9. เก็บสมุนไพร
ลี่ถิงมองบุรุษรูปงามบนเตียงก็นึกขัน ที่ตัวโตเสียเปล่าแต่ดูเหมือนจะใจมด เรื่องแค่นี้ก็ตีหน้าเศร้าเสียแล้ว
"ท่านอ๋องพึ่งออกไปตรวจงานเมื่อสักครู่เพคะ ส่วนฮ่องเต้ ฮองเฮา และพระสนมมาเมื่อเช้า เรื่องที่รัชทายาทอาการดีขึ้น จำต้องปิดไว้ก่อน ให้ผู้คนคิดว่าพระองค์ยังคงมีอาการทรุดหนักอยู่ มิเช่นนั้นอาจมีคนคิดลอบปลงพระชนม์อีก เรื่องนี้มีแค่ฮ่องเต้และท่านอ๋องที่รู้"
ลี่ถิงร่ายยาวให้ผู้ที่นอนบนเตียงฟัง หากแต่หลงจื่อกับจ้องเพียงใบหน้าหวานที่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำออกมาเท่านั้น เพราะความสดใสและช่างพูดของนางมันทำให้เขาเพลินใจ คนตัวเล็กเอียงคอมองหน้าอีกฝ่ายซึ่งจ้องมามิวางตา ดูเหมือนเขาจะมิต่างจากบุรุษคน อื่นๆ ยามที่เห็นหน้านางกระมัง หลงในรูปลักษณ์แต่พอรู้ชาติกำเนิดก็ถอยหนี
"รัชทายาทคงต้องแกล้งทำเป็นนอนไม่ฟื้นไปจนกว่าจะดีขึ้นกว่านี้นะเพคะ พรุ่งนี้หม่อมฉันยังต้องเดินทางไปเก็บสมุนไพรต่างเมือง อย่างไรพระองค์ก็ต้องทำตามที่หม่อมฉันบอกนะเพคะ เพื่อความปลอดภัย"
"อืม ข้าจะเชื่อฟังเจ้า ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร"
"หม่อมฉันจางลี่ถิงเพคะ" เสียงใสเอ่ยบอก ก่อนจะยิ้มสวยออกมาตามนิสัยยามได้พบคนที่เป็นมิตรต่อตนเอง
"จางลี่ถิง ข้าจะจำไว้" ลี่ถิงยิ้มให้กับคนป่วยที่ดูอ่อนเพลียจนผล็อยหลับไปอีกครั้ง ทั้งที่มือเรียวนั้นยังกำข้อมือนางเอาไว้ สายตาอ่อนโยนของผู้ที่รักษาผู้ป่วยมานักต่อนัก ส่งให้กับคนที่หลับไปแล้วอย่างเอ็นดู
นิ้วเรียวขาวสะอาดค่อยๆ แกะมือของอีกคนออกเบาๆ เมื่อทำสำเร็จก็เดินออกไปสั่งนางกำนัลให้ต้มโจ๊กที่ใส่เพียงเกลือมาหนึ่งถ้วย และไม่นานโจ๊กถ้วยที่สั่งก็ถูกวางลงบนโต๊ะกลมภายในห้อง
"ท่านหมอทานอาหารไม่อิ่มหรือขอรับ เหตุใดจึงให้ต้มโจ๊กมาอีกเช่นนี้" องครักษ์หนุ่มอดมิได้ที่จะเอ่ยถาม ลี่ถิงยิ้มให้กับความสงสัยของเขา ก่อนจะเอ่ยตอบออกไปด้วยน้ำเสียงไพเราะ จนคนฟังถึงกับยิ้มหน้าบาน
"ข้ากินจุเจ้าไม่รู้หรือ" คำพูดหยอกเย้าของลี่ถิง อยู่ในสายตาของอ๋องซือหรานทุกอย่าง แต่อีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีอันใดออกมาอย่างเช่นทุกครั้ง
การเดินเข้ามาภายในห้องโดยไม่สนใจผู้ใดของอ๋องหนุ่ม ทำให้คิ้วงามของลี่ถิงขมวดเข้าหากัน เพราะมันต่างไปจากทุกครา เพราะแต่ก่อนแค่นางหายใจแรง บางทียังผิดเลยสำหรับท่านอ๋องผู้นี้
"หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องจะไปนานกว่านี้เสียอีก"
"หากข้าไปนานกว่านี้ เห็นทีองครักษ์ในตำหนักคงถูกเจ้าจับกินหมดไปแล้วกระมัง" อ๋องซือหรานเอ่ยเสียงเรียบ ลี่ถิงยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย แต่ก็มิคิดจะตอบกลับอีกคนเช่นทุกครา ถ้วยโจ๊กถูกวางลงที่โต๊ะเล็กข้างเตียง
"รัชทายาทฟื้นขึ้นเมื่อชั่วยามก่อน หม่อมฉันอยากให้ทรงทานอะไรบ้าง ท่านอ๋องช่วยปลุกให้ที"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นซือหรานก็ปลุกคนที่นอนอยู่ให้ตื่นขึ้นมา หลงจื่อลืมตาอีกครั้งก็เห็นผู้เป็นอานั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันมาหาคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียง
"ดีจังที่เจ้ายังอยู่ดูแลข้าลี่ถิง" เสียงแหบพร่าดังขึ้น
ซือหรานมองหน้าหลานชายที่เอ่ยทักอีกคนก่อนที่จะเป็นตน จึงทำให้มีสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
"อาเจ้านั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคน แต่เจ้ากลับไม่เอ่ยถาม"
หลงจื่อหันมาหาผู้เป็นอาพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างคนที่ไม่มีเรี่ยวแรง ลี่ถิงเองก็ไม่ต่างกัน นึกขันกับท่าทีขี้น้อยใจของบุรุษหนุ่ม ที่ผู้คนเกรงกลัวผู้นี้มิได้ ไม่คิดว่าตนจะได้มาเห็นกับตาเช่นนี้
"เสด็จอาหลานก็รู้อยู่แล้วว่าถึงอย่างไร เสด็จอาก็ต้องอยู่กับหลานไม่มีทางทิ้งหลานคนนี้ไปได้หรอก"
"เจ้าก็เป็นเช่นนี้รู้วิธีเอาอกเอาใจผู้อื่นเสียจริง"
"รัชทายาททานโจ๊กเสียหน่อยนะเพคะ ท่านอ๋องช่วยขยับรัชทายาทลุกนั่งได้หรือไม่" ลี่ถิงเอ่ยบอก ส่วนอีกคนก็ทำตามอย่างว่าง่าย ทำให้หลงจื่ออดที่จะแปลกใจมิได้ พอรัชทายาทนั่งพิงหัวเตียงเรียบร้อย นางก็ป้อนโจ๊กจนหมด
"ทานเพียงเท่านี้ก่อนนะเพคะ พลบค่ำค่อยทานอีกครา หม่อมฉันจะสั่งคนเตรียมไว้ให้ ส่วนนี่เป็นยาทรงดื่มให้หมดก่อนที่มันจะเย็นนะเพคะ" ลี่ถิงเป่ายาเพียงเล็กน้อยก็ป้อนใส่ปาก คนที่ทำตามทุกอย่างแบบว่าง่าย ซือหรานมองทุกการกระทำของอีกคน พร้อมกับสายตาคมที่จ้องมองราวกลับกลัวใครมาแย่งของรักไป ลี่ถิงรับรู้ถึงสายตานั้น แต่ก็คิดว่าอีกคนคงห่วงหลานชายเสียมากกว่า จึงได้แต่นึกขันในใจตน
"ท่านอ๋องจัดหาคนที่ไว้ใจได้ มาดูแลรัชทายาทใช่ไหมเพคะ หม่อมฉันกังวลว่าอาจจะถูกวางยาอีกครั้ง"
"อืม หมอหลวงจะจัดการเรื่องยา และยังมีบุตรชายที่จะมาคอยดูแลรัชทายาทอีกคน คงไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง คนของข้าจะเฝ้ายามอยู่ที่นี่ผลัดเปลี่ยนกัน"
"เป็นเช่นนั้นก็ดีเพคะ หม่อมฉันเองก็มิแน่ใจว่าจะต้องเดินทางไปกี่วัน เพราะสมุนไพรนี้มิอาจหาพบได้ง่ายนัก"
หลงจื่อนั่งมองทั้งสองหารือกันเกี่ยวกับการรักษาตนเงียบๆ ก่อนที่จะถูกจับให้นอนลงอีกครั้ง และไม่นานก็หลับไป ลี่ถิงอธิบายการใช้ยาและดูแลรัชทายาท รวมถึงการกินยาขับพิษที่ต้องดื่มในทุกเช้า หลังจากที่ปรุงยาเรียบร้อยก็เข้าห้องพักผ่อน
เพราะวันนี้ท่านอ๋องยังคงดูแลนอนอยู่ข้างเตียงหลานชายเช่นเดิม ตนจึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องนอนเฝ้าเช่นทุกคืนแล้ว เพราะอาการดีขึ้นมาก ปล่อยให้เป็นเรื่องของบุรุษดูแลกันเองน่าจะดีกว่า แม้ตนจะเป็นหมอก็เถอะ
รุ่งสางอ๋องซือหรานก็ตื่นขึ้น ไม่ต่างจากลี่ถิงที่กำลังล้างหน้าทำความสะอาดร่างกายเช่นกัน ก่อนจะปลดเปลื้องอาภรณ์ที่สวมใส่ เหลือเพียงกางเกงภายในเท่านั้น เผยให้เห็นเรือนร่างขาวเนียนซึ่งไร้ที่ติ
ซือหรานถือวิสาสะเดินเข้ามาเพราะมิคิดว่าอีกฝ่ายจะยืนหลบมุมเปลื้องอาภรณ์ทั้งที่เป็นสตรี เขามองอยู่นานพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ บุรุษหนุ่มวัยยี่สิบหกปีผู้นี้ใช่ว่าจะไม่เคยพานพบสตรีที่มีร่างกายงดงาม แต่กลับคิดว่าคนตรงหน้านั้นมีรูปร่างที่เย้ายวนต่างจากสตรีทั่วไป แม้จะเห็นเพียงแค่ด้านหลังเท่านั้น
"อ่ะ! ท่านอ๋องมีเหตุใดถึงได้มาที่นี่ ไยมิให้นางกำนัลเข้ามาเรียกหม่อมฉันเพคะ เหตุใดต้องมาเอง"
ลี่ถิงเอ่ยพร้อมกับรีบดึงผ้าคลุมมาห่มตัวก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับคนที่ยังเอาแต่จ้องนางอยู่ ซือหรานยังคงตะลึงงันกับภาพเมื่อครู่จนมิได้สติ
เขามองผิวขาวเนียนน่าสัมผัสของคนตัวเล็กอยู่นาน กว่าจะรู้ตัวบุรุษหนุ่มที่ผู้คนกล่าวขานว่าเย็นชาไร้หัวใจ ก็หยุดอยู่ตรงหน้าอีกฝ่ายเสียแล้ว ลี่ถิงมองหน้าคนตัวโตนิ่งก่อนจะเอ่ยถ้อยคำออกมา
"ท่านอ๋องต้องการสิ่งใดกันแน่เพคะ" แม้จะไม่เคยหวั่นกลัวผู้ใด แต่พออีกคนใช้สายตาโลมเลียมองร่างกาย นางก็อดที่จะเขินอายตามสัณชาตญานของมนุษย์มิได้
"แก้มเจ้าแดงรู้ตัวหรือไม่" เสียงแหบพร่าถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปากหนา ด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้ใบหน้าที่โน้มลงมาอยู่ใกล้เกินไป นัยน์ตาคมจ้องมองยังริมฝีปากอิ่มได้รูปของลี่ถิงมิวางตา เหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดให้ทั้งสองโน้มหน้าเข้าหากันช้าๆ
แต่ยังไม่ทันทีริมฝีปากจะได้แตะกัน เสียงขององครักษ์คนสนิทก็ดังขึ้นจากด้านนอกเสียก่อน ทำให้ทั้งคู่ได้สติผละออกจากกัน ห้าวเฉิงตั้งใจเดินเข้ามาเพื่อรายงานแต่ยังมิทันได้เอ่ยสิ่งใดก็ถูกอ๋องซือหรานเกรี้ยวกราดใส่เสียก่อน
"มิต้องเข้ามาออกไปรอข้าด้านนอก" ซือหรานเอ่ยขึ้นพร้อมกับยืนบังคนด้านหลังเอาไว้ จนห้าวเฉิงต้องรีบถอยออกไปจากห้อง ลี่ถิงรีบหันหนีไในทันทีเช่นกัน อดนึกถึงเรื่องที่เกือบจะเกิดขึ้นกับตนและท่านอ๋องมิได้ ซือหรานเองก็ครุ่นคิดเรื่องนี้มิต่างกัน
"เจ้ารีบแต่งตัวเถอะ ข้าจะออกไปรอนอกตำหนักเสร็จแล้วก็ตามออกไป" ซือหรานเอ่ยจบก็ออกจากห้อง ลี่ถิงจึงรีบแต่งตัวด้วยชุดมัดทะแมงเข้ารูป พร้อมกับมัดผมขึ้นทั้งหมดแล้วปล่อยยาวลงมาโดยไม่เกล้าปักปิ่นเช่นทุกครั้ง
“บ้าจริง ทำไมเราใจเต้นแรงแบบนี้นะ อย่าบอกว่าชอบอีตาอ๋องปากจัดนี่เชียว อย่าเชียวนะใจ อย่าแม้แต่จะคิด” เสียงตำหนิก่นว่าตนเองดังขึ้น ก่อนสะบัดหัวมิให้ตนเองคิดถึงความวาบหวามที่เกือบจะเกิดขึ้นนั่นอีก
หลายสิ่งหลายอย่างที่ย้ำเตือนให้ลี่ถิงสั่งห้ามตนเอง ยามที่อยู่ใกล้บุรุษสูงศักดิ์ โดยเฉพาะผู้ที่มักจะปรามาสนางอยู่ตลอดเวลาเช่นอ๋องซือหรานผู้นี้ นางเดินออกจากห้องพักแล้ว ก็ยังมิลืมจะไปดูอาการของรัชทายาทซึ่งเขายังหลับอยู่ และไม่ลืมที่จะกำชับหมอหลวงให้ทำตามที่บอกอย่าได้ขาด
ลี่ถิงเดินออกมาจากตำหนัก ก็เห็นว่ามีองครักษ์เกือบสิบคน และท่านอ๋องยืนรออยู่ก่อนแล้ว ทำเอาใจดวงน้อยเต้นรัวขึ้นมาอย่างห้ามมิได้ แต่นางก็พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้และทำตัวปกติ แต่อีกฝ่ายนี่สิกลับเดินเข้ามาใกล้ ซ้ำยังฉวยโอกาสจับเอวยกขึ้นม้าอีก พอขึ้นนั่งได้ก็ออกคำสั่งเดินทางทันที เมื่อมาถึงหุบเขาสิบลี้ของเมืองสิบลี้ ก็พลบค่ำพอดีเพราะเมืองนี้อยู่ห่างออกมาเกือบ 100 ลี้ (=50กิโลเมตร) อ๋องซือหรานจึงให้พักค้างแรมที่เชิงเขา เพื่อรอออกหาสมุนไพรในรุ่งสาง
อากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้ต้องรีบหาฟืนมาก่อไฟ อาหารถูกทำขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ก็อร่อยไม่น้อยเมื่อทานในป่าเขาเช่นนี้ ซือหรานเดินตรวจตราโดยรอบจนแน่ใจว่าปลอดภัย จึงกลับมายังจุดที่พัก แต่กลับไร้เงาของคนตัวเล็กที่ควรจะนั่งอยู่
"ลี่ถิงไปที่ใด? เหตุใดพวกเจ้าจึงปล่อยให้คนหายไปเช่นนี้" เขาเอ่ยด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
"เรียนท่านอ๋อง ท่านหมอออกไปกับใต้เท้าหยางพะย่ะค่ะ ท่านหมอบอกว่าสมุนไพรนี้จะเห็นง่ายในตอนกลางคืน จึงต้องรีบขึ้นไปเก็บพะยะค่ะ"
"ชิ! แล้วเหตุใดจึงไม่บอกข้า หากเกิดอะไรขึ้นจะทำเช่นไร พวกเจ้านำทางไปเดี๋ยวนี้" ซือหรานรีบเดินทางขึ้นเขาทันที โดยมีองครักษ์เฝ้าอยู่ด้านล่างสองคน แสงของคบไฟที่สาดส่องไปในผืนป่า พร้อมกับเสียงเรียกชื่อของอีกฝ่ายดังไปทั่วหุบเขา
ยิ่งดึกซือหรานก็ยิ่งกังวล เพราะตามหาอีกคนไม่พบ เหล่าองครักษ์ก็ดูเหมือนจะอ่อนล้าเต็มที เพราะต้องเดินทางมาอย่างเร่งรีบจึงมิได้หยุดพักกันเลย
"ท่านอ๋องให้เหล่าองครักษ์พักเสียหน่อยเถอะพะยะค่ะ อย่างไรเสียหยางเหอก็ต้องดูแลท่านหมอได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว" ห้าวเฉิงเอ่ยบอกออกไปเพราะเห็นท่าทีที่เป็นกังวลของท่านอ๋องที่มีมากกว่าทุกครั้ง แม้จะสงสัยว่าความกังวลนี้เกิดขึ้นเพราะกลัวจะไม่ได้สมุนไพร หรือเป็นห่วงท่านหมอกันแน่ แต่ไหนเลยจะกล้าถามออกไป
"เช่นนั้นพวกเจ้าก็หาที่พักกันเถอะ ข้าจะเดินตรวจดูที่เชิงผานั่นแล้วจะกลับมา"
"เช่นนั้นกระหม่อมไปด้วยพะยะค่ะ" ห้าวเฉิงสั่งองครักษ์ที่เหลือให้พักส่วนเขาก็เดินตามผู้เป็นนายออกไป