จางจือเสวียน 2
"ข้ากำลังจะไปดูอาการอยู่เดี๋ยวนี้"
สรรพนามที่ใช้แทนตัวนั้นทำให้พรานหนุ่มเอะใจอยู่มาก แต่ก็ยังไม่กล้าซักไซ้อะไรลึกไปกว่านี้ เขาเดินตามหลังมาที่โรงหมอในเมือง ท่านหมออาวุโสเห็นหน้าหม่าเยี่ยนถิงก็ปรี่เข้ามาหา ทักทายด้วยประโยคที่ทำให้พรานหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น
"แม่นางมาแล้วรึ สามีเจ้าน่ะอาละวาดทั้งคืน"
"อาละวาดหรือเจ้าคะ?" หม่าเยี่ยนถิงเอ่ยถามอย่างสงสัยจนลืมประโยคแรกที่ถูกเข้าใจผิด และยังไม่มีโอกาสแก้ต่างตั้งแต่เมื่อวาน
"ใช่น่ะสิ คนแก่อย่างข้ารับมือไม่ไหวหรอกนะ เขาไข้ขึ้นสูงมากคงจะเพ้อ แต่ก็แรงเยอะมากด้วยเหมือนกัน แบบนั้นคงไม่ตายง่าย ๆ หรอก ตื่นเช้ามาวันนี้ก็สงบเสงี่ยมขึ้นแล้ว กลับบ้านได้แล้วล่ะ" ระหว่างที่พูดอยู่นั้นก็นำทางเยี่ยนถิงมาจนถึงเตียงคนป่วย
เขาเงยหน้ามองนางแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง คล้ายว่ามีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้นกับใจหรือไม่ก็ความคิด
"ข้าจัดยาให้แล้ว ถึงจะไม่เป็นไรแล้วแต่ก็ยังต้องบำรุงเพิ่มนะ เจ้าก็ดูแลสามีให้ดี ช่วงนี้คงยังเดินเหินไม่สะดวก" ว่าแล้วก็ยัดถุงเทียบยาใส่มือนางโดยไม่ถามสักคำ
จางจือเสวียน…นั่นคือชื่อที่เขานึกออก เป็นอย่างเดียวที่เขาได้รับหลังลืมตาตื่นขึ้นมาที่นี่ ภายในร่างที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลจนไม่น่ารอดตายนี้ มีดวงไฟแห่งชีวิตดวงหนึ่งกะพริบถี่ ๆ ก่อนลุกโชติช่วงขึ้นมา
หลังจากที่สติแตกไปเมื่อคืนวาน ซ่านหยาง หรือจางจือเสวียนในตอนนี้ก็สงบสติลงได้ แม้ไม่แน่ใจว่าชีวิตหลังจากนี้จะถูกกำหนดไปในทิศทางไหน แต่ซ่านหยางก็ไม่มีทางเลือกมากนักเพราะเขาจำอะไรที่เกี่ยวกับเจ้าของร่างไม่ได้ชัดเจนเลยนอกจากชื่อ และความคุ้นเคยถึงสตรีที่พึ่งได้พบหน้ากันนี้
จากที่หมอคนนั้นพูดเขาคงเป็นสามีของนาง และมีลูกน่ารัก ๆ ด้วยกันสองคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกันมาก
"ลุกไหวหรือไม่"
เป็นหม่าเยี่ยนถิงที่ถามขึ้นก่อน นางยังไม่ทันแก้ตัวว่าเขาไม่ใช่สามี ท่านหมอก็เดินลิ่วไปไกลแล้วจึงปล่อยวาง นางเก็บห่อยาเข้าถุงย่าม คงต้องไปส่งเขาก่อนจึงจะขึ้นเขาได้ การพาคนป่วยไปปีนเขาด้วยไม่ว่ากรณีไหนก็ไม่ควรทำนอกจากหนีตายเท่านั้นล่ะ
บุรุษผู้นั้นมองนางอยู่แทบทุกอิริยาบถแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา กระทั่งผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ชุดเดิมของเขาทั้งเปื้อนเลือดและขาดจึงได้ท่านหมอสักคนช่วยปะให้ระหว่างที่เขาหลับ
หม่าเยี่ยนถิงประคองคนเจ็บเดินมาถึงหน้าโรงหมอ โดยมีเจ้าแฝดทั้งสองเดินตามหลังนางมาไม่ห่าง จากนั้นจึงได้เห็นว่าซวี่คุนพรานหนุ่มคนนั้นยังยืนรอนางอยู่ นางประหลาดใจจนต้องขมวดคิ้ว เพราะนางกับเขาไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากมายถึงขั้นต้องมายืนรอ
"เจ้ามีเรื่องอันใดยังไม่ได้กล่าวหรือ?"
"เปล่า ข้าได้ยินว่าเจ้าพาคนเจ็บมา จึงอยากรู้ว่าเป็นใครเท่านั้น ใบหน้านี้ไม่คุ้น คงเป็นคนต่างเมืองสินะ"
ซวี่คุนเอ่ยตอบก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้เขาได้ยินท่านหมอบอกว่าบุรุษผู้นี้เป็นสามีนาง แต่เขาไม่เชื่อนักเพราะหากเป็นสามีนางจริงๆ ทำไมปล่อยให้ภรรยาที่งดงามและแสนดีเลี้ยงลูกเพียงลำพังเช่นนี้
"เป็นเช่นนั้น" หม่าเยี่ยนถิงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา ทว่าคนที่เอ่ยถามยังไม่รู้ตัวว่านางไม่พอใจ
"เจ้าคงกลับลำบาก ให้ข้าช่วยประคองเขาดีกว่า"
"ข้าเดินไหว ไม่รบกวนท่านหรอก" ซ่านหยางในร่างจางจื่อเสวียนยกมือปรามปฏิเสธ เขาแค่หัวแตก และมีรอยฟกช้ำตามตัวบ้าง แต่ไม่ได้กระดูกหัก เดินกลับเองไหวอยู่แล้ว เมื่อถูกหักหน้าตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มซวี่คุนก็หน้าเสียและขอตัวกลับ
หม่าเยี่ยนถิงเหลือบมองคนข้างกายที่นิ่งเงียบจนนางนึกภาพเขาอาละวาดอย่างที่ท่านหมอบอกไม่ออกจริง ๆ
กำหนดการขึ้นเขาเก็บของป่าต้องเลื่อนออกไปอย่างช่วยไม่ได้ หม่าเยี่ยนถิงสัมผัสได้ถึงสายตาสองคู่ที่จ้องมองมาอย่างใคร่รู้ กระทั่งมาถึงหน้าบ้านพวกตัวเล็กเก็บความสงสัยไว้ไม่มิดอีกต่อไป
"ท่านพ่อหรือเจ้าคะ"
คนโดนกล่าวถึงที่ตามมาหน้าเหวอ ส่วนผู้เป็นแม่ก็อ้ำอึ้ง เพราะนางไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วจะใช่เขาหรือไม่ แต่ความรู้สึกคุ้นเคยตั้งแต่คราแรกพอจะบอกได้ว่าพวกเขาคงเคยรู้จักกันมาก่อนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
"ท่านพ่อหรือขอรับ!" จื่อเหวินพูดดังกว่าน้องไปเสียได้
"คือ…"
"เป็นพ่อจริง ๆ หรือขอรับ ๆ ท่านแม่ ตอนนั้นลุงหมอบอกว่าเป็นสามีท่าน ก็หมายความว่าเป็นพ่อของพวกข้าใช่หรือไม่ขอรับ"
"ไม่ คือ…" ท่าทีของผู้เป็นมารดาทำให้เขาใจฝ่อ เอ่ยเสียงตัดพ้อต่อมาว่า
"ข้าอยากมีพ่อ เราไม่มีพ่อหรือขอรับ ยามข้ากับน้องไปเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ พวกเขาอวดอ้างบิดาให้ฟังทุกครั้ง"
"เป่าเปา เจ้าอย่าร้องไห้" หม่าเยี่ยนถิงเอ่ยเสียงอ่อนลง นางนั่งลงให้ตัวเสมอกับบุตรชาย พอเห็นพี่ชายฝาแฝดร้องไห้ หนี่เหวินก็หน้าเบะตาม การพูดคุยของสามแม่ลูกอยู่ในสายตาจางจื่อเสวียนตลอดเวลา เขายังไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะกลัวจะผิดสังเกต จากที่ฟังเขาคงเป็นสามีของนาง แต่ท่าทีของนางกลับไม่เหมือนคนที่เป็นคู่ชีวิตกัน แต่สตรีผู้นั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนั้น
"ข้าโดนล้อด้วย"
"ใครล้อ" หม่าเยี่ยนถิงถามเสียงแข็งทันที เรื่องนี้นางจะไม่ปล่อยผ่านแน่
"หลานของเถ้าแก่เหลาอาหารขอรับ" นางถอนหายใจเฮือก โอบลูกทั้งสองมากอดไว้