บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

หลิวฟ่านซีอาศัยเกาะยึดร่างของเฉินห่าวเอาไว้เพื่อช่วยพยุงตัว ร่างของสุนัขเชาเชาตัวนี้ได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งแข็งแรง และสามารถแบกน้ำหนักได้มากกว่าปกติถึงสามเท่า ดังนั้นจึงสามารถแบกหญิงสาวที่ตัวผอมบางได้ราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักอะไร

ทั้งคู่มุ่งหน้ายังห้องหนังสือของหลิวหยวนที่อยู่อีกฝากหนึ่งของจวนด้วยความเงียบกริบ

ระหว่างนั้นผู้เป็นบิดากำลังอ่านตำราอยู่ในห้องหนังสือ รอบตัวของเขารายล้อมไปด้วยตำราหายากและเอกสารเก่าแก่ล้ำค่า

ห้องหนังสือแห่งนี้ เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่หลิวหยวนไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกโดยพลการ นอกจาก ‘เจียนอู่’ พ่อบ้านใหญ่ ส่วนคนอื่น ๆ ภายในจวนล้วนแต่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องด้วยกันทั้งสิ้น แม้แต่ฮูหยินหลิวผู้เป็นภรรยา หรือหลิวต้าผิงที่เป็นผู้สืบทอดของตระกูลก็ไม่มีข้อยกเว้น

อาจเป็นเพราะในห้องมีการเก็บรักษาเอกสารสำคัญเอาไว้มากมาย รวมถึงจดหมายที่เป็นลายพระหัตถ์ของฮ่องเต้ต้าเฉวียนโดยตรง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งย่ามในห้องหนังสือส่วนตัวของเขา

“โฮ่ง ๆ ๆ”

ในขณะที่หลิวหยวนกำลังหมกมุ่นอยู่กับตำราในมือ เสียงเห่าจากข้างนอกก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เขาเพิ่งสั่งให้เจียนอู่ไปยกชาร้อนมาให้ ดังนั้นจึงไม่มีใครอยู่รอบๆ ตรวจสอบที่มาของเสียง

หลิวหยวนถอนหายใจเล็กน้อย วางหนังสือเล่มสำคัญที่กำลังอ่านอยู่ลงแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่ประตูเพื่อดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“โฮ่ง”

เบื้องหน้าปรากฏร่างสุนัขขนสีขาวฟูฟ่อง กำลังจ้องมองมาด้วยแววตาเป็นประกาย ระหว่างนั้นหางที่เป็นพวงก็กระดิกไปมา พร้อมกับเห่าเสียงดังด้วยท่าทางดีใจ

ในจวนแห่งนี้ต่างรู้ดีว่าเสี่ยวเป่าเป็นสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของหลิวฟ่านซี อีกทั้งมันเพิ่งจะทำความดีความชอบจากการช่วยชีวิตคุณหนูใหญ่ ทุกคนจึงต่างรักและเอ็นดู ดังนั้นไม่ว่าเจ้าสุนัขจะเดินไปที่ใดภายในจวน ย่อมไม่มีใครกล้าตำหนิหรือทำไม่ดีด้วย

“หืม? เสี่ยวเป่างั้นหรือ เจ้ามาทำเสียงเอะอะอะไรที่นี่ แล้วเจ้านายเจ้าล่ะ?”

หลิวหยวนเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ละสายตาจากร่างสีขาวเพื่อกวาดตามมองรอบ ๆ เกรงว่าบุตรสาวจะออกมาเดินตากลมทั้งที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาได้ไม่นาน

“โฮ่ง ๆ”

“มีเรื่องอะไรหรือไม่?” หลิวหยวนพยายามอ่านท่าทางและสีหน้าของเจ้าสุนัข แต่ดูท่าแล้วเหมือนมันจะมาชวนเล่นมากกว่าที่จะมาแจ้งเรื่องร้ายแรงอันใด

‘ปิ๊ง’

ทันใดนั้นเอง เจ้าหมาขนฟูก็ส่งสายตาใสซื่อ พร้อมกับส่งเสียงครางในลำคอ ทำให้หลิวหยวนที่กำลังจ้องสบตากับมันนั้นเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

หลิวหยวนเดินเข้าไปหาเจ้าหมาสีขาวราวกับถูกมนตร์สะกด เขาจ้องมองมันพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วพูดกับมันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่เหมือนในยามปกติเช่นเคย

“ว่ายังไงเจ้าหมาน้อย อยากเล่นกับข้ารึ มามะ มามะ... โอ๋ เสี่ยวเป่าเจ้านี่ช่างน่ารักจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมฟ่านฟ่านถึงได้รักเจ้านัก”

ระหว่างที่หลิวหยวนกำลังเล่นกับเฉินห่าวในร่างสุนัขอย่างเพลิดเพลิน หลิวฟ่านซีก็ใช้โอกาสนี้ ลอบเข้าไปในห้องหนังสือ ตั้งใจแอบหยิบตำราบนชั้นหนังสือมาสักหนึ่งเล่ม น่าจะเพียงพอให้สำเร็จภารกิจขโมยสิ่งสำคัญจากหนึ่งในสามครั้ง

ร่างบางเดินตรงปรี่ไปยังชั้นวางตำราที่อยู่ด้านในสุดของห้อง เดาเอาว่าชั้นวางที่ตั้งอยู่นี้น่าจะเก็บพวกหนังสือที่หลิวหยวนไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก เห็นได้จากฝุ่นหนาทึบที่ปกคลุมเป็นชั้น

ในใจได้แต่คิดว่าหากเลือกหยิบหนังสือจากตรงชั้นนี้ไป เจ้าของห้องคงไม่รู้ว่ามีเล่มไหนหายไปอย่างแน่นอน แม้จะมั่นใจว่าต่อให้ถูกจับได้นางจะไม่ถูกตำหนิ แต่ก็ไม่อยากต้องมาอธิบายว่าเหตุใด ตนถึงได้เข้ามาหยิบฉวยของไปโดยที่ไม่ขออนุญาตเสียก่อน

“เอาเล่มไหนไปดีนะ?”

ระหว่างที่กำลังเลือกอยู่นั้น สายตาของหญิงสาวก็ไปสะดุดเข้ากับตำราเล่มหนาเล่มหนึ่ง บนปกมีหมึกสีซีดเขียนเอาไว้ว่า ‘ตำราสมุนไพรของร้านยาอี้ชุน’ ในใจได้แต่คิดว่าไหน ๆ ตนก็ว่างอยู่แล้ว ถ้าอ่านตำราสมุนไพรเป็นการฆ่าเวลา บางทีอาจมีประโยชน์ในอนาคตก็เป็นได้’

“งั้นเอาเล่มนี้ก็แล้วกัน!”

หญิงสาวหยิบตำราเล่มหนามาไว้แนบอกอย่างเบามือ ฝุ่นหนาทุกอย่างบนชั้นยังคงอยู่ครบถ้วน ดูไม่ออกมาว่ามีการหยิบฉวยสิ่งใดออกไปจากชั้นวางตรงหน้า เมื่อได้ของมาไว้ในมือแล้วก็รีบเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ ในขณะที่ผู้เป็นบิดายังคงเล่นอยู่กับเสี่ยวเป่าด้วยความเอ็นดู

ไม่นานนัก...หลิวฟ่านซีก็กลับมาสมทบกับผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่ในห้องของตน ทันใดนั้นเสียงเตือนจากระบบก็ดังขึ้น...

“ปิ๊งป่อง!”

“ภารกิจขโมยของสามอย่างสำเร็จแล้ว!”

“ทักษะมือไวได้รับการเลื่อนระดับ! สถานะทางร่างกายได้รับการเลื่อนระดับ!”

หลิวฟ่านซีได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ เฉินห่าวเองก็รู้สึกแปลกใจไม่แพ้กัน ทั้งที่นางเพิ่งจะขโมยหนังสือเพียงแค่เล่มเดียว แต่ทำไมระบบถึงได้บอกว่าทำภารกิจขโมยของครบทั้งสามอย่างแล้วล่ะ?!

“ระบบมันเพี้ยนหรือไงกัน? ถ้าจะลำเอียงก็ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ แบบนี้มันชัดเจนเกินไปไหม?!”

เฉินห่าวมั่นใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่ต้องเป็นการเลือกที่รักมักที่ชัง เป็นความไม่เท่าเทียมกันของไอ้ระบบเฮงซวยที่แสนไม่ยุติธรรมอย่างแน่นอน!

“ไม่รู้สิ แต่ข้าว่าบางทีอาจเป็นเพราะตำราเล่มนี้มันมีอะไรซ่อนไว้มากกว่าที่คิดก็เป็นได้” นางพูดพร้อมกับหยิบตำราที่เพิ่งขโมยมาพลิกไปพลิกมาด้วยความประหลาดใจ

“นี่เจ้าไปขโมยตำราอะไรมากันล่ะ?” เฉินห่าวหรี่ตามมองของที่อยู่ในมืออีกฝ่าย

“หน้าปกเขียนเอาไว้ว่าเป็นตำราสมุนไพรของร้านยาอี้ชุน ข้าก็แค่สุ่มเลือกมาตามความรู้สึกน่ะ”

ทันใดนั้น จู่ ๆ ก็มีเศษกระดาษหลายแผ่นไหลออกมาจากตำราเล่มหนาที่นางกำลังถืออยู่ เฉินห่าวรีบปรี่เข้าไปดูพบว่าเป็นตั๋วแลกเงินที่มีมูลค่ามหาศาล

“โอ้โห!! นี่ ตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึง! พวกเรารวยแล้ว!”

เจ้าหมาขนฟูทำตาโตลุกวาว ขณะที่หญิงสาวพยายามก้มลงเพื่อเก็บกระดาษพวกนั้นกลับเข้าไปในตำราที่ขโมยมา กระทั่งไปสะดุดกับกระดาษอีกแผ่นหนึ่งที่ถูกพับเอาไว้ ดูไม่ใช่ตั๋วแลกเงินเหมือนกับใบอื่น ๆ

“พี่เฉิน...ข้าว่าจวนสกุลหลิวก็รวยอยู่แล้ว ต่อให้มีตั๋วเงินห้าหมื่นตำลึงนี่เพิ่มขึ้นมา มันก็ไม่ช่วยให้ข้ารวยมากไปกว่านี้...แต่ดูนี่สิ นี่มันโฉนดที่ดินนี่นา เขียนเอาไว้ว่าเป็นโฉนดของร้านขายยาอี้ชุนที่อยู่ในเมืองหลวง!”

“อืม...จริงด้วย”

“เฮ้ย! แล้วนี่จะทำยังไงต่อไปล่ะ? เอาไปคืนดีหรือไม่?” หลิวฟ่านซีเอ่ยถามด้วยท่าทางลำบากใจ แต่เฉินห่าวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“รีบเอาไปซ่อนไว้ดี ๆ! เจ้าเป็นโจร ขโมยของมาแล้วก็ต้องเอาไปซ่อนไว้ก่อน ถึงจะเป็นขั้นตอนที่ถูกต้อง ถ้าให้ข้าเดา บิดาของเจ้าซุกซ่อนเงินก้อนนี้เอาไว้เพราะไม่อยากให้ฮูหยินหลิวรู้ การที่ผู้ชายจะซ่อนเงินจากภรรยามีไม่กี่เหตุผล บางทีอาจแอบเก็บไว้ใช้เลี้ยงอนุภรรยานอกบ้าน แถมนี่ยังเป็นการซุกซ่อนอย่างมีแยบยล ดุจดั่งซ่อนไม้ต้องซ่อนในป่า ซ่อนหนังสือต้องซ่อนที่ชั้นหนังสือ!” เฉินห่าวตั้งข้อสันนิษฐานอย่างผู้มีประสบการณ์การใช้ชีวิตอันช่ำชอง

“อ่อ...งั้นแปลว่าเงินนี่แต่ก็เป็นเงินไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่แรก เจตนาใช้เพื่อกระทำไม่ถูกต้อง ถ้าข้าโวยวายออกไปอาจทำให้ครอบครัวร้าวฉานได้ เอาเป็นว่าเราก็รอดูว่าเจ้าทุกข์จะตามหาทรัพย์สินที่หายไปหรือไม่ จากนั้นเราค่อยผ่องถ่ายโยกย้ายทรัพย์สินก็แล้วกัน” หลิวฟ่านซีพยักหน้าเห็นด้วย

“เป็นความคิดที่ดี แต่เจ้านี่มันทรงโจรชัด ๆ แถมสัญชาตญาณความเป็นโจรก็ดียิ่งนัก หนังสือเล่มอื่นมีตั้งเยอะก็ไม่เลือก ดันไปเลือกเล่มที่เจ้าของซ่อนเงินกับโฉนดเอาไว้ ข้าว่าเจ้าดูน่ากลัวกว่าพวกโจรที่เราเคยจับเข้าคุกมาเสียอีก”

“พอเลยพี่เฉิน ข้าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เอาเป็นว่ารีบหาทางซ่อนไอ้หนังสือนี่กันก่อนเถอะ” หลิวฟ่านซีพูดตัดบท ในใจเริ่มนึกกลัวว่า บางทีตนอาจจะมีความสามารถทางด้านนี้จริง ๆ ก็เป็นได้

“ว่าแต่เจ้าไม่รู้สึกเหนื่อยแล้วเหรอ?”

“อ๊ะ... จริงด้วย ข้าไม่รู้สึกเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว...คงเพราะผลพลอยได้จากการเพิ่มค่าทักษะล่ะมั้ง”

นับว่าในเรื่องร้ายก็ยังคงมีเรื่องดีอยู่ แต่สิ่งที่ยังคงเป็นปริศนาให้หลิวฟ่านซีนึกสงสัย นางอยากรู้ว่าเหตุใดผู้เป็นบิดาถึงได้ซ่อนตั๋วเงินและโฉนดที่ดินเอาไว้ในตำรายาเล่มนี้

************************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel