ตอนที่ 5 ชายแปลกหน้า
เหวินอี๋เหนียง คลอดลูกชายตัวอวบอ้วนน่ารัก ซ้ำยังเลือนตำแหน่งเป็นฮูหยินเอกได้สมใจ ส่วนว่านเอ้อร์เหนียง ฐานะยังคงเป็นเพียงแค่อนุเท่านั้น ซ้ำยังอยู่ตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยามนี้เหวินอวี้เหยากลายเป็นฮูหยินน้อยของจวนตระกูลหยวน
แต่ทว่ากลับมีปากเสียงกับว่านเอ้อร์เหนียงเป็นประจำ เมื่อนางได้ให้กำเนิดบุตรชายเฉกเช่นเดียวกัน มีฐานะเป็นคุณชายน้อยคนที่สองของตระกูลหยวน ท่านแม่ทัพเอ็นดูนางไม่น้อย มักจะให้รางวัลแก่นางหลายอย่าง ซ้ำร้ายยังมีมูลค่ามากกว่าฮูหยินข้างกายตนอีกด้วย
นั่นเพราะแม่ทัพหยวนคิดว่านางเป็นญาติผู้น้องของอดีตภรรยา จึงรักใคร่และเอ็นดูนาง ร่วมด้วยนางกิริยามารยาทแช่มช้อย อ่อนหวานและน่ารัก ซ้ำยังรู้จักกาลเทศะไม่ละลาบละล้วงเขาอีกด้วย ผิดกับเหวินอวี้เหยาที่ช่างอิจฉาริษยา สร้างความปั่นป่วนในจวนไม่น้อย นับตั้งแต่นางได้เลื่อนขั้นเป็นฮูหยินเอก
“ออกไปนะ” เสียงโวยวายของอวี้เหยาดังออกไปถึงข้างนอก นั่นเพราะเพิ่งจะรู้ว่า ว่านเอ้อร์เหนียงได้รับของขวัญจากท่านแม่ทัพหยวนอีกแล้ว ภายในเดือนนี้ท่านแม่ทัพสั่งทำปิ่นปักผม ให้ว่านเอ้อร์เหนียงถึงห้าอัน ซ้ำยังสั่งตัดชุดใหม่ให้นางอีกด้วย
“ฮูหยินน้อย อย่าได้อาละวาดไปเลยเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรท่านก็เป็นฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพอยู่ดี” สาวใช้ข้างกายติดตามมาจากตระกูลเหวิน กล่าวขึ้นเตือนสตินายสาว
เพียะ!
เสียงฝ่ามือนุ่มตวัดฟาดเข้าให้ที่แก้มของสาวใช้ จนทำให้นางล้มพับลงไป เหวินอวี้เหยาใบหน้าเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ ยกมือขึ้นเท้าเอวข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งกำลังชี้หน้าสาวใช้ กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงกระโชกโฮกฮาก
“ริอ่านจะสั่งสอนข้า เป็นแค่สาวใช้ไม่รู้จักเจียมตน! ลากนางไปโบกสามสิบไม้ ขายออกไปหอนางโลม!” น้ำเสียงเหี้ยมสั่งการทันใด
สาวใช้ลนลานหวาดกลัวนัก รีบคลานเข่าเข้ามา กอดที่เรียวของเจ้านายเอาไว้แน่น ใบหน้าของนางยังดูตื่นตระหนกตกใจนัก “ฮูหยินน้อยได้โปรดเมตตาข้าด้วยเจ้าค่ะ” ไม่คาดคิดว่านางพูดออกความคิดเห็นเพียงแค่สั้น ๆ จะทำให้ตนเองพบจุดจบเช่นนี้ ดวงตาของนาง อาบไปด้วยหยาดน้ำตาไหลรินลงมาราวกับไข่มุกเม็ดโต
“ไสหัวออกไป ให้หมด!” อวี้เหยาอาละวาดแผดเสียงอีกครั้ง อย่างไม่พอใจ นางเก็บอาการนี้เอาไว้ไม่อยู่จริง ๆ ข้างกายนางไร้บุตรชาย นั่นเพราะส่งให้แม่นมเลี้ยงดูแล
เหวินอวี้เหยานั่งพ่นลมหายใจออกจมูก ด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่านมากโข ใบหน้าของนางประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดง นั่นเพราะพักหลัง ๆ มา นางไม่เคยจะได้ของขวัญจากสามีสักชิ้น หากจะได้ ก็มีมูลค่าน้อยกว่า ว่านเอ้อร์เหนียงอีก
นางทนไม่ไหว คิดจะเดินไปยังเรือนหลังเล็ก ทางปีกซ้ายเป็นเรือนพักของว่านซูเจียว นางเดินไปยังไม่ถึงเรือนหลังนั้นด้วยซ้ำ ก็พบกับภาพบาดตา สามีของนางกำลังอุ้มลูกชายของอีกฝ่าย แววตามีแต่ความรักใคร่และเอ็นดู ผิดกับลูกชายของนาง ที่เขาแวะมาดูและอุ้มเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น
“ท่านพี่” แม้จะไม่พอใจ แต่ก็ต้องแสร้งพูดน้ำเสียงหวานออกไป แต่ทว่ารอยยิ้มได้หามีไม่ ดวงตากลมโตของนางมีแต่เพลิงริษยาอยู่ในกระบอกตาทั้งสองข้าง
ว่านซูเจียวยิ้มเหยียดอีกฝ่าย มุมปากบิดขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงได้ยอบกายลงอย่างงดงาม จริต มารยาได้งัดออกมาอีกครั้ง “พี่สาว เชิญนั่งเจ้าค่ะ น้องมิได้ไปเรือนของท่านตั้งหลายวัน ดูพี่สาวจะผ่องใสขึ้นนะเจ้าคะ”
ซูเจียวจีบปากจีบคอพูดขึ้นมา “ช่วงนี้ท่านพี่มาพักที่เรือนข้าบ่อย จึงไม่ได้ไปคารวะน้ำชาพี่สาวทุกเช้า ขออภัยด้วยเจ้าค่ะ” มีหรือนางจะพลาดโอกาสงาม ๆ นี้ นางส่ายปิ่นปักผมชิ้นใหม่เบา ๆ มันดังกรุ้งกริ๋งขึ้นมา ทำให้ผู้ที่มีใจริษยาเหลือบมองมันเข้า มันช่างดูเตะตานางนัก พลันฝ่ามือนุ่มของเหวินอวี้เหยาได้ดึงปิ่นออกมาจากกลุ่มผมของว่านเอ้อร์เหนียง
“ท่านพี่ จะลำเอียงเกินไปหรือไม่ มอบของขวัญให้อนุเท่านั้น แต่เหตุใดมันจึงแพงเช่นนี้” อวี้เหยาปาปิ่นลงพื้นทันที ด้วยความโมโหจนคุมสติตนเองไม่ได้ ซ้ำร้ายยังลากร่างอันไร้เรี่ยวแรงของว่านซูเจียวออกมาจากเก้าอี้อีกด้วย
ว่านซูเจียวเล่นบทตามน้ำ รอให้อีกฝ่ายลงมือ นางจะช่วงชิงจังหวะนั้น นางพยายามไม่ทำให้ตนเองบาดเจ็บ และรอคอยโอกาสที่จะทำให้เหวินอวี้เหยาตกม้าตาย ทำให้ท่านแม่ทัพชิงชัง ช่วยไม่ได้ ก็อีกฝ่ายมาหาเรื่องนางเอกแท้ ๆ ใครแพ้ก็ต้องรับชะตากรรม นางย่อมจะต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น
‘เหวินอวี้เหยา เจ้ามันโง่เองนะ’
“หยุดนะ เจ้าคิดจะทำอะไร ทำตัวหยาบคายยิ่งนัก” ในอ้อมกอดของเขายังมีเจ้าก้อนแป้งน้อยอยู่ด้วย เขารีบยกมือขึ้นห้ามฮูหยิน และยังกล่าวคำพูดขึ้นมาดูจะรุนแรงไม่เบา
ซูเจียวแสยะยิ้มขึ้นมา แววตาถากถางอีกฝ่ายเข้าให้ แสร้งตีสองหน้า กล่าวคำพูดอันแสนหวานออกมา น้ำเสียงนั่นสั่นเครือเล็กน้อย กระบอกตาของนางแดงระเรื่อ เอ่อคลอไปด้วยม่านน้ำตา ช่างดูน่าสงสารจับใจ
“พี่สาวอย่าได้โกรธเลยเจ้าค่ะ ท่านพี่เห็นว่าข้ามีฐานะเป็นเพียงแค่อนุรองเท่านั้น จึงได้เมตตาน้อง หากพี่สาวอยากได้ ข้ายินดียกให้หมด ขอเพียงแค่อย่าตบตีข้าอีกเลยนะเจ้าคะ”
คำพูดนี้ดูอย่างไรก็ฟังดูชอบกล ทำให้ท่านแม่ทัพสีหน้าแดงก่ำ เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ เพิ่งจะรู้ความจริงจากปากว่านเอ้อร์เหนียง แท้ที่จริงแล้ว ฮูหยินเอกของตน ทำร้ายและตบตีอนุรองเช่นนั้น
“เจ้าช่างกล้านัก ทำร้ายนางได้อย่างไรกัน หากนางไม่หลุดปาก ข้าก็คงจะกลายเป็นคนโง่สินะ กลับไปเรือนของเจ้าเสีย หลังจากนี้อย่าเดินมาเหยียบเรือนของเจียวเอ๋อร์อีก” เสียงคำรามของชายหนุ่ม ทำให้เหวินอวี้เหยาสะดุ้งตกใจ นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดจากับนางเช่นนี้ได้
ดังนั้นก็ยิ่งกระตุ้นให้นางโกรธจนตัวสั่น ยังเห็นสีหน้าที่ยิ้มเยาะ มุมปากของว่านซูเจียวบิดขึ้นมา เหยียดหยามนางผ่านทางตาก็ยิ่งทำให้กรุ่นโกรธ เช่นนั้นแล้วน้ำเสียงของนางจึงดูเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด
“ท่านพี่ ฟังความข้างเดียวเช่นนี้ ได้! ท่านจะได้เห็นดีกัน ข้าจะฟ้องท่านแม่!” นางรีบหันขวับ เดินกระแทกส้นเท้าออกไปทันใด ด้วยเพราะโกรธจัดจนหน้าแดงหน้าดำ หากไม่มีท่านแม่ทัพอยู่แล้วล่ะก็ ว่านซูเจียวจะไม่ได้ยืนเสนอหน้าเช่นนี้ นางจะจัดการตบสั่งสอนเสียให้เข็ด
‘ขนาดหยางลี่จู ข้ายังเขี่ยออกไปได้ นับประสาอะไรกับว่านซูเจียว สักวันข้าจะจัดการเจ้าแน่ ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ’ เหวินอวี้เหยาบ่นพึมพำทั้งยังหมายมั่น ตั้งใจจะกำจัดอีกฝ่ายออกไปให้พ้นทาง จังหวะที่นางเดินกลับเรือนนั้น ถูกชายปริศนาคนหนึ่ง กระชากร่างแสนบอบบางของนางเข้ามา
เขารีบลากนางไปหลบอยู่หลังต้นไม้ มองซ้ายที ขวาที ก็พบว่าทางโล่ง ไม่ทันไร เหวินอวี้เหยาก็หน้าซีดเข้าให้ ข้อมือเล็กของนางถูกจับจูงเอาไว้ นางมิได้ขัดขืนแม้จะรู้ว่าเป็นใครกัน แต่ก็ยังตกใจอยู่ดี
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร ว่าอย่ามาที่นี่อีก” อวี้เหยา เมื่อครู่โกรธท่านแม่ทัพหยวนอยู่ แต่ตอนนี้กลายเป็นตกใจเสียมากกว่า น้ำเสียงของนางแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้ออกปากขับไล่อีกฝ่าย หรือจะตะคอกแผดเสียงใส่ชายคนนี้
“ข้าร้อนเงิน ช่วงนี้มือไม่ขึ้น” ไม่ทันไรก็แบมือขอเงินจากนางเข้าให้ “หากไม่อยากให้ความลับรั่วไหล ก็นำเงินมาให้ข้าเร็ว ๆ เข้า” ชายหนุ่มคนนี้กล่าววาจาข่มขู่
“ข้ารู้แล้ว แต่ว่าท่านสัญญากับข้าแล้วนี่นา ว่าจะเลิกเข้าโรงพนัน” แม้จะออกปากเตือนชายหนุ่ม แต่นางก็หยิบเอาถุงเงินให้เขาอยู่ดี “หากครั้งหน้ามาอีกครั้ง ข้าจะไม่ให้แล้วนะ ตอนนี้ท่านแม่ทัพไม่ค่อยโปรดปรานข้าสักเท่าไหร่ มักจะไปขลุกอยู่กับว่านซูเจียว”
“หากข้ากำจัดนางให้เจ้าเล่า” สีหน้าของเขาดูยียวนนัก มือหนาแสนหยาบกร้านของชายคนนี้ ลูบไล้จับเข้าที่บั้นท้ายอันงอนงามของหญิงสาว แววตาของคนผู้นี้ราวกับโจรป่าที่กำลังเอ่ยเรื่อง ความเป็นความตาย จะเข่นฆ่าคนอื่นได้ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอันใด
“จริงหรือเจ้าคะ” แววตาของเหวินอวี้เหยาวาวโรจน์ขึ้นมาทันใด นางระบายยิ้มอย่างยินดี สีหน้าดูเบิกบานขึ้นมามากโข หลังจากที่เมื่อครู่ นางกำลังคิดหาวิธีจัดการว่านซูเจียวให้ออกไปพ้นทางของนาง แต่นึกไม่ถึงว่าโชคจะเข้าข้างอย่างรวดเร็วเช่นนี้
“เจ้าต้องเพิ่มเงินให้ข้าอีกห้าสิบตำลึงทอง” ข้อเสนอของเขาไม่มากไปนัก สำหรับจัดการสตรีนางหนึ่ง เพื่อแลกกับความสุขสบายในอนาคตของเหวินอวี้เหยา งานนี้เขามีแต่ได้กับได้เท่านั้น
“ข้าจะไปหามาให้ท่านมากมายขนาดนี้ได้อย่างไรกัน” เพียงแค่ได้ยินจำนวนเงินมากมาขนาดนี้ ทำให้นางแทบจะล้มทั้งยืน
“เจ้าเป็นคนดูแลเรื่องต่าง ๆ ของจวนนี้ไม่ใช่หรืออย่างไรกัน ก็ค่อย ๆ ยักยอกทีละนิดสิ ค่อย ๆ โยกย้ายเจ้าฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้ เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องให้ข้าสอน” เขาละมือจากบั้นท้ายอย่างแสนเสียดาย
“อีกสิบวัน ข้าจะมารอคำตอบจากเจ้า ว่านซูเจียวจะอยู่หรือตายล้วนเป็นเจ้าตัดสิน ขอเพียงแค่เงินพร้อม งานก็เดิน”