บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

การเพิ่มระดับขั้นต้น

การเพิ่มระดับทักษะออดอ้อน

ภารกิจ: ออดอ้อนคน 0/10 คน

เห็นแล้วเฉินห่าวที่อยู่ในร่างของเสี่ยวเป่าก็ถึงกับร้องโวยวายออกมาว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ทำไมภารกิจของเขาถึงได้น่าสมเพชขนาดนั้น แล้วชีวิตยังจะเหลือศักดิ์ศรีอะไรอีก?

“ก่อนอื่นข้าคิดว่าพวกเราลองทำภารกิจเพื่อเพิ่มระดับทักษะดูก็ไม่เสียหลาย ถือเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับระบบไปด้วยในตัว ส่วนเรื่องตามหาสองคนนั่น รอรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อนแล้วค่อยวางแผนอีกทีก็แล้วกัน”

“อืม... แล้วเจ้าคิดจะขโมยอะไรล่ะ?”

“...”

เจอคำถามนี้เข้าไปก็ได้แต่นิ่งเงียบกันไปอีกครู่หนึ่ง ชีวิตที่ผ่านมา ทั้งสองคนต่างก็ทำงานเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด ไม่เคยนึกฝันเลยว่าวันหนึ่งจะต้องกลายมาเป็นหัวขโมยกับผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยกันทั้งคู่

“ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มจากของง่าย ๆ ก่อนดีไหม...ข้าว่าขโมยของของคนในบ้านนี่แหละ” เฉินห่าวเสนอทางเลือกที่ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายจนเกินไป

“โห...ขโมยของคนอื่นก็ว่าชั่วแล้ว ขโมยของคนในบ้านตัวเองนี่มันชั่วหนักกว่าเดิมอีกนะพี่เฉิน!” หลิวฟ่านซีแย้ง

“เอาน่า! อย่างน้อยถ้าพลาดขึ้นมาก็จะได้ไม่ถึงขั้นติดคุกติดตะราง อย่างดีเจ้าก็แค่ถูกกักบริเวณชั่วคราวเท่านั้น”

“อืม...ที่พูดมาก็มีเหตุผล ถ้าอย่างนั้นเราก็ขโมยของของท่านพ่อกันเถอะ เท่าที่ได้ยินมา ท่านพ่อรักข้ามากกว่าน้องชายเสียอีก ถ้าถูกจับได้ ท่านอาจไม่ต่อว่าเสียด้วยซ้ำ”

คำพูดของหลิวฟ่านซีไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย หลิวหยวนทั้งรักและตามใจบุตรสาวคนนี้มาก ไม่เคยแม้แต่จะขึ้นเสียงกับนางสักครั้ง

ตรงกันข้ามกับหลิวต้าผิงซึ่งเป็นบุตรชาย เขากลับเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กชายจะต้องเติบโตไปเป็นผู้นำตระกูลในอนาคตด้วยแล้ว

“พอข้าบอกให้เจ้าขโมยของของพวกคนรับใช้ในบ้าน เจ้าก็ด่าว่าชั่ว แต่เจ้ากลับเสนอให้ขโมยของของพ่อแม่ตัวเองเนี่ยนะ...” เฉินห่าวกลอกตามองขึ้นไปบนเพดาน “เอ้า ยังไงก็ช่างมันเถอะ...ลุยกันเลยดีกว่า!!”

เมื่อตกลงกันได้เป็นที่เรียบร้อย หลิวฟ่านซีกับสุนัขตัวโปรดก็เดินออกจากห้อง เดินผ่านส่วนหย่อมและลานหินมุ่งหน้าไปยังเรือนของผู้เป็นบิดา แม้ระยะทางจะไม่ไกลนัก แต่หญิงสาวกลับรู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเพราะร่างนี้ยังอ่อนแออยู่มาก หลังจากที่นางเดินติดต่อกันโดยไม่ได้หยุดพัก เพียงครู่เดียวก็ถึงกับต้องหยุดยืนหอบหายใจด้วยอาการคล้ายคนกำลังจะสิ้นลม

“เป็นอะไรไป?” เฉินห่าวกระซิบถาม สายตาก็สอดส่ายไปมาว่ายังมีใครอยู่ในบริเวณนั้นอีกบ้าง

“มะ...ไม่รู้สิ ข้ารู้สึกเหนื่อยมาก เหมือนกับเดินแบกของหนัก ๆ มาเป็นระยะทางหลายสิบลี้”

“เดินแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเนี่ยนะ? เออ... ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้จมน้ำตาย แต่ไอ้ระบบเวรนั่น มันบอกว่าพอเพิ่มระดับทักษะแล้ว ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้นด้วยไม่ใช่เหรอ?”

“งั้นข้าก็คงต้องเร่งมือโดยด่วนแล้ว ไม่อย่างนั้นดีไม่ดีแค่เคี้ยวข้าวก็อาจจะเหนื่อยตายได้” นางพูดด้วยน้ำเสียงพร่าสั่น พยายามทำใจกับสภาพร่างกายของตนเอง

“สภาพเจ้าในตอนนี้ช่างน่าอนาถเหลือเกิน เฮ้อ..แล้วแน่ใจหรือเปล่าว่ายังทำภารกิจไหว?”

เฉินห่าวเริ่มหวั่นใจ ดูท่าอีกฝ่ายคงจะพึ่งพาไม่ได้เสียแล้วกระมัง แต่ครั้นพอหันไปมองใบหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักอย่างเต็มตาอีกครั้ง กลับเปลี่ยนความรู้สึกเป็นสงสารแทน

“ไหวสิ ข้ามีพี่คอยช่วยอยู่ทั้งคนนี่นา”

นางว่าพลางยื่นมือไปขยุ้มขนปุย ๆ บนร่างของสุนัขขาวเต็มสองมือเป็นการช่วยพยุงตัวเอง

“ข้าเหรอ?! ถ้าคิดจะให้ข้าแบกเจ้าไป บอกเลยนะว่าไม่มีทาง!”

หลิวฟ่านซีไม่ตอบ แต่กลับเผยรอยยิ้มที่แสนอ่อนหวานน่ารัก ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ไม่สามารถหักใจเอ่ยคำปฏิเสธนางได้...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel