหมือนวันนี้
“ถ้าเช่นนั้น แม่คนนี้จะช่วยลูกเอง”
ในเมื่อเป็นชายที่บุตรีหมายปอง หนำซ้ำสกุลหานก็เป็นสกุลที่มีชื่อเสียง แม่ทัพห่าวซวนเองก็เก่งกาจได้ตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วยังเป็นคนที่ฝ่าบาทรักและไว้ใจมากที่สุด หากสตรีใดได้เข้าไปเป็นฮูหยินของเขาแล้วละก็ สกุลนั้นจะเจริญไปหน้าเรื่อย ๆ แน่
“จริงหรือท่านแม่ ท่านมีวิธีที่จะทำให้ลูกได้เข้าไปเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพหรือ”
พอมารดาบอกว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วย น้ำเสียงที่เคยตวาดเสียงดังใส่มารดา ก็เปลี่ยนมาอ่อนหวานลงทันที
“มีสิ ยื่นหูมา แม่จะบอกแผนการให้ฟัง”
หลังจากฟังแผนการจากปากของมารดาจบแล้ว ดวงตาที่เคยวาวโรจน์ไปด้วยโทสะ กลับมากลายเป็นเพ้อฝันวาดวิมาน ยามที่ได้ครองรักกับชายหนุ่มที่นางหมายปอง
“ลูกรักท่านแม่ที่สุดเลย หากลูกได้แต่งเข้าจวนหาน ท่านแม่จะได้สบายมีหน้ามีตา มีเงินทองมากยิ่งกว่าเดิมอีก”
สองแม่ลูกกอดกันกลม หลังจากคิดแผนการหาสามีได้สำเร็จ ต่างวาดวิมานกลางอากาศถึงความสุขสบายในวันข้างหน้า แม้ว่าจะยังไม่ได้ลงมือทำเลยก็ตาม...
“ฮันเอ๋อร์ เจ้าวางมือจากการกวาดถูบ้านก่อนเถิด พี่มีเรื่องจะวานให้เจ้าช่วยหน่อย”
คุณหนูใหญ่ผู้ที่ไม่ยอมย่างกรายมายังเรือนปีกตะวันออกเลย แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ลมอะไรหอบมา ถึงได้มาหยุดยืนอยู่บนระเบียงทางเดิน ที่สำคัญยังพูดจาดีกับน้องสาวอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย
“พี่หญิงมีอะไรจะให้ข้าช่วย บอกมาได้เลยเจ้าคะ”
สตรีที่กำลังกวาดพื้นบนระเบียงทางเดิน ขันอาสาด้วยความเต็มใจ สีหน้าแววตาอาบอิ่มไปด้วยความสุข เมื่อพี่สาวยอมพูดจาดีด้วยสักที
“พี่อยากให้เจ้าช่วยทำขนมเฉียวกั่วให้พี่หน่อย พี่จะนำไปมอบให้คนผู้หนึ่ง”
“ได้เจ้าคะ พี่หญิงกลับไปรอที่เรือนก่อนก็ได้ เดี๋ยวข้าทำเสร็จ จะให้สุ่ยเซียนยกไปให้ที่เรือน”
“ขอบใจเจ้ามาก”
จ้าวหนิงเหมยยิ้มกว้างให้น้องสาวต่างมารดา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากเรือนปีกตะวันออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่หายตามไปด้วย
“ทำมาเป็นพูดจาดีด้วย ที่แท้ก็หลอกใช้ให้คุณหนูทำขนมให้”
สุ่ยเซียนพูดออกมาตามตรง แม้รู้ว่านั้นเป็นสิ่งที่สาวใช้ไม่ควรทำ แต่ว่าใครเล่าจะมองรอยยิ้มเสแสร้งนั้นไม่ออก...อ้อ...มีสิคุณหนูของนางอย่างไรเล่า ที่ชอบมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ
“สุ่ยเซียน ไม่ดีเลยนะที่ไปวิจารณ์เจ้านายแบบนั้น พี่หญิงก็แค่อารมณ์ร้ายใส่ข้ายามที่พี่หญิงอารมณ์ไม่ดีเท่านั้น หากพี่หญิงอารมณ์ดีก็จะดีกับข้าเช่นวันนี้แหละ”
“แหม...คุณหนูใหญ่นี้อารมณ์เสียทุกวันเลยนะเจ้าคะ”
สาวใช้ยั้งปากเอาไว้ไม่ทัน ผลที่ได้คือ คุณหนูส่งสายตาเขียวมาให้ พร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นมาตีที่แขนของนางเบา ๆ เพียงแค่นั้นแหละ เพราะคุณหนูผู้แสนดีของนางไม่เคยลงโทษบ่าวไพร่เลย
“พวกเราไปเข้าครัวกันเถอะ ไว้ค่อยกลับมาถูเรือนต่อ”
ซีฮันที่อยู่ในอารมณ์แจ่มใส เดินไปที่ห้องครัวด้วยความกระฉับกระเฉง นาน ๆ ทีพี่หญิงพูดจาดีกับนางแบบนี้ ทำให้โลกใบนี้ช่างดูสดใสมากขึ้นยิ่งนัก
ดังนั้นนางต้องพยายามทำขนมเฉียวกั่วออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้พี่สาวพึงพอใจ จะได้ดีกับนางแบบนี้ไปตลอด
พอทั้งสองมาถึงห้องครัว สุ่ยเซียนได้จัดเตรียมวัตถุดิบในการทำขนมมาให้ อาทิ แป้งสาลี น้ำตาล งา เกลือ น้ำมัน
เมื่อได้วัตถุดิบตามต้องการแล้ว มือเรียวงามทั้งสองของซีฮัน น้ำส่วนผสมต่าง ๆ มาผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน เมื่อได้ที่แล้วก็หมักทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง
ก่อนจะนำก้อนแป้งมาทำเป็นรูปทรงต่าง ๆ แล้วนำไปทอด พอแผ่นแป้งกลายเป็นสีเหลืองทอง ก็รีบตักขึ้นมาพักให้น้ำมันหายไป จึงนำขนมที่ทอดเสร็จจัดเรียงไว้ในกล่องให้สวยงาม
“หอมน่ากินจังเจ้าคะ”
สุ่ยเซียนสูดดมกลิ่นหอมของขนมเข้าไปเต็มปอด พร้อมกับกลืนน้ำลายเสียงดัง น่าเสียดายที่นางไม่มีวาสนาได้กินขนมอันน่ากินนี้หรอก หากคนเรือนใหญ่ไม่กล่าวอนุญาตหรือเหลือไว้ให้
“นี้ส่วนของเจ้า รีบ ๆ กิน ก่อนจะมีคนมาเห็น กินเสร็จก็นำกล่องขนมนี้ไปให้พี่หญิงใหญ่”
สาวใช้มองขนมเฉียวกั่วห้าชิ้นที่คุณหนูยื่นมาให้ ดวงตามีน้ำใสเอ่อคลอขึ้นมา ดูเอาเถิด คุณหนูผู้แสนดีของนาง ยังแอบยักยอกขนมเอาไว้ให้สาวใช้ตัวเล็ก ๆ เช่นนาง โดยไม่กลัวว่าจะถูกฮูหยินใหญ่ทำโทษหากความนี้รู้ไปถึงหู
“คุณหนู”
“ทานเถอะ นาน ๆ ครั้งจะมีโอกาสดีแบบนี้”