บทที่ 3 ...ข่าวลือ...
บทที่ 3
...ข่าวลือ...
ข้าอยู่รับใช้ฝ่าบาทมาเกือบ 2 ปี แม้จะโดนกินเต้าหู้จากฝ่าบาทมากมายเท่าไหร่ แต่ฝ่าบาทก็ยังเป็นบุรุษที่สุภาพคนหนึ่งก็ว่าได้ ในวันนี้ข้าตามเสด็จฝ่าบาทมายังแคว้นเหลียง เพื่อนมาร่วมยินดีในงานอภิเษกสมรสและงานแต่งตั้งฮองเฮาของแคว้นเหลียง ในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่งดงามภายในวังหลวงของแคว้นเหลียง แคว้นเหลียงจัดงานเลี้ยงเสียยิ่งใหญ่สมกับเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ ทุกอย่างในงานล้วนเป็นทองคำทั้งสิ้น การแต่งตัวก็แปลกตาไปทั้งหมด สตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนก็จะใช้ผ้าคลุมหัวเฉกเช่นคนต่างแคว้นที่ยังไม่ออกเรือนมาที่นี้จำต้องแต่งกายมิดชิด เพราะที่นี้ให้ความสำคัญแก่สตรีมากเพราะเป็นสตรีที่ให้กำเนิกบุตรธิดาจึงรักและเคารพมากกว่าสิ่งอื่นใด
"ถวายพระพรฮ่องเต้แคว้นเว่ย พะยะค่ะ"
"ทุกคนนั่งลงเถิด เจินมาร่วมงานอภิเษกสมรสของฮ่องเต้แคว้นเหลียง เจินกับฮ่องเต้แคว้นเหลียงเป็นสหายกันตั้งแต่เด็กจึงอยากมาร่วมงานในครั้งนี้"
"ยินดีที่ฮองเต้แคว้นเว่ยมาร่วมงานนี้ เราทั้งสองเป็นสหายกันตั้งแต่เด็กมาเถิด เชิญนั่ง"
"ร่วมดื่มฉลองให้เต็มที่กับงานเลี้ยงในครั้งนี้ ขอบใจพวกเจ้าที่มาร่วมยินดีในครั้งนี้"
"ขอบพระทัยฝ่าบาทขอให้ฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปีหมื่นๆปี"
ข้าที่ติดตามฝ่าบาทมางานอภิเษกในครั้งนี้ทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆ ฝ่าบาทที่กำลังดื่มสุราฉลองกับสหายวัยเยาว์ จนกระทั่งท่านอ๋องจากแคว้นอื่นเดินตรงมายังข้าที่ยืนอยู่พร้อมทั้งใช้มือแตะเนื้อต้องตัวข้าอย่างไม่ให้เกียรติข้าเลยสักนิด
"ดื่มน้ำนี่สักนิดสิ เจ้าทำไมเอาแต่ยืนนิ่งไม่ดื่มอะไรเลยเช่นนี้ ใบหน้างดงามของเจ้าเหมือนขาดน้ำไปมากเลย เจ้ารู้ตัวหรือไม่คนงามต้องดื่มเยอะๆถึงจะบำรุงผิวพรรณ"
"ขอบพระทัยพะยะค่ะท่านอ๋องที่ทรงห่วงใยกระหม่อมเช่นนี้ เพียงแต่กระหม่อมคงทำเช่นนั้นไม่ได้ กระหม่อมต้องดูแลความปลอดภัยของฝ่าบาทของกระหม่อม ขออภัยที่ทำให้ท่านอ๋องไม่พอใจ"
"เจ้าดื่มเสียหน่อย เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าร่างกายของเจ้าชายผอมยิ่งกว่าสตรีอีกดื่มเยอะๆสิ"
"กระหม่อมว่าท่านอ๋องส่งเมามากแล้ว องครักษ์ของท่านอ๋องอยู่ที่ใด ประเดี๋ยวกระหม่อมจะไปเรียกมาให้พระองค์พะยะค่ะ"
"ข้าไม่ได้เมาเสียหน่อย คนงามข้าไม่ได้เมาสักนิด แต่ถ้าข้าจะเมาก็เมาเพราะความงดงามของเจ้า"
"แต่อาการที่ท่านอ๋องจะทำเช่นนี้ นี่เรียกว่าเมานะ พะยะค่ะ ขออภัยที่กระหม่อมทำตัวไม่ดีแต่การที่ท่านอ๋องเกี้ยวพาราสี บุรุษเยี่ยงกระหม่อมคงไม่ดีนักมันจะเป็นการเสื่อมเสียชื่อเสียงของท่านอ๋องเอง"
"คนงามข้าถูกใจเจ้ายิ่งนัก เจ้าเป็นบุรุษที่ตรงไปตรงมา ซื่อตรงยิ่งกว่าเหล็กที่ไม่ยอมงอเสียอีก แววตาของเจ้าเวลาจ้องมองใครก็ทำให้ผู้นั้นหลงใหลไปทันที เอาอย่างนี้คนงามเจ้าแต่งมาเป็นเมียน้อยของข้า ข้าจะดูแลเจ้าให้ดีที่สุด ดีกว่ามาเป็นองครักษ์เช่นนี้"
"ท่านอ๋องท่านจะดูถูกกระหม่อมเกินไปเสียแล้ว ถึงกระหม่อมจะไม่ร่ำรวย ไม่คิดจะไปเป็นเมียน้อยผูใด ขอให้ท่านอ๋องจงคิดทบทวนใหม่ด้วยพะยะค่ะ"
"ท่านอ๋องแคว้นเจิน ท่านอ๋องคงเมามากเสียแล้ว ท่านอ๋องอย่าทรงงได้ไปยุ่งเกี่ยวกับองครักษ์ส่วนพระองค์ของฮ่องเต้แคว้นเว่ยเลยนะพะยะค่ะ กระหม่อมจะพาท่านอ๋องกลับไปพะยะค่ะ"
"องครักษ์ส่วนพระองค์งั้นหรือ ข้าก็นึกว่านายบำเรอซะอีก เห็นว่าฮ่องเต้ผู้นี้เลี้ยงนายบำเรอไว้เป็นองครักษ์แก้เหงา ที่มีใบหน้าตางดงามเช่นเทพเซียน ฮ่องเต้แคว้นเว่ยช่างรู้จักคิดเสียจริง หาคนงามเยี่ยงนี้มาเป็นเมียน้อยได้ ไม่สิก็แค่นายบำเรอน่าขำสิ้นดี"
" ระวังวาจาของท่านด้วยนะพะยะค่ะท่านอ๋อง การลบหลู่เบื้องสูง มีสิทธิ์โดนประหาร 9 ชั่วโคตร แม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์ก็ไม่เว้น ยิ่งในตอนนี้ท่านอ๋องเอ่ยปากกล่าวขึ้นมาเองเช่นนี้และผู้คนในงานเลี้ยงรุ่นแล้วแต่เป็นเชื้อพระวงศ์และฮ่องเต้แคว้นอื่นๆท่านอ๋องไม่กลัวโดนประหารหรือพะยะค่ะ"
"หลี่จิ้งเจ้าพูดได้ดี ตัวเจ้าเองก็ไม่สมควรที่จะพูดเช่นนี้นะ ท่านอ๋องเจ้ามาจากแคว้นเจินเหตุใดแคว้นนี้ถึงไม่มีผู้อบรมสั่งสอน เจ้าที่ดูถูกเชื้อพระวงศ์เช่นข้า ไม่สมควรที่จะทำการค้าใดๆด้วยจริงๆ"
"ขออภัยแก่น้องชายของกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ เขายังเด็กนักรู้เท่าไม่ถึงการ คิดไม่รอบคอบ เขาเป็นคนเช่นนี้ พูดไม่คิดขอให้ฝ่าบาทจะได้ถือโทษเลยนะพะยะค่ะ"
"คนของเจินจะงดงามเพียงใด แต่ก็ไม่อาจล่วงเกินใดๆได้ ต่อว่าคนของเจินก็เหมือนต่อว่าเจินเช่นกัน หน้าขายหน้านักจนไม่อาจที่จะอยู่ในงานเลี้ยงนี้อีกต่อไป เพราะจะต้องพาคนของเจินกลับไป เพื่อไม่ให้คนอื่นเอาไปนินทาว่าร้ายได้ ขออภัยที่อยู่ที่นี่ได้ไม่จบงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ไปกันเถอะหลี่จิ้ง"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
ข้าเดินตามหลังของฝ่าบาทอย่างไม่พูดอะไรอีก เพราะข้าไม่รู้จะพูดกับพระองค์อย่างไรดี เพราะทุกครั้งเมื่อออกงานกับฝ่าบาท ข้าก็จะโดนคนดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้เสมอ อาจเป็นเพราะข่าวลือที่ว่าข้าใช้ร่างกายชี้นำฝ่าบาทในทางที่ไม่ดี แต่ก่อนข้าเคยเป็นคุณชายตระกูลติงหาใช่มีคนดูถูกเหยียดหยามข้าเช่นนี้ แต่เมื่อตอนนี้ข้าอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุด ก็จะโดนคนต่อว่าเช่นนี้ ข้าก็เปรียบเสมือนเศษดินที่ไร้ค่าเพียงเท่านั้น จะโดนเหยียบจะโดนเตะสุดแล้วแต่คนจะกระทำ
"เจ้าคิดอะไร ทำไมไม่กล่าวออกมา"
"ไม่มีอะไรแค่อยากถาม พระองค์ทรงคิดไปเองแล้ว แค่คิดว่าคนที่เกิดมาต่ำศักดิ์ต้องโดนกระทำเหยียบอย่างเช่นนั้นหรือ"
"ใครยังไม่เคยรู้ถึงอดีตของเจ้าจงช่วยเล่าอดีตของเจ้าให้ข้าฟังได้หรือไม่"
"ถ้าฝ่าบาทรู้เรื่องอดีตของกระหม่อมฝ่าบาทจะรังเกียจกระหม่อมหรือไม่"
"ข้าไม่เคยคิดที่จะรังเกียจคนที่ข้ารักเลยสักครั้ง"
"ฉะนั้นกระหม่อมจะเล่าให้ฟัง"
"ตัวกระหม่อมเดิมทีเป็นคนชายตระกูลติง เป็นบุตรชายคนโตที่มีน้องสาว ถึง 4 คน บิดาของกระหม่อม เป็นเพียงขุนนางเล็กๆคนหนึ่งแต่มารดาเป็นถึงองค์หญิงพระองค์เดียวของแคว้นหรง ที่ออกรบเพื่อประชาชน จนได้ขึ้นเป็นตำแหน่งแม่ทัพหญิงคนแรก”
“มารดาของกระหม่อม มีนิสัยดุร้ายที่คนภายนอกกล่าวว่าฆ่าคนโดยไม่กระพริบตาโหดร้ายทารุณแต่ความจริงแล้วท่านแม่ของกระหม่อมเป็นสตรีที่งดงามทั้งจิตใจและรูปโฉม ท่านแม่ของกระหม่อมส่งกระหม่อมไปร่ำเรียนวิชากับอาจารย์ของท่านแม่เอง จนพอมีวรยุทธ์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เก่งกาจเท่าท่านแม่ของกระหม่อม ท่านแม่ควบม้ายิงธนูใช้กระบี่ฆ่าคน หลายปีผ่านมาวันๆท่านแม่ต้องป็นสตรีนั่งเย็บปักทักร้อยอยู่ที่จวน”
“จนกระทั่งท่านแม่ได้พบกับท่านพ่อ ท่านแม่เอยปากขอท่านพ่ออภิเษกเอง แต่ผ่านมาเพียงไม่กี่ปีก็มีน้องสาวของกระหม่อม ออกมาวิ่งเล่นเต็มบ้าน เมื่อ 10 ปีก่อน ในระหว่างที่กระหม่อมพึ่งกลับมาจากฝึกฝนกับอาจารย์พ่อท่านแม่ ได้เพียงไม่นาน ก็มีคนจากวังหลวง ส่งคนมาสังหารคนในตระกูลของกระหม่อม ตอนนี้หม่อมเหลือเพียงน้องสาว แต่ยังหาอีก 2 คนไม่เจอ กระหม่อมคิดว่าถ้ามีโอกาสกระหม่อมจะไปตามหาน้องสาวอีก 2 คนของกระหม่อม"
"งั้นเจ้าก็มีเชื้อสายเชื้อพระวงศ์ ถ้านับจริงๆเจ้าก็เป็นอ๋องน้อย น้องสาวของเจ้าก็เป็นท่านหญิง ไม่ใช่หรือ เหตุใดไม่กลับแคว้นของตนแล้วหกระเหินเดินทางมาที่นี่"
"ถ้าอยู่แคว้นของตนเองได้จะหนีไปพึ่งแค้วนของผู้อื่นทำไมตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่กระหม่อมจะต้องกลับไป กระหม่อมกำลังสืบหาว่าบิดาและมารดาของกระหม่อมยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"
"ข้าจะช่วยเจ้าตามหาเองเจ้าวางใจได้"
"ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงช่วยเหลือกระหม่อม"
"เพราะเจ้าคือคนที่ข้ารัก"
"ฝ่าบาทที่รักกระหม่อมด้วยใจจริงนั้นหรือพะยะค่ะ"
"ข้ารักเจ้าด้วยใจของค่าจริงๆหาใช่เพราะหน้าตาของเจ้า แต่เป็นเพราะจิตใจของเจ้าต่างหาก"
"เช่นนั้นฝ่าบาทสัญญาได้หรือไม่ ว่าพระองค์จะไม่ทอดทิ้งกระหม่อมจะไม่ทรยศหักหลังกระหม่อมและรักกระหม่อมเพียงผู้เดียวไม่ม่มีผู้อื่นอีกถ้าพระองค์สัญญากระหม่อมจะยอมเป็นของพระองค์"
"ข้าสัญญาและสาบานว่า หากข้ากระทำผิดต่อเจ้าขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ข้าอย่างไร้ปราณีให้ข้าสูญเสียคนที่รักที่สุดไปตลอดชีวิตอยู่ไม่สู้ตายข้าขอสาบานกิ่งทอกิ่งนี้"
"กิ่งท้อนี้คือคำสัญญาระหว่างกระหม่อมกับพระองค์ว่าทุกชาติทุกภพเราจะเป็นสามีภรรยากันตลอดไป จะไม่ทรยศและหักหลังซึ่งกันและกันอีกตลอดชีวิต กระหม่อมจะรักพระองค์เพียงผู้เดียว และก็ขอให้พระองค์รักกระหม่อมเพียงผู้เดียวเช่นกัน บิดาและมารดาของกระหม่อม มีรักเพียงรักเดียว ไม่มีผู้อื่นอีกกระหม่อมสาบานและสัญญา"
เราทั้งสองคนพูดจบพร้อมกับกิ่งท้อถ้าพร้อมแล้วที่จะยอมมอบศักดิ์ศรีของบุรุษให้แก่พระองค์คนที่ข้ารักมาตลอด
"กระหม่อมขอมอบร่างกายนี้และชีวิตนี้ให้แก่พระองค์ตราบใดที่พระองค์ยังรักและเห็นค่าของกระหม่อมกระหม่อมก็จะอยู่และตายเพื่อพระองค์ได้ตลอดไป"
"ข้ารักเจ้าต่อไปนี้เมื่อเราอยู่ด้วยกันเจ้าพูดกับข้าข้ากับเจ้าไม่ต้องเรียกฝ่าบาทหรือกระหม่อมอีกเพราะข้าเจ้าคือสามีภรรยากันเราจะไม่แบ่งฐานะกันอีก"
"พะยะค่ะกระหม่อมก็รักพระองค์"
"เจ้าพูดใหม่สิเมื่อกี้ข้าก็บอกแล้วไม่ใช่เรียกฝ่าบาท พระองค์หรือแทนตนเองว่ากระหม่อม"
"ข้ารักท่านเช่นกัน"
"ข้าก็รักจังมากเช่นกันคนดีของข้า"