บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 แม่ดอกบัวขาว

ตอนที่ 10

“เจ้านำความใดมาเป่าหูท่านแม่อีก”

หย่งฝูไม่ได้ตรงกลับเรือนตามฮูหยินไป แต่มายืนดักรอหญิงสาวที่มารดาของเขาโปรดปรานมาก เพราะคิดว่าเรื่องไม่ชอบมาพากลนี้ อาจจะมีต้นเหตุมาจากนางก็ได้

“ท่านพี่พูดเรื่องอะไรเจ้าคะ น้องไม่เข้าใจ”

เฉียนกุ้ยหลินสะดุ้งเล็กน้อย ยามได้ยินเสียงเข้มเอ่ยทัก แต่รีบปรับเปลี่ยนท่าที ทำเป็นไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด

“อย่ามาตีหน้าซื่อ ข้าไม่ใช่ท่านแม่ ที่จะเชื่อทุกคำพูดของเจ้า”

หย่งฝูย่างสามขุมเข้าใกล้หญิงสาวตรงหน้า หากวันนี้ไม่พูดจาให้ชัดเจน อีกฝ่ายก็จะยังเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตอีก

“ท่านพี่เหตุใดถึงใจร้ายกับน้องนัก น้องสู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตรงไหน”

แต่ละคำที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมา เปรียบเสมือนมีดที่กรีดแทงดวงใจของกุ้ยหลิน นางไม่เข้าใจ ที่ผ่านมานางทำไม่ดีกับเขาตรงไหน พยายามเข้าหา พยายามดูแลทุก ๆ อย่าง แต่ทำไมเขาถึงไม่รับรู้หัวใจของนางบ้าง

“เจ้าสู้นางไม่ได้ทุกอย่าง แต่ที่สำคัญเลย คือข้าไม่ได้รักเจ้า” หย่งฝูเน้นทุกถ้อยคำให้ชัดเจน อยากให้หญิงสาวเข้าใจในจุดนี้เสียที

“แม้ว่านางจะมีข่าวลือเสียหายนะหรือ สตรีที่ดีแบบไหนกัน ชอบออกเที่ยวเตร่ดื่มสุรายามค่ำคืน กิริยามารยาทก็ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยแม้แต่น้อย”

ทั้งถ้อยคำและน้ำตาพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกดทับหน้าอกจนแทบหายใจไม่ออก

“ข้าชอบในสิ่งที่นางเป็น แต่สำหรับเจ้าข้าเคยย้ำเตือนตั้งหลายครั้งแล้ว ว่าข้าไม่ได้รักเจ้าแบบชู้สาวเลย แล้วจะไม่มีวันรักด้วย อย่าเข้ามาวุ่นวายในครอบครัวข้ามากเกินไป ข้าไม่อยากเกลียดเจ้าไปมากกว่านี้”

กล่าวในสิ่งที่อยากจะพูดจนหมด หย่งฝูก็หมุนตัวกลับ ไม่ได้หันมาสนใจ ว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้ฟูมฟายมากเพียงใด

สองมือเล็กกำเข้าหากันแน่น นัยน์ตาชุ่มไปด้วยน้ำใสมองตามร่างสูงไป...เกลียดอย่างนั้นหรือ...ได้...ต่อให้ถูกเกลียดชัง นางก็จะไม่ปล่อยให้เขาครองรักกับสตรีอื่นได้อย่างสงบสุขหรอก...

เฉียนกุ้ยหลินทำอย่างที่ตั้งใจเอาไว้จริง ๆ เช้าวันต่อมา หญิงสาวก็มาที่จวนสกุลโจว ตามคำเชิญของจางฮูหยิน โดยมีหีบใส่เสื้อผ้าและสาวใช้ส่วนตัวติดตามมาด้วย

จางฮูหยินแจ้งให้ทุกคนในจวนได้รับรู้เอาไว้ว่า ต่อไปเฉียนกุ้ยหลิน จะย้ายเข้ามาอยู่ในจวนด้วย เพราะนางเหงาอยากมีบุตรสาวคอยดูแล

นอกจากเรื่องของหญิงสาวคนนอกได้เข้ามาอยู่ในเรือนแล้ว ท่าทีของจางฮูหยินที่มีต่อลูกสะใภ้ก็หันมาอารีอารอบมากขึ้น อาจจะเป็นเพราะถูกสามีขอร้องให้สงวนท่าทีเกลียดชังเอาไว้ในใจบ้าง จวนสกุลโจวจะได้สงบสุข

“วันนี้แม่ครัวจูเกิดอาการบาดเจ็บ แม่อยากให้ลูกทั้งสองเข้าครัวแสดงฝีมือแทนนางหน่อย”

จางฮูหยินออกคำสั่งแก่สตรีสองนางที่อยู่ต่อหน้า ต่างกันตรงที่หนึ่งคนได้รับสายตาอันเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู แต่อีกหนึ่งยังคงมีแต่ความเกลียดชังให้

ทำให้เหม่ยอิงรู้ว่า มารดาของสามียังคงไม่ชอบพอนางเช่นเดิม เพียงแต่ปรับเปลี่ยนท่าทีที่แสดงออกเท่านั้น

“เจ้าค่ะ ท่านป้าข้าจะทำให้สุดฝีมือเลย” ยามอยู่ต่อหน้าหย่งฝู กุ้ยหลินไม่กล้าเรียกจางฮูหยินว่าท่านแม่เหมือนแต่ก่อนอีก

ทำอาหารหรือ...เหม่ยอิงนิ่งค้างไป ตั้งแต่เกิดมา นางยังไม่เคยเฉียดไปใกล้โรงครัวเลยสักครั้ง หากเป็นพี่หญิงรองก็ว่าไปอย่าง รายนั้นเก่งงานบ้านงานเรือนไปเสียทุกอย่าง

“การปรุงอาหารก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของสตรี ที่จะใช้มัดใจสามี คงไม่มีหญิงใดบนโลกที่จะทำอาหารไม่เป็นหรอกกระมัง ว่าหรือเปล่าอิงเอ๋อร์”

แม้คำเรียกชื่อจะเหมือนรักและเอ็นดู แต่เหม่ยอิงจับน้ำเสียงเย้ยหยันจากคำพูดของแม่สามีได้ จึงจำเป็นต้องยิ้มกว้างเอ่ยตอบหญิงวัยกลางคนไป

“เจ้าค่ะ”

จางฮูหยินก็ฉีกยิ้มตอบ หันไปสบตากับบุตรีของสหาย คราวนี้แหละสามีและบุตรชายของนาง จะได้ตาสว่าง ว่าหญิงสาวคนใดเหมาะที่จะขึ้นมาเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนกันแน่ จะได้ไม่พากันเข้าข้างลูกสะใภ้อีก

“คุณหนูใส่เกลือมากไปแล้วเจ้าคะ”

จางไห่รีบดึงมือเรียวงามออกให้ห่างจากเตา ทุกขั้นตอนการทำอาหาร นางต้องคอยบอกคอยสอน แต่ว่าไม่สามารถลงมือปรุงรสได้ ตามคำสั่งของจางฮูหยิน

“ทำไมการทำอาหารมันยากขนาดนี้”

เหม่ยอิงตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยเศษผักคราบน้ำมัน ใบหน้างามก็เปื้อนแต่เขม่าดำ บริเวณโดยรอบก็สกปรกไปหมด

ต่างกับสาวงามอีกหนึ่งนาง ที่ลงมือปรุงอาหารต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว ตามเนื้อตัวก็ยังคงเรียบร้อยเช่นเดิม

“จะทานได้หรือเปล่า”

เฉียนกุ้ยหลินเบ้ปาก มองอาหารหน้าตาแปลก ๆ มองอย่างไรก็ไม่ชวนให้น่ารับประทานเลยแม้แต่น้อย

“ถึงหน้าตาจะไม่สวยเหมือนของเจ้า แต่รสชาติอาจจะอร่อยกว่าก็ได้”

เหม่ยอิงเชิดหน้าตอบ แม้จะเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่ายก็ตาม

เมื่ออาหารทุกจานถูกยกไปจัดวางบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว เหม่ยอิงรีบแยกตัวไปอาบน้ำ แล้วรีบกลับมานั่งรวมโต๊ะอาหารกับทุกคน

“จานพวกนี้ เรียกว่าอาหารของคนหรือ” จางฮูหยินจับจานที่ลูกสะใภ้ทำดูทีละจาน คิ้วดกดำขมวดมุ่นเข้าหากัน

“ลงมือทานกันเถอะ” ใต้เท้าโจวรีบเอ่ยขึ้นมา กลัวว่าจะเกิดสงครามริมฝีปากอีก เขาเอื้อมมือไปตักจานที่หน้าตาน่าทานก่อนเป็นอันดับแรก “อืม...รสชาติดี” กุ้ยหลินยิ้มหวานรับคำชมนั้น

จากนั้นใต้เท้าโจวก็ตักผัดผักที่เป็นฝีมือของลูกสะใภ้ขึ้นมาตักใส่ปาก นิ่งไปพักหนึ่ง จึงเคี้ยวแล้วกลืนลงคอ “รสชาติพอใช้ได้”

“พอใช้ได้หรือเจ้าคะ” จางฮูหยินไม่เห็นด้วยกับสามี ลองตักผัดผัก อาหารที่ทำง่ายที่สุดขึ้นมาชิม เพียงแค่ปลายลิ้นสัมผัสเท่านั้นแหละ หญิงวัยกลางคนรีบเรียกหากระโถนออกมารองรับอาหารที่คายออกมาแทบไม่ทัน “ผัดผักทำไมมันเค็มขนาดนี้ เกลือคงหมดจวนแล้วกระมัง อิงเอ๋อร์ แม่ไม่นึกว่าลูกจะทำอาหารง่าย ๆ ไม่เป็นแบบนี้ แม่ขอโทษนะลูก ที่ทำให้ลูกต้องลำบากเข้าครัว”

เหม่ยอิงหน้าเสีย แม้จะเจ็บใจกับคำเยาะหยันนั้น แต่ก็จำต้องข่มความรู้สึกเอาไว้ เพราะฝีมือการทำครัวของนางก็แย่จริง ๆ นั่นแหละ

“ยกอาหารพวกนี้ออกไปทิ้ง ทานของหลินเอ๋อร์แทน” จางฮูหยินหันไปสั่งสาวใช้

“ไม่ต้อง ลูกทานเอง” หย่งฝูไม่ได้พูดเปล่า แต่ลงมือตักอาหารที่หน้าตาไม่น่ารับประทานขึ้นมา จนจะเข้าปากอยู่แล้ว แต่ถูกมือเล็กเอื้อมมือมาจับเอาไว้เสียก่อน

“อย่าทานเลย มันไม่อร่อย และเค็มมากด้วย” เหม่ยอิงยอมรับในความพ่ายแพ้ของตน

แต่หย่งฝูสะบัดมือของฮูหยินออก แล้วตักอาหารเข้าปาก สีหน้าเรียบเฉย คำหนึ่งผ่านไป แล้วก็ตามมาด้วยคำที่สองสามสี่ ท่ามกลางสายตาสามคู่ ที่จับจ้องมอง แล้วพากันคิดในใจว่า แม่ทัพหนุ่มทานเข้าไปได้อย่างไร

จนกระทั่งอาหารที่เหม่ยอิงทำหมดเกลี้ยง ชายหนุ่มจึงเอ่ยขอตัวเดินทางเข้าวังหลวง

เหม่ยอิงมองจานอาหารที่ว่างเปล่า รู้สึกดีขึ้นมาก อย่างน้อย สามีในนามก็ไม่ปล่อยให้ใครรังแกนางง่าย ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel