บทที่ 2 ...ข้าจะไม่ยอม...
บทที่ 2
...ข้าจะไม่ยอม...
...หลี่จิ้ง....
ข้าเดินทางมาร่วมงานล่าสัตว์พร้อมกับขบวนเสด็จของฝ่าบาทข้าได้รับเลือกให้มาดูแลฝ่าบาทภายในกระโจมของพระองค์เป็นการส่วนตัว ข้าก็ไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาอะไรแต่เป็นข้าที่โง่นเองที่หลงกลฝ่าบาท
"มาช่วยเจิ้นถูหลังหน่อยสิ"
"พะยะค่ะ"
ข้ายื่นมือไปถูแผ่นหลังกว้างที่ดูแข็งแรงมากกว่าข้าเสียอีกข้าที่ตอนนี้ใบหน้าแดงกร่ำขึ้นมาเรื่อยๆจนข้าไม่อาจที่จะจ้องมองได้อีกจนข้าต้องหันหน้าหนีไป
"เจ้าอายหรือ"
"มิกล้าพะยะค่ะกระหม่อมเพียงแค่..."
หมับ!!
"ฝะฝ่าบาทพะยะค่ะ พระองค์จะทำอะไรกระหม่อมหรือพะยะค่ะ"
"มาเป็นคนของเจิ้นเถอะ"
"ไม่ได้นะพะยะค่ะ"
"ทำไม!!"
"ปล่อยกระหม่อมนะพะยะค่ะ"
"เจ้าอยากหัวหลุดออกจากบ่าหรืออย่างไร!!"
"อ๊ะ!!"
"อย่าดิ้น!!"
"ปล่อยนะพระองค์เป็นถึงบิดาของแผ่นดินกระทำเช่นนี้ได้เช่นไร!!"
เพี๊ยะ!!
ข้าโกรธจัดลงมือตบลงใบหน้าของฝ่าบาทอย่างสุดแรงจนฝ่าบาทหน้าหันไปตามแรงตบของข้ามือของข้าชาไปทันที
"เจ้า!!!"
"ข้าทำไมถ้าขืนเจ้าเข้ามาอีกข้าจะตัดองคชาตเจ้าให้ขาดไปเลยลองดูสิ!!"
"เจ้าบังอาจนัก"
"ถึงข้าจะเป็นแค่ทหารเฝ้าประตู แต่ข้าหาใช่นายบำเรอกามใครต่อไม่ ข้าตกต่ำเพียงไรศักดิ์ศรีของบุรุษเช่นข้า ก็ยังคงมีอยู่เจ้าคิดที่จะข่มแหงรังแกข้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ถึงเจ้าจะเป็นโอรสสวรรค์ แต่ข้าไม่ใช่ทาสเจ้าเช่นกัน"
"เจ้าพูดได้ดีข้าจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ของข้า คอยดูแลข้าทุกอย่างเพิ่มเงินเดือนที่เจ้าได้รับเป็นสองเท่าและเจ้าต้องตอบแทนข้าเช่นกัน"
"ข้าไม่เคยร้องขอเจ้า"
"ข้าต้องทำเช่นไรเจ้าถึงจะยอมเป็นของข้า"
"ข้าจะแต่งกับคนที่รักข้าและข้าก็รักเขา แต่งเป็นภรรยาเพียงคนเดียวรักข้าเพียงคนเดียว ไม่มีสตรีหรือบุรุษอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ฝ่าบาทแค่สองข้อท่านก็ทำไม่ได้แล้วท่านมีสนมนับร้อย แม้ตอนนี้ยังไม่มีฮองเฮา แต่สนมท่านก็มากมายเหลือเกิน ถ้าพระองค์มีข้าคนเดียวได้ข้าจะยอมเป็นของท่าน"
"...."
ข้ารู้ว่าพระองค์ไม่เสี่ยงที่จะทำตามคำพูดของข้า ที่ไม่มีประโยชน์อันใดต่อพระองค์ แน่นอนข้าจึงมั่นใจว่าพระองค์จะไม่ทำตามคำร้องขอของข้าเป็นแน่ เพียงแต่ข้ากลับคิดผิถนัด
"ได้ ขอเพียงเจ้ายอมเป็นของข้า"
"ท่านบ้าไปแล้วหรืออย่างไร"
"เจ้ารู้มั้ยว่าข้าจำเจ้าได้"
"ท่านหมายความว่าอย่างไร"
"ในตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าเคยไปแคว้นหรงได้พบเจ้าครั้งแรก ข้าชมชอบเจ้าครั้งแรกที่ได้พบเจอ ข้าได้มอบหยกพกประจำตัวของข้าให้เจ้า ข้าหมั้นเจ้าเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น เจ้าก็คืออ๋องน้อยหลี่จิ้ง"
"ท่าน..."
"ข้าอยากให้เจ้ามาอยู่ข้างกายข้าอยู่กับข้าตลอดไป"
"นั้นก็แล้วแต่ความสามารถของพระองค์"
"มีราชโองการจากฝ่าบาท ทรงพระราชทานตำแหน่งองครักษ์ส่วนพระองค์ให้แก่องครักษ์หลี่จิ้ง โดยมอบที่ดิน 100 ไร่ มอบที่นา 100 ไร่ ผ้าแพร 3 หีบ พระราชทาน จวนแห่งใหม่ อีก 1 หลัง เงินอีก 500 ตำลึง จบราชโองการ องครักษ์หลี่จิ้ง รับราชโองการ"
"กระหม่อมรับราชโองการขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญ อายุยืนหมื่นปีหมื่นๆปี"
"สกุลหลี่ขอบพระทัยฝ่าบาทขอให้ฝ่าบาทอายุยืนหมื่นๆปีหมื่นๆปีเพคะ"
"ฝ่าบาทยังบอกข้ามาอีกว่าเหมือนจะได้รับราชโองการแล้วให้รีบเข้าวงโดยด่วนเจ้าอย่าลืมเสียล่ะ องครักษ์ส่วนพระองค์"
"ขอรับเหลียงกงกง"
"น้อมส่งเหลียงกงกง"
ข้าได้รับพระราชทานตำแหน่งองครักษ์ส่วนพระองค์ แม้จะยินดีอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่นัก เพราะข้าต้องไปเผชิญหน้ากับบุรุษที่เป็นฮองเต้แห่งแผ่นดิน โอรสสวรรค์ผู้มีจิตใจไม่แน่ไม่นอน เพียงแต่แค่เพียงข้าเห็นใบหน้าของน้องสาวทั้งสองของข้า ที่กำลังจะมีบ้านอยู่ มีเงินใช้มากขึ้น ข้าก็ยินดีที่จะทำทุกอย่างเพื่อน้องสาวของข้า
"ท่านพี่ใหญ่รีบเข้าวังเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นฝ่าบาทจะโกรธเอาได้ ไม่ต้องห่วงน้องทั้งสองคนหรอกเจ้าค่ะ น้องอยู่ได้ทหารพวกนี้ก็จะมาขนของย้ายบ้านให้แก่พวกเราก็ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ"
"พวกเรามีเงินมีทองใช้ ก็รู้จักประหยัดที่นาที่ไร่ เราก็ทำงานที่สวนที่ได้ของเรา อย่ารอจนเงินที่ไม่รู้ว่าจะได้อีกหรือไม่ จงจำเอาไว้เรามีขึ้นก็ต้องมีลงเสียบ้าง"
"น้องเข้าใจแล้วเจ้าค่ะท่านพี่"
"ดูแลเสี่ยวฉีด้วยนะหลี่หมิ่น"
"เจ้าค่ะ ท่านพี่ใหญ่ไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะน้องจะดูแลท่านพี่สี่ให้ดีเจ้าค่ะ"
"งั้นพี่ก็ต้องเข้าวังแล้วนะ"
"เดินทางเข้าวังระมัดระวังตัวให้ดีนะเจ้าคะน้องเป็นห่วงท่านพี่"
"ขอบใจมากนะ"
วังหลวง
ร่างสูงอยู่ในชุดสีแดงดำลายมังกรนั่งหน้านิ่ง แม้แต่ขันทีข้างกายก็ไม่กล้าเข้าใกล้ แม้ใบหน้าจะนิ่งเรียบเฉยเหมือนตอนปกติ แต่ขันทีข้างกายนามซินกงกง กลับรู้สึกความผิดปกติ แต่ไม่คิดว่าตอนนี้ฝ่าบาทกลับดูน่ากลัวกว่าปกติ เมื่อใครบางคนที่ฝ่าบาทเฝ้า คนผู้นั้นยังไม่ยอมโผล่หน้าเข้ามาในวังหลวงอีกตั้งแต่เช้า
ฝ่าบาทก็นั่งอยู่ในห้องโถง ที่มีบรรดาขุนนางมากมายร้องเรียนฎีกา เรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ฝ่าบาทกลับทำหน้านิ่งจนทำให้ขุนนางเหล่านั้นถอยทัพกลับไปในเวลาเพียงไม่นาน คลื่นโทรศัพท์ก็ดับลงไปทันทีเมื่อคนที่ฝ่าบาทเฝ้ารอนั้นเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบางๆ เช่นนั้นทำให้อีกฝ่ายที่เฝ้ารอจากที่ไม่มีใบหน้าเย็นชาบึ้งตึงกับแย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นอีกฝ่าย
"ถวายบังคมฝ่าบาท"
"ข้าเขียนราชโองการให้เจ้าตั้งแต่เช้าตรู่ ทำไมเจ้าถึงมาช้านักเล่าก็สมควรอยู่เป็นเงาของข้าไม่ใช่หรือจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเช่นนี้เกรงว่าอาจจะมีผู้ใดมาทำร้ายข้าก็เป็นได้เจ้าไม่กลัวว่าโอรสสวรรค์เยี่ยงข้า จะเกิดอันตรายหรือไม่"
"ขออภัยพะยะค่ะฝ่าบาท กระหม่อมคิดไปแล้วฝ่าบาทโปรดลงโทษกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ"
"เอาเถอะถือเสียว่าเจ้าเพิ่งเข้ามาทำงานตรงนี้เอาล่ะ เจินส่งราชกิจเสร็จแล้วกินยาพักผ่อนตามเจินกลับตำหนัก"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
ข้าเดินตามฝ่าบาทเข้าไปยังตำหนักส่วนพระองค์ ก่อนจะเดินเข้าไปริมน้ำชาเอาไว้ให้ฝ่าบาทดื่มแก้กระหาย ข้าไม่พูดจาใดๆเพียงปล่อยผ่านให้ฝ่าบาทได้อยู่เงียบๆเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดฝ่าบาทถึงทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมพูดจาเช่นนี้ อึดอัดแปลกๆ แต่แล้วอย่างไรข้าไม่อยากกล่าวอะไรเช่นกัน
"ฝ่าบาทกระหม่อมจะลองชิมน้ำชาก่อนพะยะค่ะ และเครื่องเสวยทุกอย่างที่ฝ่าบาทจะต้องเสวย กระหม่อมจะเป็นคนดื่มและชิมก่อนไม่เช่นนั้น อาจจะมีผู้มาวางยาพิษ ฝ่าบาทก็เป็นได้"
"เจ้าช่างเป็นคนที่มองอะไรรอบคอบเสียจริง คิดการไกลเช่นนี้ ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้ายิ่งนัก เจ้าเข้ามาหาข้าหน่อย"
"ฝ่าบาทมีเรื่องอันใดหรือพะยะค่ะ"
หมับ!!!
"ฝ่าบาททรงทำอะไรพะยะค่ะ ทรงปล่อยกระหม่อมเถิดพะยะค่ะ"
"เจ้าจงรักภักดีกับข้าเสียจนข้าอดคิดไม่ได้ว่า เจ้าคิดอะไรกับข้าวหรือเปล่า ข้าทนที่จะกินเต้าหู้เจ้าไม่ไหวเสร็จแล้ว กลิ่นกายของเจ้าช่างเหมือนกับสตรียิ่งนัก เนื้อตัวก็นุ่มนิ่มหายากได้หยาบกระด้างเหมือนบุรุษทั่วไป"
"ฝ่าบาทอย่าได้ทำอะไรกระหม่อมเลยนะพะยะค่ะ มันไม่ดีต่อตัวกระหม่อมและพระองค์มันอาจจะทำให้พระองค์เสื่อมเสียชื่อเสียงได้"
" ข้าไม่เคยกลัวคำว่าเสียชื่อเสียงใดๆทั้งสิ้น ต่อให้มีข่าวลือ แล้วอย่างไรข้าเป็นบิดาแห่งแผ่นดินเป็นโอรสของสวรรค์ ต่อให้ทุกคนนินทาว่าร้ายข้ามันก็ไม่สมควรที่จะพูดอยู่แล้วเจ้าวางใจเถอะยังไงข้าก็ต้องปกป้องเจ้าอยู่แล้ว"
"ฝ่าบาทโปรดปล่อยกระหม่อมบัดเดี๋ยวนี้ กระหม่อมไม่ใช่นายบำเรอ ไม่ใช่นายโลมที่หอโคมเขียว ที่เอาร่างกายเพื่อแลกเงินกระหม่อม เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ ไม่ใช่นายบำเรอ ฝ่าบาทจะได้กดขี่ข่มเหงบุรุษด้วยกันเลยพะยะค่ะ"
"เจินต้องการเจ้า"
"ฝ่าบาท!!!! กระหม่อมไม่อ้อมค้อมที่จะพูดกับพระองค์ กระหม่อมเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ไม่ใช่นายโลม ไม่ใช่บุรุษขายตัวที่จะนอนกับใครก็ได้ กระหม่อม มีศักดิ์ศรีของกระหม่อมสัก มีศักดิ์ศรีของกระหม่อมศักดิ์ศรีของบุรุษที่ทุกคนพึ่งมี”
“ข้าหาใช่สิ่งของที่ให้ผู้อื่น ใช้กำลังบังคับได้ถ้าพระองค์ยังเคยล่วงเกินกระหม่อมอีกครั้ง ฝ่าบาทจะไม่เห็นแม้กระทั่งกับหม่อมอีกตลอดชีวิต ต่อให้ฝ่าบาทจะเป็นเทพเซียนหรือผู้สูงศักดิ์ ฝ่าบาทก็มิอาจทำเช่นนี้กับกระหม่อมเหมือนหมูหมา ไม่ได้ต่อให้โดนพระองค์ประหารชีวิตกระหม่อม กระหม่อมก็ไม่กลัวที่จะตาย ดีกว่าถูกล่วงเกินเช่นนี้"
"อย่างนี้สิ ข้าถึงชอบเจ้าข้าแค่แกล้งเจ้าเฉยๆถ้าอยากรู้ว่าความซื่อสัตย์ของเจ้ากับการรักษาศีลของเจ้ามีมากน้อยเพียงใดแต่เรื่องที่ข้าชอบพอเจ้าก็คือเรื่องจริง"
"ฝ่าบาทมีรับสั่งอะไรอีกหรือไม่ พะยะค่ะ"
"เมื่อไหร่จะตกลงคบหาดูใจกับข้า เมื่อไหร่จะเป็นของข้า"
"กระหม่อมเองรับรู้ทุกอย่างรับรู้ความในใจของฝ่าบาทเพียงแต่ตอนนี้น้องสาวของกระหม่อมก็ยังเด็กนัก กระหม่อมยังอยากดูแลน้องสาวทั้งสองคนของกระหม่อมจนกว่าน้องสาวของกระหม่อมจะโตจนออกเรือนแล้วหากฝ่าบาทชอบพอกระหม่อมจริงสามารถรอถึงตอนนั้นได้หรือไม่"
"ข้ารอเจ้าได้เสมอ"
"ขอบพระทัยพะยะค่ะฝ่าบาท"
"ข้าจูบเจ้าได้ก่อเจ้าได้หรือไม่"
"เอ่อ...ได้พะยะค่ะ"
"งั้นก็ดีเจ้าไปนำเครื่องเสวยไปให้ข้า นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วรีบไปเถอะ"
"พะยะค่ะฝ่าบาท"
ข้าจะต้องรับมือฝ่าบาทให้จงได้ แค่คิดข้าก็เริ่มเหนื่อยแล้ว ทำไมฝ่าบาทถึงได้คิดอกุศลกับข้าอย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะรับมือฝ่าบาทได้ถึงเมื่อไหร่ ถ้าเกิดฝ่าบาทบังคับข้า ขืนใจข้าก็คงสู้ไม่ได้ หากข้าไม่ปกป้องตนเองยอมให้ฝ่าบาทข่มแหงรังแก ข้าก็จะกลายเป็นเพียงแค่ของเล่นของฝ่าบาทตลอดชีวิตเป็นแน่ ข้าไม่มีวันทำลายศักดิ์ศรีของตนเองเพื่อคนเช่นนี้แน่นนอน ข้าจะเป็นคนรักเป็นภรรยาเพียงคนเดียว เพราะข้ารักเดียวใจเดียวจึงอยากได้คนที่รักข้าจริงใจกับข้ามากกว่าที่จะเจอคนเช่นนี้