บทที่ 7 พาสามีมาพบหน้าครอบครัว
บทที่ 7
พาสามีมาพบหน้าครอบครัว
หลายวันที่ผ่านมานี้ไป๋อวี้ใช้ชีวิตในจวนตระกูลเหออย่างสงบสุขยิ่งนัก พ่อสามีรักใคร่เอ็นดูคอยเอาอกเอาใจนางสารพัด อาหารการกินล้วนถูกดูแลเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งเพราะเหอหมิงเจ๋อต้องการหลานชายไว ๆ เขาจึงทุ่มเทกับลูกสะใภ้ผู้นี้มาก
"วันนี้ก็ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมใช่หรือไม่อวี้เอ๋อร์"
เหอหมิงเจ๋อเอ่ยขึ้นบนโต๊ะอาหาร โดยที่มือก็คีบเป็ดย่างให้ไป๋อวี้ไปด้วย
"เจ้าค่ะท่านพ่อ หลังจากรับอาหารเช้าเสร็จข้าก็จะพาท่านพี่ไปเยือนจวนตระกูลไป๋ด้วยกันเจ้าค่ะ"
"ดี ๆ เช่นนั้นก็เตรียมของไปฝากบ้านเจ้าให้มากหน่อยก็แล้วกัน"
"ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ"
ไป๋อวี้คลี่ยิ้มหวานพลางคีบอาหารป้อนใส่ปากเหอซีหยางไปด้วย
เหอหมิงเจ๋อมองทั้งสองด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ตั้งแต่บุตรชายสูญเสียการมองเห็นไป การทานอาหารร่วมกันก็นับว่าหม่นหมองยิ่งนัก เหอซีหยางมักจะรับอาหารที่ห้อง ไม่ค่อยยอมออกมาทานร่วมโต๊ะกับผู้ใดด้วยเกรงว่าจะคีบอาหารผิด ๆ ถูก ๆ
ทว่าหลังจากแต่งไป๋อวี้เข้ามา บุตรชายของเขาก็ออกมาร่วมโต๊ะอาหารกับเขา แม้จะเอาแต่นั่งเงียบคอยอ้าปากรับอาหารที่ผู้เป็นภรรยาป้อนให้ไม่ขาดปากก็ตาม แต่ก็ดีกว่าเดิมมากนัก ลูกสะใภ้ผู้นี้เขาเลือกไม่ผิดจริง ๆ นางไม่ได้มีทีท่ารังเกียจบุตรชายของเขาเลยสักนิดเดียว ทั้งยังดูแลปรนนิบัติอาหยางอย่างดีทุกเช้าค่ำเสียด้วย
ดีมากจนกระทั่งบ่าวในเรือนต่างเล่าลือกันไปทั่ว ว่าทั้งสองนั้นเร่าร้อนกันมากเพียงใดในยามราตรี ดูท่าเขาคงจะได้อุ้มหลานในเร็ววันนี้เป็นแน่
"น้ำแกง"
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยสั่งผู้เป็นภรรยา นางให้เขาทานแต่เป็ดย่างจนเขาฝืดคอแทบจะทานต่อไม่ไหวแล้ว นี่นางจงใจดูแลเขาหรือหาเรื่องเอาคืนที่เมื่อคืนเขารังแกนางกันแน่ ภายนอกทุกคนก็คิดว่านางนั้นดูแลเขาเป็นอย่างดี แต่ใครจะรู้ดีเท่าตัวเขาเล่า
'สตรีร้ายกาจ! อย่างไรก็เป็นสตรีร้ายกาจอยู่ร่ำไป'
"ตายจริง! ข้านี่ลืมตักน้ำแกงให้ท่านพี่เสียได้ นี่เจ้าค่ะน้ำแกงปลาสูตรของข้าเอง ถ้วยนี้ข้าลุกขึ้นมาเคี่ยวให้ท่านพี่เลยนะเจ้าคะ"
ไป๋อวี้แสร้งอุทาน นางตักน้ำแกงปลาหรือต้มยำปลาที่ใส่พริกเยอะจนแทบพ่นไฟออกมาได้เลยล่ะ ไป๋อวี้ตั้งใจเอาคืนที่เขาทำให้นางปวดเอวจนแทบลุกไม่ขึ้นโดยการทำน้ำแกงนี้บำรุงให้เขาเลยนะ หญิงสาวตักน้ำแกงปลาป้อนใส่ปากของเหอซีหยางด้วยรอยยิ้มหวาน
"แค่ก ๆ"
จื่อลู่ผู้เปรียบเป็นดั่งดวงตาให้ผู้เป็นนายกระแอมไอออกมาเป็นการร้องเตือน ทว่าก็สายไปเสียแล้ว เมื่อน้ำแกงปลาสีแดงราวกับเปลวเพลิงได้ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอของเหอซีหยาง
"อร่อยหรือไม่เจ้าคะท่านพี่"
ไป๋อวี้เอ่ยถามน้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้ง นางยังคงตักน้ำแกงปลาป้อนให้ผู้เป็นสามีที่มีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกต่อไป
"อะ อืม รสชาติดี"
"ดี ๆ เจ้าก็กินเยอะ ๆ เล่าอาหยาง อวี้เอ๋อร์อุตส่าห์ตื่นมาทำให้เจ้าตั้งแต่ยามเช้าตรู่เลยนะ"
"ขอรับท่านพ่อ"
เหอซีหยางได้แต่กัดฟันเอ่ยออกไป ภาพตรงหน้าที่เห็นรางเลือนนั้นเขายังมองออกเลยว่าสีหน้าของไป๋อวี้นั้นดูสะใจเพียงใด คอยดูเถิดว่าคืนนี้เขาจะเอาคืนนางอย่างไรบ้าง
ไป๋อวี้ทำเป็นไม่สนใจสีหน้าที่อยากจะบีบคอของสามี นางยังคงป้อนน้ำแกงรสชาติจัดจ้านให้กับเขาจนหมดถ้วย ซึ่งตอนนี้ปากของเหอซีหยางตลอดจนใบหน้าคมแดงก่ำเหมือนกับสีของน้ำแกงที่เขาทานเข้าไปเลย
จวนตระกูลไป๋
ขบวนรถม้าจากจวนตระกูลเหอกว่าสามคันรถได้เคลื่อนเข้ามายังหน้าจวนตระกูลไป๋ เมื่อรถม้าจอดเทียบท่าแล้วร่างบอบบางของไป๋อวี้ได้ก้าวลงมาเป็นคนแรก ตามด้วยเหอซีหยางที่มีไป๋อวี้กับจื่อลู่เข้ามาประคองด้วยความระมัดระวัง
"พี่ใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว"
เด็กสาวที่อายุน้อยกว่าไป๋อวี้ 2 ปีได้วิ่งเข้ามาสวมกอดผู้เป็นพี่สาวด้วยความดีใจ นางคือคุณหนูรองผู้มีนามว่า 'ไป๋ฮวา' และอีกคนผู้เป็นน้องเล็กที่อายุเพิ่งจะ 13 หนาว คุณชายเพียงหนึ่งเดียวแห่งตระกูลแม่ทัพพิทักษ์ทิศอุดร 'ไป๋อี้ซวน'
ทั้งสองวิ่งเข้ามาสวมกอดผู้เป็นพี่สาวด้วยความคิดถึง แม้จะจากกันเพียงสามวัน ทว่าในความรู้สึกของพวกเขานั้นกลับนานแสนนาน
"หืม... พวกเจ้านี่ยังซุกซนมิเคยเปลี่ยนเลยนะ"
ไป๋อวี้รู้สึกคุ้นเคยกับทั้งสองอย่างน่าประหลาด ราวกับนางเองก็คิดถึงทั้งสองมากเช่นกัน
ในความรู้สึกของนางนั้นไม่เคยคิดว่าตัวเองคือคนนอกเลย แต่กลับคิดว่าตัวเองก็คือไป๋อวี้นั่นเอง แม้ว่านี่จะเป็นโลกในนิยายก็ตาม ทว่านางก็จะขอเก็บเกี่ยวความสุขนี้เอาไว้ให้นานแสนนาน
"พวกข้าเปล่านะเจ้าคะ"
"เอาล่ะ ๆ ท่านพ่อเล่ามิได้อยู่ด้วยหรือ"
"เอ่อ... ท่านพ่อมีงานราชการด่วน เร่งออกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วเจ้าค่ะ"
ไป๋ฮวามองหน้าผู้เป็นพี่สาวด้วยความเป็นกังวล พวกเขาสามพี่น้องรู้ดีว่าเกิดในตระกูลแม่ทัพจำเป็นต้องเสียสละความสุขของตน แต่แล้วอย่างไรเล่า! ความเข้าใจกับการยอมรับได้นั้นมันต่างกันมากนัก ยิ่งมารดาต้องมาตายจากไปตั้งแต่อาซวนยังเด็ก ทำให้พวกนางเหลือกันเพียงสามพี่น้อง และไป๋อวี้ก็คือผู้ที่เปรียบเสมือนกับมารดาอีกคนของไป๋ฮวากับไป๋อี้ซวน
"ช่างเถอะ! เราเข้าไปข้างในกันดีกว่าตรงนี้แดดแรงนัก"
ไป๋อวี้มองเหอซีหยางด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย สายตาของเขาไวต่อแสงแดดมากนัก ที่นี่ก็ไม่มีแว่นกันแดดเสียด้วย
นางคงจะต้องมองหาหนทางช่วยเหลือสามีผู้นี้เสียแล้ว แม้ว่าใจจริงตั้งใจจะหย่าขาดกับเขาในอนาคตก็ตาม
"เช่นนั้นรีบเข้าไปด้านในกันเถิดเจ้าค่ะ คารวะท่านพี่เขยนะเจ้าคะ ข้าชื่อไป๋ฮวาเจ้าค่ะ"
"ส่วนข้าไป๋อี้ซวนขอรับ" ทั้งสองทำความเคารพแก่ผู้อาวุโส
"ไม่ต้องมากพิธีไปหรอก"
เหอซีหยางส่งยิ้มบาง ๆ ให้กับน้องของภรรยา ก่อนจะพากันเดินเข้าไปยังห้องโถงของเรือนหลัก เพื่อพูดคุยกันให้หายคิดถึง
แม้ประมุขตระกูลจะไม่อยู่ที่นี่ แต่สำหรับไป๋อวี้ขอเพียงมีไป๋ฮวากับไป๋อี้ซวนก็ดีมากแล้ว เพราะคนที่นางเป็นห่วงและคิดถึงจากใจจริงก็คือทั้งสองนั่นเอง ส่วนท่านพ่อก็เป็นแค่ผู้ที่ให้กำเนิดออกมาเท่านั้น ความผูกพันนั้นเทียบกันไม่ได้เลย..