บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 พร้อมลุย

เรื่องราวของหยางลี่จู ยืดเยื้อมายาวนาน นางค่อย ๆ ตัดสินใจ สุดท้ายวันที่นางตัดสินใจจะเดินออกจากชีวิตของสามี ก็คือ คืนวันที่งานเลี้ยงต้อนรับคณะราชทูตจากแคว้นฉู่จบลง

ในวันนี้นางดื่มสุรามาไม่น้อย ความคิดมากมายที่เก็บเอาไว้ในอกทั้งอัดอั้นตันใจ ทั้งเจ็บปวดชอกช้ำใจ จะมีใครรับรู้ถึงความรู้สึกนี้หรือไม่ เมื่อเห็นสามีตระกองกอดเหวินอี๋เหนียง หยอกเย้า พลันทำให้สตรีที่แสนดีอย่างหยางลี่จูอดทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว

ด้วยเพราะเห็นภาพบาดตาบาดใจ อ้อมกอดที่เคยเป็นของนาง กลับเปลี่ยนไปเป็นของอนุภรรยาทั้งสอง ผิดหรือที่นางจะคิดริษยาชิงชัง ผิดมากหรือไม่ หากนางจะคิดแค้นเคืองสามี และเคียดแค้นชิงชังบิดาและมารดาสามี

หยางลี่จูทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว นางจึงระเบิดความไม่พอใจที่อัดอั้นมานานหลายปี น้ำเสียงของนางจึงดังขึ้นออกจะหยาบคายสักเล็กน้อย “หยวนไห่จง เจ้ามันเป็นคนชั่วช้า ไม่รักษาคำพูด” ด้วยเพราะเจ็บปวดใจมานานหลายปี วันนี้ความอดทนได้จบลงแล้ว

ร่างกายอันแสนบอบบางน่าทะนุถนอม ยืนโอนเอนแทบจะตั้งหลักไม่ไหว ดวงหน้าดูแดงระเรื่อด้วยเพราะดื่มสุราจนเมามาย หวังจะให้มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดใจ แต่ทว่าเหมือนกลับทำให้ใจของนางปวดร้าวขึ้นมาอย่างดื้อ ๆ

“เจ้ามันเป็นคนเลวนัก เลวชั่วช้าจริง ๆ ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก ความรักของเจ้าที่มีต่อข้า มันหายไปไหนแล้ว!” หยางลี่จูแผดเสียงดังออกมา หยวนไห่จงนึกไม่ถึงว่าภรรยาที่แสนดีนางจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ นับวันนางยิ่งกระทำตัวไม่น่ารักเฉกเช่นเดิม

ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวกับฮูหยินเอก แต่เขากำลังปลอบใจอนุภรรยา “เหยาเอ๋อร์ กลับไปเรือนก่อนเถิดนะ ตอนนี้ข้าคงจะต้องพูดกับนางให้รู้เรื่อง” น้ำเสียงของชายหนุ่ม ไม่ได้ดูเกรี้ยวกราด หรือแฝงไปด้วยความไม่พอใจ

ยิ่งเห็นเช่นนี้ หยางลี่จู จึงยกนิ้วชี้ไปยังใบหน้าของผู้เป็นสามี “ข้าทำผิดมากนักหรืออย่างไรกัน ถูกแม่สามีเหยียดหยาม พ่อสามีตราหน้า ไม่อาจตั้งท้องได้เสียที วันนี้ข้าหยางลี่จู ขอตัดขาดกับท่าน หยวนไห่จง ตอบมายืนยันจะหย่ากับข้าหรือไม่”

ด้วยเพราะมึนเมา นางกระชากคอเสื้อของอีกฝ่าย กลิ่นสุราลอยคลุ้งแตะจมูกของหยวนไห่จง เขาเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ว่า “เจ้าเมามากแล้ว กลับไปพักเถิด ข้าจะไปส่ง”

“ไม่ต้องทำมาเป็นพูดดีกับข้า วันนี้ข้าอยากได้ยินคำตอบจากเจ้า! จะหย่ากับข้าหรือไม่ ข้าไม่อยากทนอยู่อีกต่อไป หนึ่งคำก็ตราหน้า สองคำก็ชิงชัง สามคำก็เหยียดหยาม สี่คำก็เหน็บแนม ข้าอยากรู้จริง ๆ นัก ข้าทำผิดอะไร ข้าไม่ตั้งครรภ์เสียที มันผิดมากขนาดนี้เชียวรึ!”

หยางลี่จูปล่อยมือจากคอเสื้อของเขา หยวนไห่จงยังคงมองภรรยาด้วยความสงสารจับใจ แม้นางจะมึนเมาไร้สติก็ตาม แต่ทว่าคนเมามักจะพูดความในใจทั้งหมด สิ่งที่เขาได้รับรู้ก็ไม่อาจช่วยนางให้บรรเทาทุกข์ในใจได้

หยางลี่จู ช้อนสายตามองใบหน้าคมคายอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มเหยียดขึ้นมา “ใครกันที่พร่ำพูดว่ารักข้าจนหมดใจ ใครกันที่บอกว่าจะรักเพียงแค่ข้าคนเดียว สุดท้าย ท่านก็ยังยืนกรานจะแต่งพวกนางเข้ามา เหอะ! ชีวิตของข้าที่แล้วมา เป็นข้าที่โง่งมมองเจ้าผิดไป หยวนไห่จง นับจากนี้ ข้าขอหย่าขาดกับเจ้า!”

ความรักของเขาควรจะจบลงเสียที เมื่อเห็นดวงตาคู่งามของนางครั้งนี้ มีแต่ความเจ็บปวดใจอยู่ในดวงตาคู่สวยของนาง ครั้งหนึ่งแววตาของนางมีแต่ความรักใคร่ ไม่มีความชิงชังและหดหู่เช่นนี้มาก่อน เขาคิดว่าไม่อาจยื้อนางให้เจ็บปวดใจอีกแล้ว

“หากเจ้ายืนกรานความคิดนี้ ข้าก็ไม่อาจจะเอ่ยปฏิเสธเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็ลงนามหย่าให้ข้าเถิด” เขามองใบหน้าแสนน่ารักนี้เป็นครั้งสุดท้าย แม้จะอยากโอบกอดตระกองนางเอาไว้แนบอกก็คงทำไม่ได้

หยางลี่จูเชิดหน้าขึ้น มือสองข้างยกมาเท้าที่เอวของตนเอาไว้ สีหน้าของนางดูเย่อหยิ่งยิ่งนัก นางนึกขำขันตนเอง หวังให้เขาเอ่ยวาจารั้งเอาไว้ หวังให้เขาขอร้องให้นางอยู่ต่อ สุดท้ายแล้ว เป็นนางที่คิดเองอยู่ฝ่ายเดียว

ก่อนหน้าที่หยางลี่จูจะหย่าขาดกับแม่ทัพหยวน ได้ยินข่าวลือหนาหูมาไม่น้อย ไป๋ฟางหรงตัดขาดกับสามี คราวแรกนางไม่เชื่อ แต่เมื่อได้พบหน้าสหาย ก็เชื่อสนิทใจ แม้ว่านางไม่ได้ย้ายจวนไปไหน อยู่ใกล้ ๆ แค่เอื้อม กระนั้นสิ่งที่ไป๋ฟางหรงทำทุกอย่าง ก็เพื่อลูก ๆ ของนาง แม้ตัวนางจะปากแข็งว่าตัดใจได้

ความรักของหยางลี่จูที่มีต่อแม่ทัพหยวนตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา มันไร้ค่าราวกับเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นที่พัดผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป

นางเองก็เช่นเดียวกัน ก็เป็นเพียงแค่คนไร้ค่า ในสายตาของสามี เป็นสตรีที่แม่สามีชิงชังตั้งแต่ที่ก้าวเท้าเข้ามาในจวน เป็นลูกสะใภ้ที่พ่อสามีเหยียดหยาม ไม่ชอบหน้าตั้งแต่ที่แต่งเข้ามา ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ นางอดทน กล้ำกลืนก้อนแห่งความขมขื่นและเจ็บปวดเอาไว้ มันได้พังทลายลงแล้วในวันนี้

นางยิ้มเยาะขึ้นมา หย่าร้างแล้วก็คงจะกลับจวนตระกูลหยางไม่ได้ เพราะคนที่นั่นใครจะต้อนรับนางกัน หลังจากนี้ก็ขอหลบพักอาศัยรักษากายใจให้หายดี แล้วค่อยคิดเดินทางต่อไป

“ขอบคุณที่เจ้า ทำให้ข้า ตาสว่างเสียที ขอบคุณระยะเวลาหลายปีมานี้ ข้าจะได้รับอิสระ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หวังว่าเจ้ากับภรรยาทั้งสอง จะมีความสุข ตราบนานเท่านาน” กล่าวจบไม่พูดพร่ำอันใดอีก ฝ่ามือของนางยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปจากดวงตา เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายนึกเวทนาสงสาร

ตอนนี้มีแต่ความอ้างว้างเกาะกุมดวงใจที่เปลี่ยวเหงา หลังจากนี้นางจะต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ความรักนี้จบลงด้วยน้ำตา และความเจ็บปวดแทบกระอักเลือด ชายคนหนึ่งที่รักกันมาหลายปี ฝ่าฟันอุปสรรคด้วยกันมามาก สุดท้ายคำพูดที่จะรั้งนางเอาไว้ไม่มีแล้ว

หยางลี่จูแค่นหัวเราะเยาะตนเองนัก โง่งมในความรักมาหลายปี สุดท้ายนางก็กุมหัวใจเขาเอาไว้ไม่ได้ มิหนำซ้ำตั้งแต่ที่ก้าวขา เข้ามาในจวนตระกูลหยวน ไม่มีวันไหนเลยที่ทำให้นางยิ้มออก มีแต่ความทุกข์ อมความเศร้าโศกอยู่บนดวงหน้าของนาง

หลังจากหย่าร้างกับแม่ทัพหยวนแล้ว นางเดินทางไปจวนของไป๋ฟางหรง และยังโชคดีที่ท่านแม่เจียงจินจูรับนางเป็นลูกสาว กระทั่งเดินทางไปแดนเหนือ จวบจนหลานชายได้รับพิษร้าย สุดท้ายแล้วนางก็ยังคงอยู่แดนเหนือที่โรงเตี๊ยมของเถ้าแก่เป่ย

แม่ทัพจ้าว จัดการเก็บความสะอาดเรียบร้อยจนเสร็จสิ้น เช่นนั้นจึงเดินทางกลับไปเมืองหลวง เจียงจินจูยังอยู่พักผ่อนที่แดนเหนืออีกสักพัก พร้อมกับลูกบุญธรรม และวันนี้นางก็ได้เชิญท่านหมอมาตรวจอาการของหยางลี่จู หลังจากที่นางได้เล่าทุกอย่าง อย่างหมดเปลือกมิได้ปิดบังแม่บุญธรรม

“นายหญิงเจียง สุขภาพของคุณหนูหยางแข็งแรงดี ได้รับยาต้านครรภ์มานาน จึงไม่อาจตั้งครรภ์ได้” ชายชราสวมชุดผ้าเนื้อหยาบ เงยหน้ามองมายังสตรีสูงวัย เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ จับชีพจร และฝังเข็ม ก็พบว่าสตรีนางนี้ มีอาการเพียงแค่ได้รับยาต้านครรภ์มากจนเกินไป

เจียงจินจูสีเรียบเฉย มองดูลูกสาวบุญธรรมด้วยความรู้สึกสงสารระคนเห็นใจยิ่งนัก นางกวักมือเรียกคนสนิทของนางมา จากนั้นมอบถุงเงินให้ท่านหมอเป็นอันว่าเรียบร้อย หยางลี่จูรู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางศีรษะทันใด

“ท่านแม่ ตอนที่ข้าอยู่ตระกูลหยวน ก็ดื่มยาบำรุงของหรงเอ๋อร์เป็นประจำ เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะถูกวางยาห้ามครรภ์” นางลุกขึ้นนั่งบนเตียง ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนคนโง่ได้กลับมาอีกครั้ง

เจียงจินจูลุกขึ้นยืน สองมือไพล่หลัง นางกล่าวน้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นมา “ใครเป็นคนรับใช้เจ้า และในจวนนั้นมีคนที่เจ้าวางใจได้กี่คนกันแน่ กลับไปเมืองหลวงเมื่อไหร่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเจ้า โดยเฉพาะนังเมิ่งซื่อ ข้าอยากจะเจอนางเสียเหลือเกิน”

“ท่านแม่เจ้าคะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ปล่อยไปเถิดเจ้าค่ะ” นางไม่อยากจะฟื้นฝอยเรื่องเก่า ๆ ตอนนี้นางอยู่ที่นี่ก็มีความสุขดี และค่อนข้างจะเรียบง่าย นางเป็นผู้ดูแลบริการให้สตรีที่มาพักยังโรงเตี๊ยมแห่งนี้

“จะผ่านไปแล้วก็ช่างมันนะรึ ข้าเป็นแม่ของเจ้า และเจ้าเป็นลูกสาวของข้า คนตระกูลหยวนจะต้องชดใช้ ข้าจะทวงความเป็นธรรม กระชากหน้ากากของนังอสรพิษให้ได้ ข้าให้คนไปสืบมาแล้ว รอวันที่กลับเมืองหลวงเสียก่อน” น้ำเสียงของหญิงสูงวัยแข็งกร้าว แววตาวาวโรจน์นัก แผ่กลิ่นอายสังหารออกมาอย่างเปี่ยมล้น

“ท่านแม่จะทำอันใดเจ้าคะ” ลี่จูเกรงว่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โต

“ไม่มีอะไรมาก” มีหรือคำว่าไม่มีอะไรออกจากปากของนาง มันจะจบลงง่าย ๆ จากนั้นนางก็หันกลับมามองใบหน้าแสนน่ารักของหยางลี่จู นับตั้งแต่มีลูกสาวคนใหม่ ชีวิตของนางก็ไม่เงียบเหงา กลับเมืองหลวงครั้งนี้ก็คงจะสนุกครึกครื้นไม่เบา

เจียงจินจูกดยิ้มที่มุมปาก กวักมือเรียกอู๋เป่ยเหยียนที่ยืนรออยู่หน้าประตู ด้วยเพราะเป็นห่วงนางในดวงใจ ด้วยเพราะสีหน้าของนางเหมือนมีเรื่องกังวลใจอยู่ตลอด ตัวเขาเองเป็นห่วงนางนัก

และเข้าใจความรู้สึกดีว่า ไม่ใช่ลูกที่บิดารักใคร่เป็นเช่นไรกัน ตัวเขาเองก็เป็นเช่นนั้น จำความได้ก็เติบโตอยู่ในหุบเขาไป๋หรง จนเติบใหญ่ จึงคิดริเริ่มสร้างรากฐานของตนเองโดยเปิดโรงเตี๊ยมอยู่แดนเหนือ เป็นหูเป็นตาให้นายหญิงเจียง

“เป่ยเหยียน เจ้าก็ควรจะกลับเมืองหลวงพร้อมข้านะ ข้าจะนำเจ้าไปคืนเขาเอง หากเขาไม่รับเจ้า ข้านี่แหละจะจัดการเขาเอง เจ้าเชื่อใจข้าได้เลย ความเป็นธรรมที่เจ้าไม่ได้รับ ข้าจะทวงคืนให้เช่นเดียวกัน”

“ข้าไม่สำคัญอันใด หากจะให้นายหญิงออกหน้า เกรงว่าจะทำให้ท่านพ่อไม่สบายใจ” เป่ยเหยียนไม่สบายใจสักเท่าไหร่ เคยเห็นบิดาอยู่ห่าง ๆ ไม่เคยได้เฉียดเข้าใกล้สักครั้ง อ้อมกอดใด ๆ ไม่เคยได้รับ คำเรียกท่านพ่อไม่เคยได้ออกจากปาก

“เขาเพิกเฉยเจ้ามานานก็จริง แต่ก็ไม่ใช่คนใจดำ สิ่งที่เจ้าควรรู้เอาไว้ ข้ากำจัดนางมารสองคนนั้นแล้ว เจ้าเองก็ต้องคืนฐานะที่แท้จริงเสียที จะได้แต่งภรรยาได้อย่างไรเล่า” นางยังจำได้ดี วันที่นางกำนัลคนหนึ่ง หอบทารกน้อยในห่อผ้าแพรมาขอให้นางช่วยเหลือและรับเลี้ยงเอาไว้

นางกำนัลคนนั้นร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ ด้วยเพราะสหายรักถูกมารดาแผ่นดินสั่งโบยจนตาย หลังจากที่คลอดเด็กออกมาได้ไม่ถึงวัน เจียงจินจูจะไม่รับเลี้ยงได้อย่างไรกัน เห็นว่าคนหนีร้อนมาพึ่งเย็น จากนั้นจึงได้ส่งทั้งคู่ไปยังหุบเขาไป๋หรง

ฐานะแท้จริงมีเพียงแค่นางเท่านั้นที่รู้

“นายหญิง” เป่ยเหยียนซาบซึ้งใจยิ่งนัก แทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ยี่สิบแปดปีมานี้ เขาได้รับความรักและความเอ็นดูไม่ว่าจะเป็นนายหญิงเจียง หรือท่านประมุขเจียง ทั้งสองคนให้ความรักและอบอุ่นเสมอมา ไม่เคยโหยหาบิดาและมารดา ด้วยเพราะมีทั้งสองท่านเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป

“เอาเป็นว่า ข้าจะจัดการแทนเจ้าทุกอย่าง คอยดูเรื่องสนุกต่อจากนี้เถอะ พวกเจ้าคือคนสำคัญของข้า และจะทวงคืนให้สาสม โดยเฉพาะจูเอ๋อร์ คนตระกูลหยวนจะต้องชดใช้!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel