ยาพิษรัก
เมื่อมู่หรงเยว่กลับถึงเมืองหลวง เขารีบมุ่งหน้าเข้าวังทันทีด้วยความร้อนใจ เมื่อทราบข่าวว่าเฟยหยางถูกคุมขังในคุกหลวงในข้อหาทำร้ายร่างกายและวางยาพิษไป๋หลันผู้เป็นพระชายาเอก
แม้เฟยหยางจะทำผิดมหันต์ แต่ความรักและความผูกพันที่เขามีต่อนางทำให้เขาไม่สามารถทนเห็นนางต้องโทษทัณฑ์ได้ เขาจึงตัดสินใจใช้อำนาจและตำแหน่งที่มีของตนเพื่อช่วยเหลือชายารักของเขา
แม้เฟยหยางจะเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาของเสนาบดีกรมคลัง และได้เข้ามาเป็นชายารองของเขาโดยบังเอิญ หลังจากที่เขาเผลอมีความสัมพันธ์กับนางในระหว่างที่ออกปฏิบัติราชการนอกเมือง
แม้จะหลงใหลในเล่ห์มายาของเฟยหยาง แต่มู่หรงเยว่ก็ไม่อาจแต่งตั้งนางเป็นชายาเอกได้ เพราะขัดต่อราชโองการของฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชาย ที่ต้องการให้เขาสมรสกับไป๋หลัน บุตรีของเสนาบดีกรมตรวจการ
ฮ่องเต้ผู้รักฮองเฮายิ่งชีพไม่อาจนิ่งเฉยต่อข่าวการวางยาพิษไป๋หลันผู้เป็นหลานสาวสุดที่รักได้ พระองค์ทรงเรียกตัวมู่หรงเยว่เข้าเฝ้าทันทีเพื่อสอบสวนเรื่องราวทั้งหมดด้วยพระองค์เอง
บรรยากาศในท้องพระโรงตอนนี้ดูตึงเครียดมาก มู่หรงเยว่ยืนอยู่เบื้องหน้าพระที่นั่ง สายพระเนตรของฮ่องเต้จ้องมองเขาอย่างดุดัน บ่งบอกถึงความไม่พอพระทัยอย่างรุนแรง
"ชินอ๋อง" ฮ่องเต้ตรัสเสียงทรงอำนาจ "เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวในเรื่องที่เกิดขึ้น?"
มู่หรงเยว่คุกเข่าลง "หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันละเลยพระชายาเอก ปล่อยให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย"
"ละเลย?" ฮ่องเต้แค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา "เจ้ารู้หรือไม่ว่าไป๋หลันถูกทารุณกรรมมาเป็นเวลานานเพียงใด? ร่างกายของนางเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้าย ทั้งเก่าและใหม่ เจ้าตาบอดหรืออย่างไรถึงไม่เคยสังเกตเห็น!"
มู่หรงเยว่ก้มหน้าลงต่ำ เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบพระเนตรของฮ่องเต้ผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของเขา ด้วยไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าเขาเพิกเฉยต่อความทุกข์ทรมานของไป๋หลันมาตลอดระยะเวลาที่แต่งงานกัน
"และทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเฟยหยาง อนุภรรยาที่เจ้าโปรดปราน" ฮ่องเต้ตรัสต่อ "ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่านางจะร้ายกาจถึงเพียงนี้"
มู่หรงเยว่รู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เขาเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าคนบอบบางอย่างเฟยหยางจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ นางที่เขาเคยเห็นว่าอ่อนหวานและบอบบาง แท้จริงแล้วกลับซ่อนความโหดเหี้ยมไว้ภายใต้หน้ากากนั้น
"หม่อมฉันจะลงโทษพระชายาของกระหม่อมด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ" มู่หรงเยว่กล่าวอย่างสำนึกผิด
"ดี" ฮ่องเต้พยักหน้า "แต่เจ้าก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับไป๋หลันด้วย"
มู่หรงเยว่ยอมรับโดยดุษฎี หลังจากออกจากท้องพระโรง มู่หรงเยว่ก็ตรงไปยังคุกหลวงทันที เขาต้องการพบเฟยหยาง เขาอยากรู้ว่าทำไมนางถึงทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้
เมื่อพบหน้าเฟยหยาง มู่หรงเยว่ก็ตกใจกับสภาพของนาง นางดูซูบผอมและอิดโรย ผิดกับภาพลักษณ์ที่เคยงดงามและอ่อนหวาน
เฟยหยางเห็นมู่หรงเยว่ก็รีบโผเข้ากอดเขา "ท่านอ๋อง หม่อมฉันกลัวเหลือเกิน" นางร้องไห้สะอึกสะอื้น
มู่หรงเยว่มองนางด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งโกรธ ทั้งสงสาร ทั้งผิดหวัง
"ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้เฟยหยาง?" เขาถามเสียงแผ่ว
"หม่อมฉันรักท่านอ๋อง หม่อมฉันทนไม่ได้ที่เห็นไป๋หลันเป็นพระชายาเอกของท่าน" เฟยหยางตอบทั้งน้ำตา
"แต่เจ้าทำผิดมหันต์ เจ้ารู้ไหมว่าไป๋หลันเกือบจะตายเพราะเจ้า" มู่หรงเยว่พูดเสียงเครียด
"หม่อมฉันรู้ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว" เฟยหยางกอดมู่หรงเยว่แน่น "ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันไม่อยากอยู่ในคุกนี้"
มู่หรงเยว่ถอนหายใจ เขาไม่อาจทนเห็นเฟยหยางเป็นเช่นนี้ได้ เขาตัดสินใจที่จะช่วยนาง แม้จะรู้ว่ามันอาจทำให้เขาต้องขัดแย้งกับฮ่องเต้ก็ตาม
"ข้าจะพยายามช่วยเจ้า" มู่หรงเยว่พูด "แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าว่าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก"
เฟยหยางพยักหน้ารัวๆ "หม่อมฉันสัญญาเพคะ"
มู่หรงเยว่ออกจากคุกหลวงด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เขาต้องหาทางช่วยเฟยหยางโดยไม่ทำให้ฮองเฮาพิโรธไปมากกว่านี้ แต่ก่อนอื่น เขาต้องไปพบไป๋หลัน
มู่หรงเยว่ก้าวเท้าเข้าสู่จวนของไป๋หลันเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่นางถูกส่งตัวมาเป็นภรรยาของเขา ความรู้สึกผิดและความหวาดหวั่นเกาะกุมหัวใจเขาแน่น เขาไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับไป๋หลันอย่างไรหลังจากที่ละเลยนางมาตลอดหลายปี
เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ สายตาก็ไปสะดุดกับร่างของไป๋หลันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สักแกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าคือ ไป๋หลันที่เขาเห็นในวันนี้แตกต่างจากภาพจำในอดีตโดยสิ้นเชิง
ไป๋หลันในวันนี้ดูงดงามราวกับเทพธิดา เสื้อคลุมผ้าไหมสีฟ้าอ่อนขับผิวขาวผ่องของนางให้ดูเปล่งปลั่งยิ่งขึ้น ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตเผยให้เห็นลำคอระหง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือแววตาของนาง มันไม่ว่างเปล่าและเศร้าสร้อยดังเช่นเคย แต่กลับเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดและความมั่นใจ
เมื่อสายตาของทั้งสองประสานกัน มู่หรงเยว่รู้สึกเหมือนถูกมีดคมกรีดแทงเข้าไปในอก แววตาของไป๋หลันเย็นชาและทิ่มแทงราวกับมองทะลุเขาไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ แม้จะรู้ดีว่าไป๋หลันไม่เคยมีใจให้เขาเลยนับตั้งแต่แต่งงานด้วยกัน แต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในอกก็ทำให้เขารู้ว่า เขาไม่อาจทนเห็นสายตาแบบนั้นจากนางได้อีกต่อไป
"ไป๋หลัน" เขาเอ่ยชื่อนางแผ่วเบา พยายามระงับความรู้สึกสับสนในใจ
ไป๋หลันเพียงแค่พยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
มู่หรงเยว่สูดหายใจเข้าลึก "ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษเจ้า ข้ารู้ว่าข้าทำผิดต่อเจ้ามากมายนัก ข้าละเลยเจ้า ปล่อยให้เจ้าต้องเจ็บปวด ข้าขอโทษ"
ไป๋หลันยังคงนิ่งเงียบ มู่หรงเยว่รู้สึกเหมือนกำลังพูดกับกำแพง
"และข้ามาที่นี่เพื่อขอร้องเจ้า" เขาพูดต่อ "ข้ารู้ว่าเฟยหยางทำผิดมหันต์ แต่ข้าขอให้เจ้าให้อภัยนาง ข้ายกเลิกการลงโทษนางได้หรือไม่?"
ไป๋หลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน "ท่านอ๋องกำลังขอร้องข้า ให้ยกโทษให้อนุที่ทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ?" นางถามเสียงเรียบ
"ข้ารู้ว่ามันมากเกินไป" มู่หรงเยว่ยอมรับ "แต่ข้ารักนาง ข้าทนไม่ได้ที่จะเห็นนางต้อง..."
"ความรัก?" ไป๋หลันขัดจังหวะ "ท่านอ๋องเคยรู้จักความรักหรือไม่ ท่านเคยรักใครจริงหรือเปล่า?"
คำถามของไป๋หลันทำให้มู่หรงเยว่พูดไม่ออก เขาไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ เขาไม่เคยรักใครจริง นอกจากตัวเอง
"ข้าจะช่วยเฟยหยาง" ไป๋หลันพูดในที่สุด "แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง"
มู่หรงเยว่เงยหน้าขึ้นมองนางอย่างมีความหวัง "อะไร?"
"ท่านอ๋องต้องหย่ากับข้า" ไป๋หลันตอบอย่างตรงไปตรงมา "เพราะคนรักของข้ากำลังจะกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว"
มู่หรงเยว่นิ่งอึ้งไป เขาไม่เคยคิดว่าไป๋หลันจะเอ่ยปากขอหย่า แม้เคยได้ยินข่าวลือว่านางมีคนรักอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คาดคิดว่านางจะบอกเขาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้
"ทำไม?" เขาถามเสียงสั่น
"เพราะเฉินกั๋วกง คนรักของข้ากำลังจะกลับมา" ไป๋หลันตอบอย่างตรงไปตรงมา "และข้าต้องการที่จะอยู่กับเขา ไม่ใช่คนไร้หัวใจเช่นท่านอ๋อง"
มู่หรงเยว่รู้สึกใจหายวาบ เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดี ควรจะดีใจที่ไป๋หลันจะได้มีความสุขกับคนที่นางรัก หรือควรจะเสียใจที่กำลังจะสูญเสียภรรยาไป แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นค่าของนางมาก่อนก็ตาม
"ตกลง" มู่หรงเยว่ตอบอย่างหนักแน่น "ข้าจะหย่ากับเจ้า แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะฝ่าบาทและฮองเฮากำลังจับตามองพวกเราอยู่"
ไป๋หลันพยักหน้ารับ "ขอบพระทัยท่านอ๋อง"