บทที่ 3
บทที่ 3
ข้ากลับมาที่เรือนของตนเองหลังจากที่ต้องอดทนร่วมทานอาหารเช้าที่หน้าอึดอัดนั้น แต่จะให้ทำเช่นไรได้ในเมื่อตนเองนั้นแหละที่ไปวุ่นวายอยู่ที่นั้นแต่ถ้าข้าไม่ไปก็ไม่ได้ก็จำเป็นต้องไปให้เขาเห็นหน้าค่าตาเสียบ้างไม่เช่นนั้นก็คงจะโดนดูถูกเราได้ว่าไม่ทำตามหน้าที่ของตนเองเป็นถึงฮูหยินใหญ่ กลับหน้าก้มตาให้อนุภรรยาและสตรีที่ยังไม่แต่งงานเข้ามาวุ่นวายในเรือนของตนเรื่องแค่นี้ชาวบ้านต่างเอาไปนินทากันหมดแล้วแน่นอนถ้าหากยังทำตนเช่นนี้
"นายหญิงควรจะทำเช่นไรดีเจ้าคะดูเหมือนว่าคุณหนูจิง นางอยากจะเข้ามาเป็นภรรยาอีกคนของท่านแม่ทัพอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้คนภายนอกคงจะมองว่าท่านอ่อนแอเกินไปถึงไม่มีความสามารถจัดการอื่นเช่นนี้ได้"
"เจ้าพูดมาก็ถูกแต่จะให้ทำอย่างไรในเมื่อคนในเรือนของตนเปิดประตูต้อนรับสตรีอื่นเช่นนี้อีกอย่างเป็นตัวของข้าที่เข้ามาคั่นกลางระหว่างพวกเขาทั้ง 2 คน แต่เริ่มเดิมทีพวกเขาก็เป็นคู่รักที่ใครต่างก็อิจฉาแต่เป็นเพราะสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทจึงทำให้ตัวของข้ามาเป็นฮูหยินใหญ่มองดูแค่นี้ก็รู้ว่าใครที่ถูกพรากคนรัก"
"แต่ตอนนี้นายหญิงคือฮูหยินใหญ่เป็นผู้หญิงที่ถูกพระราชทานจากฝ่าบาทให้มาแต่งงานต้องให้เกียรติกันเสียบ้างไม่เช่นนั้นจะถูกติฉินนินทาได้นะเจ้าคะ"
"ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวรตามกรรมของมันทำได้เพียงแค่มองดูผลลัพธ์ที่ได้ก็พอ"
"เช่นนั้นนายหญิงอยากจะไปร่วมทานอาหารเช้ากับเรือนใหญ่หรือไม่"
"ไม่ต้องแล้วถ้าถูกเชิญก็บอกไปว่าข้าไม่สบายขอกับตนอยู่ภายในเรือนก็พอ"
"แต่ทำเช่นนี้จะไม่โดนว่าหรือเจ้าคะ"
"ไม่หรอกนอกจากท่านพ่อท่านแม่สามีของข้าก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีกอย่างท่านพ่อสามีก็เข้าวังหลวงช่วงเช้ากว่าจะกลับมาก็เลยช่วงเที่ยงไปเสียแล้วไม่มีปัญหาอะไรหรอก"
"บ่าวจะทำตามคำสั่งของนายหญิงเจ้าค่ะ"
"เจ้าไปหยิบกล่องไม้ใต้เตียงมาให้ข้าหน่อยได้ไหม"
"กล่องไม้อ๋อได้เจ้าค่ะเดี๋ยวบ่าวจะไปนำมาให้รอสักครู่นะเจ้าคะ"
"อืมไปเอามาเถอะ"
จู่เหนียนสาวใช้ข้างกายของข้าเดินไปเอากล่องไม้ที่ข้าต้องการนางถือไม่ได้จนถึงขนาดต้องลากกล่องไม้นั่นมาเหงื่อไหลโทรมกายเป็นเพียงแค่กล่องไม้ธรรมดานางยังยกไม่ไหวน่าสงสารสตรีเหล่านี้จริงๆถ้าเป็นแต่ก่อนตัวของค่าแบกกระสอบข้าวหลายถุงวิ่งได้สบายโดยไม่มีเหงื่อไหลออกมาเยอะเช่นนี้ขนาดสาวใช้ยังสบายกว่าข้าในตอนนั้นเลย
"นายหญิงเจ้าคะ อะไรอยู่ในนี้เจ้าคะบ่าวแบกขึ้นหลังไม่ไหวปกติบ่าวแข็งแรงมากเลยนะเจ้าคะ"
"เดี๋ยวเขาก็รู้"
ข้าเปิดกล่องไหมนั่นขึ้นมาทำเอาสาวใช้ข้างกายของข้าตกใจเป็นอย่างมากเพราะในนั้นมีดาบคู่เล่มใหญ่อยู่ในนั้นหนักหลายจินสตรีทั่วไปไม่สามารถแบกได้ตอนเด็กๆท่านพี่นำมาให้ตอนที่ข้ายังเป็นเด็กให้ฝึกเพลงกระบวนท่าของดาบ ท่านพี่บอกว่าของชิ้นนี้เป็นของท่านแม่ที่เคยมอบให้กับข้าในตอนเด็กแต่ข้าเองก็จำไม่ได้แล้วว่าท่านแม่หน้าตาเป็นเช่นไร เพราะตอนที่เกิดสงครามข้ายังอายุเพียงแค่ 5 ปียังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด
"นายหญิงเจ้าคะ นายหญิงได้มาจากที่ใดเหตุใดยกกระบี่ไม่สิยกดาบเล่มใหญ่ถึงขนาดนี้ขึ้นมาได้ด้วยมือข้างเดียวเช่นนี้"
"ของขวัญของมารดาที่ล่วงลับไปแล้วมอบให้แก่ตัวของข้า"
"มอบดาบให้เช่นนั้นก็คงจะสำคัญกับนายหญิงมากสินะเจ้าคะ"
"สำคัญสิเพราะตั้งแต่เกิดมาก็มีเห็นเพียงแค่ท่านพี่ที่เป็นองครักษ์ในวังกับพี่สาวที่เป็นใบ้บัดนี้ก็มีเจ้าสิ่งนี้ที่อยู่ข้างกายมาโดยตลอดเจ้าอย่าบอกใครว่าตัวของข้ามีของล้ำค่าเช่นนี้ได้หรือไม่"
"ได้สิเจ้าคะ นี่เป็นสมบัติของนายหญิงจะไม่ให้ใครรู้เป็นเด็ดขาดบ่าวจะเก็บใส่ใจว่านี่เป็นของนายหญิงห้ามแตะต้องห้ามให้ใครรู้เด็ดขาดเจ้าค่ะ"
"ขอบใจเจ้านะ"
"เป็นหน้าที่ของบ่าวเจ้าค่ะตอนนี้ได้เวลานอนกลางวันแล้วนะเจ้าคะพักผ่อนให้เพียงพอเมื่อคืนแม่หญิงหนักหน่วงมามากพอแล้วตอนนี้ก็พักผ่อนได้นะเจ้าคะ"
"ขอบใจเจ้าข้าขอไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน"
"เช่นนั้นบ่าวจะคอยดูต้นทางนี้เอาไว้ให้ไม่ให้ใครเข้ามารบกวนนะหญิงได้นะเจ้าคะ"
"อืม"
ไม่รู้ว่าตัวของข้าหลับไปนานเท่าไหร่แล้วแต่เมื่อรู้ตัวขึ้นมาอีกทีก็พบว่ามีใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของใครบางคนจับจ้องมายังตัวของค่าอย่างไม่ละเว้นสายตาจนทำให้ตัวของข้ารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาและตกใจในเวลาเดียวกันจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่ท่านแม่ทัพเหริน เหรินวั่งซูที่ใครๆต่างก็พากันหวาดกลัวตอนนี้มานอนอยู่ที่เตียงข้างๆข้าเสียแล้วนับว่าทำเอาตกอกตกใจไม่รู้ว่าเขาคิดเช่นไรและไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่เหตุใดจึงได้มีสีหน้าเช่นนี้
"ตื่นแล้วก็ดีไปกันเถอะ"
"เดี๋ยวก่อนท่านจะพาข้าไปที่ใดเหตุใดถึงไม่ได้บอกกล่าวอะไรชุดกระชากลากถูกันเช่นนี้ไม่งามเอาเสียเลย"
"ใครจะสนว่างามไม่งามเจ้าอย่าทำตัวเป็นสตรีในห้องหอไปหน่อยเลยก็แค่เป็นสตรีที่ถูกชุบเลี้ยงมาแค่ไม่กี่เดือนก่อนที่จะถูกขึ้นมาเป็นนายหญิงของจวนแม่ทัพเท่านั้นอย่าได้ตีตนว่าตนเองสูงนักเลยก็แค่แม่ค้าขายผักธรรมดาที่มีพี่ชายเป็นองครักษ์ที่ใช้เรือนร่างชี้นำฝ่าบาทเท่านั้น"
"เจ้าพูดอะไรเหตุใดต้องว่าท่านพี่ของข้าด้วยพี่ชายของข้าเป็นองครักษ์ใช่ชีวิตปกป้องฝาบาตรมาโดยตลอดไม่แปลกที่ฝ่าบาทจะรักและเอ็นดูท่านพี่ของข้ามาโดยตลอดเช่นนี้แต่ท่านไม่ควรที่จะมาพูดกล่าวหาท่านพี่ของข้าเหมือนคนไม่มีมารยาทเช่นนี้"
"รักเหลือเกินนะพี่ชายของเจ้าก็แค่นายบำเรอของฝากบาทเท่านั้น"
เพี๊ยะ!!!!
"เหรินวั่งซู เจ้าอย่าได้ปากมาแค่นี้อีกพี่ชายของข้าเปรียบเสมือนบิดาอย่าได้มาพูดจาสามหาวไร้แก่นสารใส่ร้ายผู้อื่นเช่นนี้ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า"
"เจ้าเองก็ตัวแค่นี้จะทำอะไรข้าได้แค่แรงจบเมื่อกี้ยังไม่สะทกสะท้านเจ้าแก่ๆสตรีอ่อนแอที่เป็นหมากบนกระดานให้คนชักจูงไปเท่านั้นเจ้าจะมีดีอะไรไปช่วยเหลือใครได้โง่งม ไปได้แล้ว"
"เจ้าจะพาข้าไปที่ใด"
"จะพาไปค่ายทหาร"
"ค่ายทหาร..."