บทที่ 6 นายหญิงคนใหม่
บทที่ 6
นายหญิงคนใหม่
อากาศที่เริ่มร้อนขึ้นในช่วงคิมหันต์ฤดูนั้น ทำให้ไป๋อวี้ที่รู้สึกร้อนอบอ้าวลืมตาตื่นขึ้นมา หญิงสาวกวาดสายตามองทั่วห้องหอที่เละเทะด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผู้เป็นสามีที่ควรจะนอนอยู่ข้าง ๆ กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ดูท่าเขาคงจะออกไปนานแล้ว
'อื้อ... เจ็บชะมัดเลย'
ไป๋อวี้ร้องครางในใจ เมื่อเริ่มขยับตัวก็รู้สึกถึงความเจ็บแปลบตรงกึ่งกลางกายสาว เมื่อคืนนี้นางกับเขาหักโหมกันเกินไป ทำราวกับอดอยากปากแห้งมานานจึงได้ดุดันเร่าร้อนกันถึงเพียงนี้ กว่าทุกอย่างจะสงบลงท้องฟ้าด้านนอกก็ได้เปลี่ยนสีไปเสียแล้ว
"ฮูหยินน้อย บ่าวขอเข้าไปนะเจ้าคะ"
เพราะเสียงการเคลื่อนไหวด้านใน ทำให้บ่าวหน้าห้องทราบว่าไป๋อวี้ได้ตื่นแล้ว พวกนางมีหน้าที่มาคอยปรนนิบัตินายหญิงคนใหม่อย่างสุดความสามารถ
"เข้ามาได้"
ไป๋อวี้เอาผ้าห่มมาพันกายที่เปลือยเปล่าของตน สาวใช้กว่าสี่คนที่เดินเข้ามาพลางอุทานด้วยความตกใจ พวกนางอายุยังน้อยเมื่อเห็นความพินาศของห้องหอ และร่องรอยฝากรักที่โผล่พ้นชายผ้าห่มของไป๋อวี้ อดจะรู้สึกเขินอายออกมาไม่ได้ นายน้อยของพวกเขาแม้จะตาบอดแต่ก็ดุดันเร่าร้อนยิ่งนัก
น่านับถือ น่านับถือ!
"เอ่อ... ฮูหยินน้อยจะอาบน้ำเลยหรือไม่เจ้าคะ"
'ผู่เยว่' สาวใช้ที่ติดตามมาตั้งแต่บ้านเดิมเอ่ยถามผู้เป็นนาย นางอายุน้อยกว่าไป๋อวี้แค่สองปี ทว่ากลับรู้ใจผู้เป็นนายยิ่งนัก แม้นายหญิงจะมีอุปนิสัยที่เอาแต่ใจและเลือดร้อน แต่ถ้าเป็นคนของนางกลับใจดีราวกับพระโพธิสัตว์เลยเชียว
"ก็ดีเหมือนกัน ข้าขอน้ำอุ่นนะ"
"เจ้าค่ะ"
สาวใช้อีกสองคนไปเตรียมการเรื่องน้ำอุ่น ส่วนอีกสองช่วยกันทำความสะอาดห้องหอที่เละเทะราวกับผ่านสมรภูมิมาอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะบนที่นอนที่มีแต่คราบน้ำสีขาวขุ่น และคราบเลือดอันเป็นหลักฐานว่าไป๋อวี้ได้สูญเสียพรหมจรรย์ของตนเองไปแล้ว
เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จสิ้นแล้ว ไป๋อวี้ก็ได้สั่งให้ผู่เยว่พานางไปยังเรือนหลัก แล้วให้ไปตามบ่าวรับใช้ทุกคนมาพบนางกันอย่างพร้อมเพรียงด้วย หากผู้ใดไม่มาจะถือว่าต่อต้านนายหญิงคนใหม่ของจวน
ลานหน้าเรือนหลัก
ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่าน บ่าวรับใช้เกือบหนึ่งร้อยชีวิตก็ได้มายืนรอนายหญิงคนใหม่ของจวนด้วยความกระสับกระส่าย ผู้ใดไม่รู้กิตติศัพท์ของไป๋อวี้บ้าง ทั้งโหดร้ายเอาแต่ใจ แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว หากเลือกได้พวกนางอยากได้นายหญิงที่อ่อนหวานเรียบร้อยดั่งเช่นคุณหนูโจวมากกว่า
เรือนร่างสะโอดสะองในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีแดงขลิบเงิน เยื้องย่างมาด้านหน้าของพวกนางทุกคน หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามอ่อนหวานที่เทียบเท่ากับคนในใจของพวกเขา นางได้เดินมานั่งยังเก้าอี้ไม้เนื้อหอมที่ฝังไข่มุกอย่างหรูหราอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาแล้ว
"คารวะฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ"
ทุกคนยอบกายลงคารวะด้วยความเคารพ สายตาของทุกคนต่างก้มมองต่ำไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับนายหญิงคนใหม่
ในจวนตระกูลเหอแห่งนี้นั้น คนที่มีอำนาจใหญ่ที่สุดคือเหอหมิงเจ๋อ ผู้เป็นประมุขของตระกูล คนถัดมาคือเหอซีหยางผู้เป็นนายน้อย เนื่องจากเหอหมิงเจ๋อรักภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วมาก เขาจึงเลี้ยงดูบุตรชายเพียงคนเดียว มีแค่แม่นมที่คอยช่วยดูแลเท่านั้น มิมีสตรีอื่นอีกเลย นั่นจึงทำให้ตระกูลเหอขาดความมีชีวิตชีวาไปเพราะไม่มีเจ้านายที่เป็นสตรี เรื่องละเอียดอ่อนก็ถูกปล่อยปละละเลยไป
"ทุกคนลุกขึ้นได้ พ่อบ้านเหออยู่หรือไม่"
"บ่าวอยู่นี่ขอรับฮูหยินน้อย"
'เหอเปา' ท่านพ่อบ้านที่อายุกว่าห้าสิบปีก้าวขึ้นมาด้านหน้า ตามจริงเขามีชื่อแค่ว่าอาเปาแต่เพราะอยู่ด้วยกันมานาน และรับใช้ด้วยความภักดี เหอหมิงเจ๋อจึงอนุญาตให้เขาใช้แซ่เหอได้
"พ่อบ้านเหอช่วยชี้แจงรายละเอียดงานในจวนของแต่ละคนให้ข้าฟังที ส่วนผู่เยว่ก็จดบันทึกตามที่ท่านพ่อบ้านพูดมาด้วย เมื่อเอ่ยนามใครให้คนนั้นก้าวออกมาแนะนำตัว ข้าต้องการรู้จักบ่าวรับใช้ทุกคนในจวน"
"ขอรับ"
คำสั่งของไป๋อวี้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน เพียงแต่ในตอนที่แนะนำตัวพวกเขาอดจะรู้สึกเกร็งและประหม่าไม่ได้
"รั่วซี หัวหน้าสาวใช้มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในจวน อู่หลิว หัวหน้าพ่อครัว เจ๋อหมิง หัวหน้ารักษาความปลอดภัยมีหน้าที่ตรวจตราจวนทั้งในยามกลางคืนและกลางวัน..."
เหอเปาเอ่ยชี้แจงหัวหน้าแต่ละฝ่ายก่อน แล้วจึงแนะนำสาวใช้ที่อยู่ในแต่ละฝ่ายให้ไป๋อวี้ได้ทราบ ทุกครั้งที่มีการขานชื่อจะมีคนก้าวออกมา ไป๋อวี้จดจำใบหน้าและหน้าที่ของพวกนางเอาไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ กว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นเวลาก็ล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วยาม
"บ่าวรับใช้ทั้งหมดมี 98 คนขอรับ รวมข้าน้อยกับผู่เยว่ก็เป็น 100 คนขอรับ"
"อืม... นับว่าน้อยกว่าจวนอื่นมากนัก แล้วพวกเจ้าทำงานกันเหนื่อยเกินไปหรือไม่"
"เอ่อ เรื่องนั้น..."
เหอเปานิ่งเงียบไปครู่ เมื่อเทียบกับขนาดจวนก็นับว่าบ่าวรับใช้น้อยเกินไปจริง ๆ แต่เพราะตระกูลเหอนั้นเป็นกลาง ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายจึงไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวล อีกทั้งงานทุกอย่างในจวนก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก พวกเขาแค่ต้องขยันเพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง
"ข้าเล็งเห็นแล้วว่าคนงานไม่พอ เมื่อเทียบกับภาระงานที่พวกเจ้าได้รับ ทำให้บางแห่งในจวนถูกละเลย อย่างเช่นสวนด้านหลังนั้นค่อนข้างจะรกร้างไปสักนิด เรือนรับรองที่ไม่ได้เปิดใช้มานานก็ดูทรุดโทรม และมือที่หยาบกร้านจนน่าสงสารของพวกเจ้า ก็ทำให้ข้าอดจะเห็นใจไม่ได้ ฉะนั้นวันพรุ่งข้าจะไปหาซื้อบ่าวรับใช้มาเพิ่ม หรือถ้าพวกเจ้ามีคนที่พอไว้ใจได้อยากให้มาทำงานในจวนก็ส่งรายชื่อมาให้ผู่เยว่ แล้วข้าจะตัดสินใจอีกครั้งหลังจากได้พบหน้าแล้ว"
"ฮูหยินน้อย..."
บ่าวรับใช้ร้องครางออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ ไม่คิดเลยว่าฮูหยินน้อยจะคิดเผื่อพวกเขาด้วย ตลอดเวลาที่อยู่ในจวนเหอก็สงบสุขดี แม้จะต้องทำงานหนักไปซะหน่อย อันเนื่องมาจากนายท่านกับนายน้อยไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้นัก ตอนที่ท่านพ่อบ้านเหอเปาเสนอให้รับคนเพิ่ม นายท่านก็บอกปัดและคิดว่าจวนแค่นี้ เจ้านายมีแค่สองคนจะมีบ่าวรับใช้ให้มากมายไปทำไม
อะไรก็ล้วนดีไปหมด ยกเว้นความขี้เหนียวของนายท่านที่ค่อนข้างจะตระหนี่เกินไปนักในเรื่องแรงงานคน
"ข้าฝากท่านพ่อบ้านเหอด้วยนะ" ไป๋อวี้คลี่ยิ้มหวานแล้วพยักหน้าให้ผู่เยว่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง "แจกเงินถุงแดงให้บ่าวทุกคน ส่วนนี่เป็นของพ่อบ้านเหอเนื่องในวันแรกที่พบหน้ากัน ข้าหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำงานและซื่อสัตย์ต่อตระกูลเหอของเรา ข้าเป็นคนที่ใจดีต่อคนที่รู้คุณ ทว่าหากข้ารู้ว่าผู้ใดเป็นหนอนบ่อนไส้ นำความในออกไปสู่ความนอก ข้าบอกได้เลยว่าบทลงโทษของพวกเจ้าจะไม่ใช่แค่การโบย แล้วขับไล่ออกจากตระกูลเหออย่างแน่นอน!"
น้ำเสียงอันเด็ดขาดบาดลึกเข้าไปในใจของพวกเขาจนหนาวสั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกคำพูดของฮูหยินน้อยที่เอ่ยออกมานั้นเป็นจริงทุกประการ
"พวกบ่าวจะรับใช้ฮูหยินน้อย และตระกูลเหอด้วยความภักดีขอรับ/เจ้าค่ะ"
"ดี!!" ไป๋อวี้พยักหน้ารับด้วยความพอใจ
อีกด้านหนึ่งก็มีเงาของเหอซีหยางและจื่อลู่แอบฟังอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่ไม่ไกลนัก ชายหนุ่มรู้สึกประหลาดใจกับความใจดีและความละเอียดรอบคอบของไป๋อวี้ นางน่ะหรือจะมีความคิดเช่นนี้ด้วย ประหลาดนัก!
เหอซีหยางมองไปทางภรรยาที่เขาไม่ได้ต้องการ!!