บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ภาพลักษณ์ของสารวัตรหลิวที่เขาจำได้ติดตาก็คือ หญิงแกร่งที่มีความสามารถไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอก กล้ามแขนเป็นมัด ไม่เคยแต่งหน้า ผมรวบตึงเปรี๊ยะ สวมใส่เสื้อผ้าทะมัดทะแมงไม่สีขาวก็สีดำ วัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับเอกสารบนโต๊ะทำงาน หรือไม่ก็ออกภาคสนามไปบุกจับคนร้าย แต่ในเวลานี้กลับเปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหวเลยก็ว่าได้

“พี่รีบตอบข้าก่อนสิ!”

“เฮ้ย! ร่างนี้เพิ่งจะอายุสิบหกย่างสิบเจ็ดเองนะ ถ้าดูจากอายุแล้วเป็นลูกข้าก็ยังได้เลย เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้าควรเป็นกังวลเรื่องอื่นก่อนดีกว่าไหม?!” เฉินห่าวทำหน้าบึ้งตึง

“งั้นก็รีบพูดมาสิว่าข้ายังต้องกังวลเรื่องอะไรอีก?”

“ก็เรื่องที่ข้ากลายเป็นหมายังไงล่ะ! แล้วไหนจะเรื่องทักษะอะไรนั่นอีก ข้าฟังไอ้ระบบบ้านั่นแล้วไม่เห็นจะรู้เรื่องอะไรเลย!” ใบหน้าขาวปุกปุยใช้สายตาเหล่มองคนที่ยังลูบคลำหน้าตาตัวเองไม่ยอมเลิกรา

อันที่จริงถ้าจะถามว่าร่างใหม่สวยหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่าสวย แต่ผู้หญิงที่ถูกรสนิยมของเขาต้องเป็นสาวอกโตหุ่นสะบึมเท่านั้น ไม่ใช่สาวน้อยอย่างนี้ เลยไม่รู้จะตอบออกไปอย่างไรดี ยิ่งเมื่อคิดว่าวิญญาณที่อยู่ข้างในคือสารวัตรหลิว เขาก็ได้แต่กลอกตาไปมา

“จริงสิ ไม่รู้ว่าเป็นทักษะพิเศษแบบไหน แต่ข้าว่าให้อะไรมาก็ดีทั้งนั้น ใบหน้านี้ก็ช่างสวยงามจริง ๆ นะ คิดไม่ผิดเลยที่ยอมรับข้อตกลงนั่น”

ได้ยินหญิงสาวพูดแบบนี้ เฉินห่าวได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้ “งั้นเจ้าก็รีบดูว่าไอ้ระบบนั่นให้ทักษะพิเศษอะไรมา วิธีจะดูก็แค่ปรบมือห้าครั้งติดต่อกัน มันจะมีหน้าต่างและค่าประสบการณ์ขึ้นให้เห็น”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลิ่วฟ่านซีก็ผงกศีรษะเล็กน้อย รีบปรบมือห้าครั้งตามที่บอก

ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็ปรากฏช่องหน้าต่างคล้ายกับอินเตอร์เฟสขึ้นมา ในใจได้แต่คิดว่าเรื่องนี้มันช่างน่าอัศจรรย์ใจเสียเหลือเกิน

“โอ้โห...มีช่องให้เก็บค่าประสบการณ์ด้วย”

ดวงตาของหลิวฟ่านซีทอประกายวิบวับ รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า จอหน้าต่างที่ปรากฏดูทันสมัย มีตัวหนังสือประกอบคำอธิบายเอาไว้อย่างชัดเจน ต่อให้เป็นยุคปัจจุบันที่จากมา ก็ไม่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเช่นนี้

“เหอะ ๆ ๆ อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องเก็บค่าประสบการณ์อะไรนั่นเลย ลองดูไอ้ทักษะที่ได้รับมาดี ๆ ก่อนแล้วค่อยพูดก็ยังไม่สาย” เฉินห่าวทำหน้าเบื่อโลก ยกขาหน้าปุกปุยโบกแกว่งไปมา

หลิวฟ่านซีเมื่อรู้วิธีดูหน้าจอที่สามารถมองเห็นได้เพียงคนเดียว ก็จัดการเลื่อนดูทักษะพิเศษที่ได้รับมาว่ามีอะไรบ้าง ทันใดนั้นใบหน้างามมีอันต้องอ้าปากค้างพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“นะ...นี่มันอะไรกัน...”

“ได้ทักษะอะไร รีบบอกมาเร็วเข้า” ท่าทางตื่นตระหนกของคนตรงหน้า ทำเอาเฉินห่าวพลอยอยากรู้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“มือไว ตัวเบา เท้าแมว...ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่มันทักษะโจรชัด ๆ!”

“ฮะ ฮะ ฮ่า!! ช่างเหมาะสมกับเจ้าจริง ๆ ด้วย!”

เฉินห่าวหัวเราะเสียงดัง ก่อนหน้านี้หลิวฟ่านซีเป็นตำรวจน้ำดี ทำงานอย่างซื่อสัตย์เถรตรงไม่ต่างอะไรกับไม้บรรทัดมาโดยตลอด แต่กลับได้รับทักษะที่ตรงกันข้ามกับนิสัยในชาติก่อนอย่างสิ้นเชิง มีอย่างที่ไหนจากเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนอยู่ดี ๆ จะให้กลายเป็นโจรซะอย่างนั้น! ถ้าไม่ให้หัวเราะทับถมตอนนี้ จะให้ไปหาโอกาสดี ๆ อีกทีตอนไหน!

“หัวเราะข้าเช่นนี้ แสดงว่าของพี่เฉินมีแต่ทักษะเลิศเลอทั้งนั้นเลยสิท่า คงไม่ได้รวมกับการเป็นหมาพูดได้หรอกใช่ไหม?” หลิวฟ่านซีหุบยิ้ม หันไปถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจ้องจับผิด

“เอ่อ...” เฉินห่าวมีท่าทีอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันพูด “ของข้าเป็นสกิลออดอ้อน, มาร์กกิ้ง, หอนพันลี้!”

“เฮ้ยย...ถามจริง ๆ ไอ้ของพวกนี้มันไม่ใช่ความสามารถปกติของพวกสุนัขหรือยังไงกัน!”

“เหอะ ๆ ก็นั่นน่ะสิ ก่อนหน้านี้ข้าเป็นคนพูดตรง ๆ ไม่เคยเลียแข้งเลียขาผู้ใหญ่ แต่กลับจะให้ไปออดอ้อนเอาใจคนอื่นเนี่ยนะ สกิลบ้าอะไร! ไร้สาระ ไร้ประโยชน์ที่สุด!!”

“ใช่...ไร้สาระจริงด้วย” หลิวฟ่านซีเดินกลับไปที่เตียงพลางทิ้งตัวลงนั่ง บ่นพึมพำแต่ก็ยังพยายามมองโลกในแง่ดี “แต่ก็ช่างมันเถอะ อย่างน้อยเราก็ได้มันมาฟรี ๆ ไม่แน่ในอนาคตอาจจะมีประโยชน์บ้างก็ได้”

“พูดน่ะมันง่าย ดูก่อนว่าข้าอยู่ในร่างสุนัข ไม่ใช่ร่างมนุษย์แบบเจ้า!” เฉินห่าวพูดพลางถอนหายใจยาวเหยียดออกมา เขาสามารถพูดสื่อสารด้วยภาษามนุษย์กับผู้คนได้ แต่จำต้องทำตัวเป็นสุนัขปกติเพื่อไม่ให้ถูกครหาว่าเป็นสุนัขปีศาจ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะวุ่นวายกันไปใหญ่

“ว่าแต่พี่เฉินพูดภาษาหมาได้ด้วยรึเปล่า?”

“ก็ต้องได้สิวะ! อ้อ... อีกอย่าง ต่อไปนี้ควรเรียกข้าว่า ‘เสี่ยวเป่า’ เพราะเป็นชื่อที่คนในจวนตระกูลหลิวตั้งให้กับร่างนี้”

ความจริงแล้วเฉินห่าวฟื้นคืนชีพขึ้นมาก่อนหลิวฟ่านซีราว ๆ หนึ่งสัปดาห์ ถึงแม้ในทีแรกจะทำใจยอมรับไม่ได้ แต่เมื่อไม่มีทางเลือก เขาก็ได้แต่ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ พอผ่านไปหลายวันเข้าก็เริ่มชิน และทำให้ได้เรียนรู้ความเป็นมาของจวนสกุลหลิวมากพอสมควร

เฉินห่าวอธิบายให้หลิวฟ่านซีฟังอย่างคร่าว ๆ ว่า จวนอันแสนใหญ่โตโอ่อ่าที่นางเห็นอยู่ในขณะนี้ ผู้เป็นเจ้าของก็คือ ‘หลิวหยวน’ บิดาของเด็กสาวที่วิญญาณหลิวฟ่านซีอาศัยร่างอยู่ โดยได้รับสืบทอดมาจากบิดาของเขาพร้อมกับบรรดาศักดิ์โหว

หลิวหยวนแม้จะมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงโหว แต่หลายปีที่ผ่านมาเขากลับเป็นได้แค่เจ้ากรมอาลักษณ์ ทั้งยังไม่มีผลงานที่โดดเด่น ผู้คนทั่วไปจึงมักดูแคลนว่าเขาไร้ความสามารถและไม่รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่เพื่อความก้าวหน้า

หากสิ่งที่ไม่มีใครรู้ก็คือ ที่แท้เขากลับเป็นคนฉลาดเฉลียว และจงใจเก็บงำความสามารถเอาไว้ ก้มหน้าทำงานของตัวเองไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งหรือขวางหูขวางตาผู้ใด เพราะต้องการที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไม่ต้องถูกดึงเข้าไปร่วมในสงครามแย่งชิงอำนาจกับขุนนางคนอื่น ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel