บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ราชทูตแคว้นเหลียง

หยางหลิวอวี้

5 เดือนต่อมา

"ฮองเฮาเพคะเกิดเรื่องกับคุณหนูสิบเอ็ดเพคะ"

"เรื่องอะไร"

"ฮองเฮาไปก่อนเพคะ"

"นำทางเรา"

"ฝ่าบาทเสด็จ!!!!"

"ฮองเฮาเสด็จ!!!!"

"ถวายพระพรฝ่าบาท เพคะ/พะยะค่ะ"

"ถวายพระพรฮองเฮา เพคะ/พะยะค่ะ"

"ลุกขึ้นเถิดมีเรื่องอะไรถึงขอเข้าเฝ้าเรา"

"เรื่องนี้ต้องให้ทั้งฝ่าบาทและของเฮาเป็นผู้ตัดสินสตรีนางนี้ด่าทอพระชายาของกระหม่อมอยู่กลางตลาดทำให้เป็นที่อับอายและทำร้ายองครักษ์ของกระหม่อมด้วย"

"เรื่องราวเป็นเช่นนี้ทั้งหมดหรือ"

"พะยะค่ะ"

"เจ้าเลยหน้าขึ้นมาสิเป็นผู้ใดถึงมีเรื่องกับท่านอ๋องได้"

"หม่อมฉันหยางจื่อบุตรสาวของนายท่านหยางเพคะ"

"เรารู้จักเจ้าดี"

"เช่นนั้นพระองค์ก็รู้ว่าหม่อมฉันเป็นคนเช่นไร แต่เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เป็นแค่คำพูด ของฉันออกเพียงอย่างเดียวนั่นคือส่วนหลังที่ท่านอ๋องได้รับรู้แต่ส่วนแรกก็คือหม่อมฉันและสหาย ได้มาเที่ยวกันที่ตลาดแต่เป็นพระราชชายาที่เดินทางมามุ่งร้ายด่าทอสหายของข้าด้วยความที่เขาเป็นคนไม่ช่างพูดช่างเถียงข้าจึงพูดจาด่าทอแทน"

"แต่ว่าพระชายาของท่านอ๋องด่าว่ากระหม่อมเป็นนางคณิกาชั้นต่ำอยู่ที่ โรงน้ำชาแสงจันทร์เป็นคนจำพวกเดียวกันเพคะ จากนั้นหม่อมฉันก็เลยด่าทอคืนไปพระชายาเองก็ให้องครักษ์ของจวนอ๋องมารุมทำร้ายหม่อมฉันแต่เพราะหม่อมฉันฝึกวรยุทธเพียงนิดหน่อยก็สามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมดได้ส่วนท่านอ๋องมาเห็นในช่วงส่วนหลังก็เป็นเรื่องปกติที่ท่านอ๋องจะคิดเช่นนั้นหม่อมฉันจึงอยากให้ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินใจ และตัดสินโทษในครั้งนี้ด้วยเพคะ"

"เหตุใดพระชายาของท่านอ๋องจึงไปด่าทอดูถูกเหยียดหยามคุณหนูหยางเช่นนั้นล่ะ"

"พระชายาไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามหม่อมฉันเพียงผู้เดียวนะเพคะแต่ยังลามไปถึงต้นตระกูลของหม่อมฉันด้วยฮือออ..."

"หม่อมฉัน..."

"ท่านอ๋องก็ทำร้ายสหายของท่านพี่ใหญ่เช่นกันเพคะตอนนั้นเพราะความรักจูเหลียงที่เป็นสหายของท่านพี่ใหญ่ที่หลงรักท่านอ๋องสามมานานท่านอ๋องสามอยากได้ตัวของจูเหลียงมากถึงขนาดจะพังโรงน้ำชาของท่านพี่ใหญ่เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจูเหลียงจึงยอมแหกกฏที่ว่าห้ามขายเรือนร่างให้กับใครนอกจากสามี"

"แต่อยู่ด้วยกันได้ไม่นานพอพระชายาแต่งเจ้ามาก็ทำร้ายจิตใจจูเหลียงใส่ร้ายสารพัดจนถึงขนาดไม่ฟังเหตุผลโดนทำร้ายจนเกือบตายดีที่หม่านเหยาน้องร่วมสาบานไปเยี่ยมเยือนจึงถูกโยนทิ้งส่งคืนแก่โรงน้ำชาแต่ว่าตอนนั้นจูเหลียงตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้วแต่เพราะโดนทำร้ายอันไร้ซึ่งหลักฐานจึงทำให้สูญเสียบุตรไปเช่นนี้แล้วใครกันแน่ที่เป็นคนผิดฮือออออ!!"

"เจ้ามันบ้าไปแล้วบุรุษที่ใดท้องได้มีแต่คนประหลาดที่ทำเช่นนั้นได้เจ้าพูดอะไรน่ารังเกียจสิ้นดี"

"บังอาจ!!!!"

"ฮองเฮาโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ/พะยะค่ะ"

"เจ้ากล้าดีอย่างไรมาพูดจาเช่นนี้รู้หรือไม่ ว่าบุรุษตั้งครรภ์ได้มีมาอย่างช้านาน เป็นสตรีไม่ได้ใฝ่หาความรู้อย่างนั้นหรือ เจ้าไปอยู่ในหลุมใดจนไม่รู้ว่ามีบุรุษที่สามารถตั้งครรภ์ได้!"

"ก็หม่อมฉันไม่เคยได้ยินน่ะสิเพคะ"

"งั้นเจ้าก็จงดูเอาไว้ บิดาข้าเป็นบุรุษ มารดาของข้าทั้ง 10 คนก็เป็นบุรุษแต่สามารถให้กำเนิดข้าผู้เป็นฮองเฮาและกำเนิด คุณหนูคุณชายที่เป็นสายเลือดของตระกูลหยาง ถึง 15 คน โรงน้ำชาแสงจันทร์ที่ท่านอ๋องได้ไปเที่ยวนั้นก็เป็นของพี่ใหญ่ของข้าเอง บ่อนการพนันที่เหล่าเชื้อพระวงศ์เข้าไปเล่นก็เป็นบ่อนการพนันของน้องสาวข้าเอง สำนักฝึกตนที่เหล่าเชื้อพระวงศ์และคุณหนูคุณชายทั้งหลายไปเข้าเรียนเข้าฝึกในสำนัก"

"สำนักของพระมารดาข้าที่เป็นบุรุษในแคว้นแห่งนี้ ที่อยู่รอดมาได้ก็เพราะบุคคลเหล่านี้ที่พวกเจ้าเรียกขานว่าตัวประหลาดเป็นปีศาจ ความผิดของเจ้าคือการดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น"

"ถ้าน้องสาวของข้าทำให้เจ้าต้องอับอายขายขี้หน้า ข้าก็จะสั่งโบยน้องสาวของข้าเช่นกัน ไม่มีข้อยกเว้นแต่การที่เจ้าดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นถ้าจะสั่งลงโทษเจ้าเช่นเดียวกัน ส่วนท่านอ๋องก็ให้ฝ่าบาทเป็นคนตัดสินก็แล้วกัน หม่อมฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของพระองค์เด็ดขาด แต่หม่อมฉันต้องได้ความเป็นธรรมกับคืนมาไม่เช่นนั้นหม่อมฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำความดีเพื่อแคว้นและราชวงศ์ ของพระองค์ต่อไปอย่างไรดี"

"สืบหาความจริง เรื่องภายในจวนของท่านอ๋อง พระชายาและจูเหลียง ไม่ทราบความจริง สวนประชายาพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยาม ญาติพี่ น้องบิดาและมารดาของของเฮายอมถูกโบย ตามกฎของราชวงศ์ ส่วนคุณหนูหยาง เพื่อปกป้องสหายของตนเราย่อมไม่เอาผิดเจ้า เจ้าสบายใจได้ นำพระชายาไปลงโทษและสืบเรื่องราวทั้งหมดภายในจวนของอ๋อง 3 ภายในวันนี้!"

"ไม่มีอะไรแล้ว รอคอยให้ละครงิ้วเรื่องนี้จบลงเถิด"

"ขอบคุณคุณหนูมากที่ช่วยเหลือมาโดยตลอดข้าซึ้งใจอย่างยิ่งที่คุณหนูเห็นข้าเป็นสหาย"

"เจ้าร้องไห้หน้าตาดูไม่ได้เลยรู้หรือไม่"

"หยางจื่อตามข้ามาที่ตำหนักเจ้าเองก็ด้วยจูเหลียง"

"เพคะฮองเฮา/พะยะค่ะ"

"เจ้านี้มันสร้างปัญหาได้เก่งเสียจริงไม่ว่าจะอยู่ในจวนหรืออยู่ที่นี่สร้างปัญหาให้แก่ข้าเสียมากมาย มันน่าตีนักเจ้ารู้ตัวหรือไม่!"

"แหมท่านพี่ใครบ้างจะอยากทำเช่นนี้ถ้านางไม่ทำข้าก่อนมีหรือที่ข้าจะรังแกนางได้เช่นนี้"

"เก่งนักเชียว ถ้าเกิดว่าเป็นคนที่มีวรยุทธสูงส่งมาทำร้ายเจ้าเจ้าจะทำอย่างไร"

"พี่สาวอย่าตกใจไปเลยถ้าแค่ร้องให้คนช่วย องครักษ์ของท่านพ่อก็จะรีบไปบอกท่านพ่อทันทีให้มาจัดการคนพวกนี้แต่ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่เจ้าคะ"

"ดีหน่อยที่คนในคดีนี้เป็นท่านอ๋อง 3 ที่โง่เง่าที่สุด ไม่เช่นนั้นเราคงโดนงัดออกทั้งตระกูลที่หลังอย่ามีเรื่องกับเชื้อพระวงศ์มาใกล้ถึงเพียงนี้ได้หรือไม่ถือว่าพี่ขอ"

"เจ้าค่ะข้าจะจำเอาไว้"

"ข้าเจ้าจำเอาไว้ ข้ากลัวเหลือเกินว่าสักวันหนึ่งเราจะสร้างปัญหานี้ขึ้นมาอีก แล้วตกลงอย่างไรกำหนดวันแต่งได้หรือยัง"

"พี่สาวท่านเปลี่ยนเรื่องเร็วเสียจริงข้าตามท่านไม่ทันแล้ว"

"อย่าพูดมากจะแต่งตอนไหนกำหนดหรือยัง"

"ยังหรอกเจ้าค่ะ ข้ายังไม่คิดที่จะแต่งงานในช่วงนี้เพราะเพิ่งคลอดบุตรด้วย จึงอยากเลี้ยงดูบุตรให้เติบโตสักนิดแล้วค่อยแต่งงาน แต่ว่าเจ้าเด็กคนนั้นก็คะยั้นคะยออยากแต่งกับข้าเร็วๆทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากแต่งกับข้า เด็กช่างเอาใจยากเสียจริงเจ้าค่ะ"

"เจ้ายังมีโอกาสได้แต่งงานกับคนที่เจ้ารักดูข้าสิต้องอยู่ในวังวนของความทุกข์เช่นนี้"

"เป็นเพราะข้าที่ทำให้ท่านต้องเป็นเช่นนี้"

"ไม่มีใครบังคับข้าทั้งนั้นแต่ก่อนข้าเคยเจอกับเขาและเคยสัญญากันไว้ แต่เขาคงลืมข้าไปแล้ว"

"ฮ่องเต้จะจำท่านพี่ได้อย่างไรก็ท่านพี่เล่นใช้ผ้าปิดหน้าเห็นแต่ตาเช่นนี้ใครจะสามารถจำท่านพี่ได้กัน"

"ช่างเถอะ เจ้าก็รอกันที่นี่แล้วกันถ้าจะให้ นางกำนัลไปเตรียมอาหารมาให้พวกเจ้ารอฟังข่าวกันก็แล้วกัน"

"ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ท่านพี่ช่างใจดีและงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ"

"ประจบเอาใจเก่งเสียจริงเจ้าเด็กคนนี้"

"หึๆ"

...

วันว่างๆของการเป็นฮองเฮา แม้ว่าจะพูดว่าเป็นวันว่างๆ แต่ก็หาใช่ว่าตัวข้าจะว่างดังเช่นคำพูดไม่ ต้องมานั่งเตรียมของตบรางวัลให้แก่นางสนมที่มีความดีความชอบที่ฝ่าบาททรงโปรดปราน มันใช่หน้าที่ของฮองเฮาที่เป็นภรรยาหลวงหรือไม่อันนี้ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นักที่ต้องมาทำอะไรเพื่อคนอื่นเช่นนี้ แต่งงานมาร่วมสามเดือนนอกจากฝ่าบาทจะไม่สนใจใยดีอะไรแล้วยังต้องมานั่งทำงานให้ฝ่าบาทอีกปกครองวังหลังไม่ง่ายเลย

"ฮองเฮาเพคะ พระสนมหลิงกุ้ยเฟยกับหวงกุ้ยเฟยมาขอเข้าเฝ้าเพคะ"

"ดีเลยให้นางเข้ามา"

"เพคะ"

"ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันมาหาแล้วนะเพคะ"

"เจ้าสองคนมาก็ดีมาช่วยเราเรื่องนี้หน่อย"

"นี้มันงานเลี้ยงต้อนรับราชทูตแคว้นเหลียงมิใช่หรือเพคะ"

"ใช่ พอดีแคว้นเหลียงมีเรื่องกับตระกูลหยางทำให้นายท่านหยางยกเลิกทำการค้าที่นั้นทำให้เศรษฐกิจที่นั้นเกิดปัญหาเลยส่งทูตมาขอเจรจากับทางแคว้นเรา"

"อย่างนี้งานที่เกี่ยวกับแคว้นเหลียงฮองเฮาก็ต้องมานั่งทำเช่นนี้หรือเพคะ"

"ใช่น่ะสิเราเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องจัดงานต้อนรับอย่างไรปกติก็เก็บตัวอยู่ที่จวนไม่ค่อยออกงานเท่าไหร่นัก"

"งั้นหม่อมฉันสองคนช่วยเองเพคะ"

"จริงหรือขอบใจพวกเจ้ามากนะ"

"ไม่เป็นไรเพคะ หม่อมฉันเต็มใจที่จะช่วยเหลือพระนางเพคะ"

เราสามคนก็ช่วยเหลือกันในการคิดและออกแบบการจัดงานเลี้ยงต้อนรับราชทูตของแคว้นเหลียงจนมืดค่ำ ไม่คิดเลยว่าการทำยังไงดีต้อนรับคนคนนึงมันยากแค้นถึงเพียงนี้ เหนื่อยจนใจจะขาดอยู่แล้วแต่ก็ต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ ทั้งๆที่ใช้ คนอื่นทำก็ได้แต่ข้ากลายเป็นคนทำเสียเองจนเกือบหมดทุกอย่าง

ในเดือนต่อมาราชทูตของแคว้นเหลียง ก็มาถึงพร้อมทั้ง ตัวแทนของฝ่าบาทแคว้นเหลียงก็คือองค์หญิงแปดแห่งแคว้นเหลียงท่านอ๋องห้าที่เป็นคนนำมาที่นี้

"ไม่เจอกันนานเลยฝ่าบาทเป็นเช่นไรบ้าง"

"เจิ้นสบายดีอ๋องห้าเหล่าเป็นเช่นไรบ้างไม่พบกันเสียนาน"

"สบายดี พะยะค่ะ ช่วงนี้ก็ดูแลความเป็นอยู่ของแคว้นช่วยเสด็จพ่อและเสด็จพี่คนอื่นๆ"

"เช่นนั้นหรือเข้ามาก่อนงานเลี้ยงต้อนรับจัดรอท่านอ๋องและราชทูตคนอื่นๆด้วย"

"พะยะค่ะ"

ทุกคนทั้งนางสนมขุนนางและคนสำคัญของแคว้นฉินและราชทูตของแคว้นเหลียงก็เข้ามาในท้องพระโรงที่จัดงานเลี้ยงเอาไว้ โดยที่ตระกูลหยางทุกคนต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงที่นี่ด้วย ยังดีที่ว่าได้เจอกับครอบครัวนานๆครั้งถึงจะได้เจอกัน ก็ถือโอกาสใช้งานนี้ในการพบปะญาติพี่น้องกันไปเลย

"งานเลี้ยงงดงามเสียจริงพะยะค่ะฝ่าบาท"

"งานเลี้ยงครั้งนี้คงต้องมอบความดีความชอบให้แก่หลิงกุ้ยเฟยกับหวงกุ้ยเฟยที่ช่วยจัดงานในครั้งนี้"

ข้าหยุดชะงักไปในทันที่กับคำพูดของฝ่าบาทข้าทำงานเยอะกว่าพวกนางเหตุใดถึงยกความดีให้นางหมดอย่างน้อยก็เอ่ยนามข้าบ้างก็ได้

"เอ่อฝ่าบาทเพคะ คืองานนี้เป็นฮองเฮาที่เป็นคนคิดทุกอย่างเราสองคนแค่ช่วยเหลือเพียงนิดหน่อยต้องยกความชอบนี้ให้กับฮองเฮาถึงจะถูกเพคะ"

เป็นหลิงกุ้ยเฟยที่เอ่ยปากขึ้นมาทำให้ฝ่าบาทหันมามองที่ข้าทันที่ไม่มองมายังข้าเลยสักนิดทั้งๆที่ข้านั่งอยู่เคียงข้างเช่นนี้ข้าเป็ยอากาศหรืออย่างไรถึงมองข้ามข้าตลอดเช่นนี้

"เจิ้นก็ไม่เห็นฮองเฮาทำอะไรนี้นะ"

"ฝ่าบาทพะยะค่ะ"

เป็นเป้ยกงกงที่กล่าวตักเตือนถ้าไม่ติดว่าเป็นถึงฮองเต้และพระสวามีข้าจะซัดฝ่าบมือสักครั้งให้กระอั่กเลือดนอนป่วยติดเตียงสักสองเดือนไปดลยยั่วโมโหข้านัก

"แล้วแต่ฝ่าบาทจะตัดสินเถอะเพคะหม่อมฉันไม่ว่าอะไร"

ข้าเอ่ยขึ้นมาโดยที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าสตรีในห้องหอจะกล้าต่อว่าสวามีต่อหน้าทุกตนแล้วจะทำไมในวังมีกฎก็จริงแต่นั้นจะใช้ได้เฉพาะฮองเต้ให้เกียรติฮองเฮาต่างหากอย่าล้ำเส้นข้ามากเพราะถึงแม้ข้ารักข้าก็ทำลายความรักนั้นได้เช่นเดียวกัน

"เริ่มงานเลี้ยงได้"

เป้ยกงกงประกาศออกไปทุกคนก็เริ่มลงมือทานอาหารที่จัดเตรียมมาให้ทันที

"ฝ่าบาทอภิเษกสมรสกับฮองเฮามาเกือบปีแล้วพวกกระหม่อมยังไม่เคยเห็นพระพักตร์ของหยางฮองเฮาเลยสักครั้ง ฮองเฮาปลดผ้าคลุมหน้าออกได้หรือไม่"

"ตั้งแต่ที่หม่อมฉันศึกษามาความเป็นวัฒนธรรมประเพณีของแคว้นฉินหากสตรีที่ยังไม่ได้ร่วมหอกับสวามี จะไม่มีสิทธิ์ถอดผ้าคลุมหน้าให้คนอื่นได้รับรู้ งั้นแสดงว่าที่ฮองเฮาปิดบังใบหน้าของตนเองเพราะว่ายังไม่ได้..."

"องค์หญิงแปดเจ้าพูดอะไร"

ท่านอ๋องห้าเอ่ยปากขัดน้องสาวตนเอง ข้าปลายตาไปมองสตรีตรงหน้า ด้วยความเฉยชาตั้งใจหักหน้าข้าเช่นนี้ คงจะเป็นมิตรสหายกันไม่ได้เสียแล้ว นางจะรู้หรือไม่ครึ่งนึงของคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้เป็นคนของตระกูลหยางบรรดาพ่อแม่พี่น้องของข้าก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน หากไม่เก็บคำพูดของตนเองคิดเสียว่าจะอยู่ที่นี่ได้ไม่นานและอาจจะกลับไปโดยไม่ครบ 32 ก็เป็นได้

"ก็มันเรื่องจริงหม่อมฉันอ่านประวัติของที่นี่แล้วมันเป็นคำพูดที่หม่อมฉันรับรู้มาโดยตลอด เป็นเรื่องจริงหรือไม่เพคะ"

"เหตุใดองค์หญิงถึงอยากรู้มากถึงเพียงนั้น หรือว่าที่มาในครั้งนี้องค์หญิงจะต้องอภิเษกเชื่อมความสัมพันธ์ของที่นี่ถึงได้อยากรู้ประเพณีของที่นี่"

"ใช่เพคะหม่อมฉันกำลังจะอภิเษกเข้ามาที่นี่"

"เราเป็นถึงฮองเฮามีสิทธิ์จะเปิดหน้าให้ใครดูหรือไม่เปิดหน้าให้ใครดูก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเรา และเจ้าเป็นราชทูตที่ถูกส่งมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ไม่มีสิทธิ์ใดๆในการออกคำสั่งหรือขอร้องให้เราทำตามใจของเจ้า หากเรียนรู้กฎ ของที่นี่ก็น่าจะรู้ว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด"

"หม่อมฉันก็แค่อยากเห็นใบหน้าของพระองค์ แค่เปิดใบหน้ายากเย็นเพียงนั้นเลยหรือเพคะ"

"หากเราไม่เปิดไปหน้าให้เจ้าได้เห็น จะมีใครทำอะไรเราหรือไม่"

"หม่อมฉันก็เข้าใจนะเพคะว่าพระองค์ก็คงจะอายเพราะว่าไม่ได้ร่วมหอกับฝ่าบาท ถึงได้ไม่สามารถเปิดเผยใบหน้าของตนเองได้เช่นนี้"

คำพูดเยาะเย้ยเสียดสีของสตรีตรงหน้าดูไม่เหมือนคนที่ดูถูกอบรมสั่งสอนมาจากราชวงศ์ของตนเองเลยแม้แต่น้อยจะบอกว่านางเป็นเด็กก็หาใช่ไม่ นางก็อายุไล่เลี่ยกันกับข้าแต่ว่าความคิดความอ่านโดยค่ายิ่งนัก

"นี่เป็นคำพูดของสตรีที่ถูกอบรมอยู่ในวังมาตั้งแต่เด็กอย่างนั้นหรือเป็นถึงองค์หญิง แต่ไม่ให้ความเคารพฮองเฮา เช่นนี้ไม่สมควรที่จะถูกส่งมาเป็นราชทูตในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel