ชายาหมอเทวดา
อาหลิงมองดูบาดแผลบนร่างกายของนายหญิงด้วยความปวดร้าว น้ำตาไหลอาบแก้ม บ่าวรับใช้ผู้นี้อยู่รับใช้ไป๋หลันมาตั้งแต่เด็ก เห็นทั้งความอ่อนโยนและความอดทนของนางมาโดยตลอด แต่ไม่เคยคาดคิดว่าเบื้องหลังรอยยิ้มนั้น ไป๋หลันจะต้องแบกรับความทุกข์ทรมานไว้มากมายเพียงใด
"พระชายา..." อาหลิงสะอื้นไห้ "บ่าวจะไปส่งข่าวให้ท่านเสนาบดีเดี๋ยวนี้เพคะ"
เหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลันจับมืออาหลิงไว้ "ไม่ต้องหรอกอาหลิง" นางพูดเสียงแผ่ว "ท่านพ่อคงไม่มาหรอก"
อาหลิงมองไป๋หลันด้วยความประหลาดใจ "ทำไมพระชายาถึงตรัสเช่นนั้นเพคะ? ท่านเสนาบดีรักพระชายามากนะเพคะ"
ไป๋หลันส่ายหน้า "อาหลิง เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นเพียงบุตรสาวคนเล็กที่ท่านพ่อลืมเลือนไปแล้ว" นางถอนหายใจ "ท่านพ่อไม่เคยสนใจใยดีข้าเลย นับตั้งแต่แม่ของข้าสิ้นใจ ท่านก็แต่งภรรยาใหม่และมีลูกใหม่ ข้าเป็นเพียงส่วนเกินในครอบครัวเท่านั้น"
"ใช่แล้ว" ไป๋หลันพยักหน้า "ถ้าไม่มีฮองเฮา ข้าคงถูกเฟยหยางและพวกนางรังแกจนตายไปนานแล้ว"
อาหลิงก้มหน้าลงด้วยความเศร้าสร้อย นางรู้สึกสงสารไป๋หลันจับใจ นางลืมไปได้อย่างไรว่านายหญิงของนางต้องทนอยู่กับชีวิตที่โดดเดี่ยวและอ้างว้างเช่นนี้
มู่หรงเยว่รู้สึกผิดและเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อได้เห็นสภาพของไป๋หลัน ร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำจากการถูกทารุณกรรมอย่างโหดร้าย เขาไม่เคยคิดว่าเฟยหยางจะกล้าทำร้ายไป๋หลันได้ถึงเพียงนี้ ความโกรธและความรู้สึกผิดผสมปนเปกันอยู่ในใจของเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยไป๋หลันให้หายดี
มู่หรงเยว่สั่งให้คนไปตามหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงมาดูอาการของไป๋หลัน เขาหวังว่าหมอเทวดาจะสามารถรักษาไป๋หลันให้หายเป็นปกติได้
เมื่อหมอเทวดามาถึงและตรวจอาการของไป๋หลัน เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาของเขาจ้องมองไป๋หลันอย่างลึกล้ำ ราวกับกำลังมองทะลุผ่านร่างกายของนางไปยังจิตวิญญาณภายใน
"ท่านหมอ อาการของพระชายาเป็นอย่างไรบ้าง" มู่หรงเยว่ถามด้วยความร้อนใจ
หมอเทวดาส่ายหน้าเล็กน้อย "อาการของพระชายาไม่ใช่เกิดจากเพียงแค่พิษหรือบาดแผลภายนอก แต่เป็นเพราะจิตวิญญาณของนางอ่อนแอลงอย่างมาก"
มู่หรงเยว่มองหมอเทวดาด้วยความสับสน "จิตวิญญาณอ่อนแอ?"
"ถูกต้อง" หมอเทวดาพยักหน้า "ดูเหมือนว่าพระชายาจะประสบกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จนจิตวิญญาณของนางเกือบจะแตกสลาย"
มู่หรงเยว่รู้สึกเจ็บปวดในอก เขาไม่เคยคิดว่าไป๋หลันจะต้องทนทุกข์ทรมานมากมายเพียงใด เขาโทษตัวเองที่ไม่เคยใส่ใจนาง ไม่เคยรับรู้ถึงความเจ็บปวดของนาง มู่หรงเยว่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอยู่ดูแลนางจนกว่าจะหายดีเป็นปกติ
แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาอีกครั้ง
"ท่านอ๋อง" หลี่ซิน องครักษ์คนสนิทของเขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "มีราชโองการด่วนจากฮ่องเต้ให้ท่านอ๋องเข้าเฝ้าโดยทันทีพ่ะย่ะค่ะ"
มู่หรงเยว่ขมวดคิ้ว เขาไม่อยากจากไป๋หลันไปในตอนนี้ แต่ราชโองการจากฮ่องเต้ก็ไม่อาจละเลยได้ เขาต้องทำหน้าที่ของตนในฐานะชินอ๋อง
"ข้าจะไปเตรียมตัว" มู่หรงเยว่ถอนหายใจ จากนั้นจึงเดินออกจากห้องของไป๋หลันอย่างรวดเร็ว
หมอเทวดามองไป๋หลันด้วยสายตาที่อ่อนโยน "พระชายา" เขาพูดกับเหม่ยหลิงในร่างของไป๋หลัน "ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่ไป๋หลัน แต่เป็นจิตวิญญาณอื่นที่มาเข้าร่างของนาง"
เหม่ยหลิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นางไม่คิดว่าหมอเทวดาจะรู้ความลับของนาง
"เจ้าไม่ต้องกลัว" หมอเทวดายิ้มให้เหม่ยหลิง "ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร"
เหม่ยหลิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
"แต่เจ้าต้องยอมรับชะตากรรมของเจ้าให้ได้" หมอเทวดาพูดต่อ "เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ไปจนวันตายของเจ้า ไม่มีโอกาสที่จะกลับยังโลกเดิมของเจ้าอีกแล้ว"
เหม่ยหลิงในร่างนี้พยักหน้าอย่างเศร้าสร้อย นางรู้ว่านางไม่มีทางเลือกอื่น
"แต่ข้าจะช่วยเจ้า" หมอเทวดาพูด "ข้าจะสอนวิธีที่จะทำให้เจ้ามีชีวิตรอดในโลกใบนี้"
หมอเทวดาอธิบายให้เหม่ยหลิงฟังว่านางต้องใช้ความสามารถและประสบการณ์ที่นางมีจากโลกเดิมมาปรับใช้ในโลกนี้ นางต้องใช้ทักษะการแสดงที่สั่งสมมาเพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของนาง และนางต้องใช้ฝีมือการทำอาหารเพื่อสร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้าง
"อาหารเป็นยา" หมอเทวดากล่าว "เจ้าสามารถใช้อาหารเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บและเสริมสร้างสุขภาพให้กับผู้คนได้"
หญิงสาวได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นางชอบทำอาหาร และนางก็มีความสามารถในการทำอาหารที่ยอดเยี่ยม และคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนางที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกใบนี้
หมอเทวดายื่นขวดยาเล็กๆ ให้เหม่ยหลิง "นี่คือยาวิเศษแก้พิษ เพียงแค่สูดดมเข้าไป ก็จะแก้พิษทุกชนิดได้"
เหม่ยหลิงรับขวดยามาด้วยความขอบคุณ
"และนี่คือตำราอาหารเป็นยาที่ข้าเขียนขึ้นเอง" หมอเทวดายื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้เหม่ยหลิง "มันจะช่วยเจ้าได้มากในวันหน้า"
เหม่ยหลิงรับหนังสือมาด้วยความตื่นเต้น นางเปิดหนังสือดูและพบว่ามันเต็มไปด้วยสูตรอาหารที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์
"ขอบพระคุณท่านหมอมากเพคะ" เหม่ยหลิงกล่าวอย่างจริงใจ "ท่านช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้"
"ไม่เป็นไร" หมอเทวดายิ้ม "ข้าเห็นแววตาของเจ้าแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี เจ้าจะทำสิ่งที่ดีให้กับโลกใบนี้ได้อย่างแน่นอน"
เหม่ยหลิงคุกเข่าลงและคารวะหมอเทวดา "หม่อมฉันขอคารวะท่านหมอ และขอเป็นลูกศิษย์ของท่าน"
หมอเทวดายิ้มและพยักหน้า "ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์"
เหม่ยหลิงรู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นางมีครูบาอาจารย์ที่ดี และนางก็มีโอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และจะไม่ทำให้หมอเทวดาผู้นี้ผิดหวัง
หลังจากที่หมอเทวดาจากไป ทิ้งไว้เพียงตำราอาหารเป็นยาและคำแนะนำอันทรงคุณค่า ไป๋หลันก็เริ่มต้นศึกษาตำราเล่มนั้นอย่างมุ่งมั่น นางพลิกอ่านแต่ละหน้าด้วยความสนใจ ตัวอักษรโบราณที่แรกเริ่มดูยากลำบาก ค่อยๆ กลายเป็นความรู้ที่ซึมซับเข้าสู่ความเข้าใจของหญิงสาว
แต่ละสูตรอาหารไม่ใช่เพียงแค่การปรุงรสชาติ แต่เป็นการผสมผสานวัตถุดิบต่างๆ เพื่อสร้างสรรค์เป็นยารักษาโรค ด้วยความรู้และประสบการณ์การทำอาหารจากโลกเดิม ไป๋หลันเริ่มทดลองทำอาหารตามสูตรในตำราอย่างพิถีพิถัน นางเลือกสรรวัตถุดิบอย่างใส่ใจ คำนวณสัดส่วนอย่างแม่นยำ และปรุงแต่งด้วยเทคนิคที่ละเอียดอ่อน
ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก อาหารที่นางทำไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อยล้ำ แต่ยังมีสรรพคุณทางยาที่แท้จริง
ข่าวลือเรื่องพระชายาเอกไป๋หลันผู้มีฝีมือในการปรุงอาหารเป็นยาแพร่สะพัดไปทั่วจวนอ๋อง ชาวบ้านที่ยากไร้และเจ็บป่วยต่างพากันมาขอความช่วยเหลือจากนาง ไป๋หลันไม่เคยปฏิเสธใคร นางต้อนรับทุกคนด้วยรอยยิ้มอบอุ่นและเต็มใจช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ
วันหนึ่ง หญิงชราคนหนึ่งชื่อว่าป้าหลี่ มาหาไป๋หลันด้วยสีหน้ากังวล ป้าหลี่มีอาการไอเรื้อรังมานานหลายเดือนแล้ว ลองรักษากับหมอหลายคนก็ไม่หายขาด
"พระชายา" ป้าหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "หม่อมฉันได้ยินมาว่าพระองค์สามารถรักษาโรคด้วยอาหารได้ หม่อมฉันจึงมาขอความช่วยเหลือจากพระองค์"
ไป๋หลันพยักหน้ารับ "ป้าหลี่ เชิญนั่งก่อนเถิด เล่าอาการให้ข้าฟังหน่อย"
ป้าหลี่เล่าว่านางมีอาการไอแห้งๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ทำให้นอนไม่หลับและร่างกายอ่อนเพลีย นางยังมีอาการเจ็บคอและหายใจไม่สะดวกอีกด้วย
ไป๋หลันฟังอาการของป้าหลี่อย่างตั้งใจ จากนั้นนางก็พิจารณาตำราอาหารเป็นยาของหมอเทวดาอย่างละเอียด ในที่สุด นางก็พบสูตรอาหารที่เหมาะสมสำหรับป้าหลี่
"ป้าหลี่" ไป๋หลันกล่าว "อาการของท่านเกิดจากปอดและหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ข้าจะทำอาหารบำรุงปอดและขับเสมหะให้ท่าน"
ไป๋หลันเข้าครัวและเริ่มลงมือทำอาหารด้วยความชำนาญ นางใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น รากบัวแห้ง เก๋ากี้ พุทราจีน และลูกแพร์ นำมาตุ๋นรวมกันจนได้น้ำน้ำแกงที่มีกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อม
เมื่ออาหารเสร็จ ไป๋หลันก็ยกมาให้ป้าหลี่ด้วยตัวเอง
"ป้าหลี่ ลองชิมดูนะเจ้าคะ" ไป๋หลันกล่าว
ป้าหลี่รับชามน้ำแกงมาและค่อยๆ จิบ นางรู้สึกประหลาดใจกับรสชาติที่อร่อยและกลมกล่อมของน้ำแกง
"อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ พระชายา" ป้าหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ไป๋หลันยิ้มตอบ "ป้าหลี่ ทานให้หมดนะเจ้าคะ แล้วอาการไอของท่านจะดีขึ้น"
ป้าหลี่ทานน้ำแกงจนหมดชาม นางรู้สึกอุ่นวาบทั่วร่างกายและรู้สึกว่าอาการไอดีขึ้นเล็กน้อย
"ขอบพระทัยพระชายามากเพคะ" ป้าหลี่กล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ
ไป๋หลันบอกให้ป้าหลี่กลับมาทานน้ำแกงนี้อีกทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ นางยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการรับประทานอาหารที่เหมาะสมแก่ป้าหลี่อีกด้วย
หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ป้าหลี่กลับมาหาไป๋หลันอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อาการไอของนางหายเป็นปลิดทิ้ง นางรู้สึกแข็งแรงและมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
"พระชายา หม่อมฉันหายแล้วเจ้าค่ะ!" ป้าหลี่กล่าวด้วยความดีใจ "ขอบพระทัยพระชายาเป็นอย่างสูงเพคะ"
ไป๋หลันยิ้มอย่างอบอุ่น "ป้าหลี่ ข้าดีใจที่ท่านหายดีแล้ว ขอให้ท่านรักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะเจ้าคะ"