8. ต่างออกไป
ซือหรานตกใจกับการกระทำของนางมิน้อย ยิ่งใบหน้างามก้มลงมาใกล้จนลมหายใจเป่ารดกัน ก็ยิ่งทำให้เขาเกร็งไปทั้งตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นิ้วเรียวขาวสัมผัสลงที่ริมฝีปากหนาของอ๋องหนุ่ม พร้อมกับลูบสัมผัสไปมาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ลี่ถิงจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูเขา
“อย่าลืมคำพูดตนเองนะเพคะ เพราะหม่อมฉันจำได้ทุกคำที่พระองค์เคยตรัสมา” สิ้นเสียงหวานนางก็กลับไปนั่งตามเดิม ทิ้งให้คนที่ยังอึ้งกับการกระทำนี้นอนนิ่งอยู่พักใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วหันกลับมามองคนที่หลับตาลงอีกครั้งแล้วในยามนี้
"หึ! คนเช่นข้าหรือที่จะพึงใจเจ้า มีดีก็แค่หน้าตาที่งดงาม กับวิชาแพทย์ที่เก่งกาจเท่านั้นแหละ สตรีงามมีออกมากมายบนแผ่นดินนี้ ข้าจะมีสักกี่สิบคนก็ได้"ซือหรานคิดตำหนิอีกฝ่ายในใจ พอเห็นนางยังนิ่งจึงได้ผละออกมาเงียบๆ
ลี่ถิงลืมตามองตามแผ่นหลังกว้าง ใช่ว่าจะมิเคยมีบุรุษเอ่ยวาจาเช่นนี้ คนเหล่านั้นเมื่อได้เห็นความงามก็เอ่ยว่าจะแต่งเข้าเรือน แต่มิคิดจะยกย่องนางขึ้นมาเป็นภรรยาอันดับหนึ่งเลยสักครา เพราะคำทำนายที่เป็นดั่งคำสาปนี่แหละ ที่ทำให้ลี่ถิงใช้ชีวิตเช่นนี้
นางยังมิเคยพึงใจในตัวบุรุษเลยสักคน แม้จะมีหน้าตาที่งดงามดึงดูดเพศตรงข้ามก็ตาม กลับชอบหาความสำราญเช่นบุรุษทั่วไปมากกว่า นั่นยิ่งทำให้ผู้คนมองว่านางเป็นสตรีเสเพลไร้ยางอาย
ซือหรานเดินออกมาจากห้องบรรทมของรัชทายาท ก็รีบสั่งให้คนของตนจัดเตรียมม้าสำหรับออกเดินทางพรุ่งนี้ พร้อมกับสั่งให้ตามดูเหล่าข้ารับใช้ในตำหนักด้วย เมื่อออกคำสั่งเรียบร้อยก็เดินกลับเข้าห้องบรรทมของหลานชาย จึงได้เห็นสตรีตัวน้อยยังคงนั่งอยู่บนเตียง
"เหตุใดเจ้าจึงไม่พักผ่อน" เขาเอ่ยถามคนที่กำลังเช็ดตัวให้หลานชาย เพราะคิดว่านางหลับอยู่
"รัชทายาทมีไข้เพคะ ปล่อยไว้คงไม่ดีแน่"
"ข้าจะจัดการเองเจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ"
"เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปต้มยาลดไข้ก่อนเพคะ" ลี่ถิงเดิน ออกไปจากห้อง ทิ้งให้อ๋องหนุ่มทำหน้าที่แทน แต่มีหรือที่คนเช่นเขาจะทำเรื่องเช่นนี้ให้ใคร แม้คนผู้นั้นจะเป็นหลานรักก็เถอะ สุดท้ายก็ร้องเรียกนางกำนัลเข้ามา
"เจ้ามาดูแลเช็ดตัวให้รัชทายาทที" ซือหรานเอ่ยสั่งผู้ที่ยืนอยู่ด้านนอก ส่วนเขาก็เดินออกมาเฝ้าอยู่หน้าห้อง พร้อมกับคนของตน จวบจนนางกำนัลทำหน้าที่เสร็จ จึงเดินกลับเข้าไปตามเดิม เสมือนตนเป็นผู้ดูแล
"เจ้าออกไปได้แล้ว ส่งคนไปช่วยท่านหมอด้วย" ซือหรานยังมิลืมเอ่ยสั่งเพราะเกรงว่าคนตัวเล็กจะช้า
"เพคะท่านอ๋อง" นางกำนัลรับคำแล้วเดินออกไป ซือหรานเดินกลับมาดูหลานชายที่ยังนอนไม่ได้สติเช่นเคย มินานลี่ถิงก็เดินเข้ามาพร้อมนางกำนัลและถาดยา
"หม่อมฉันจะป้อนยารัชทายาทเพคะ" เมื่อได้ยินเช่นนั้นซือหรานก็คุกเข่าลงเช่นเดิม และบีบริมฝีปากหลานชายให้เปิดออก ลี่ถิงจึงป้อนยาที่กำลังอุ่นจนหมด นางมองผู้ที่หลับอยู่ก็เห็นว่าเสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเรียบร้อย จึงหันมาหาผู้ที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ใกล้ๆ รอยยิ้มเล็กผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน ทำให้ซือหรานรีบเอ่ยความจริงออกมา
"ข้ามิใช่คนที่จะทำเรื่องเช่นนี้ อย่าได้คิดว่าคนเช่นข้าจะดูแลเช็ดตัวให้ผู้ใด แม้คนผู้นั้นจะเป็นหลานข้าก็ตาม"
"เป็นเช่นนี้เองหรือเพคะ ฟังแล้วหม่อมฉันก็เบาใจ อดกลัวมิได้ว่าท่านอ๋องอาจเปลื้องผ้าหม่อมฉันในสักวัน" นางเอ่ยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี นางลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้อีกคนมองตามด้วยสายตาขุ่นเคืองมิน้อย
เพราะมิอาจตอบกลับเอาคืนอีกฝ่ายได้ นับวันอ๋องหนุ่มก็ยิ่งหงุดหงิดกับคนที่ต่อปากต่อคำกับตนไม่ลดละ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ยังต้องอาศัยคนผู้นี้รักษาหลานชายอยู่ จึงจำต้องอดกลั้นไว้เช่นนี้
"เอาไว้ให้หลงจื่อหายดีเสียก่อนเถอะ หลังจากนั้นข้าจะทำให้เจ้า ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำพูดใดแม้เพียงสักคำ" เขาเอ่ยถ้อยคำมาดร้ายออกมาได้เพราะคนตัวเล็กไม่อยู่ตรงนี้แล้ว ยามนี้ลี่ถิงเดินออกมาสูดอากาศด้านนอก สองเท้าก้าวตรงไปยังใต้ต้นหลิวขนาดใหญ่
ซึ่งปลูกไว้ใกล้กับสระบัวในตำหนัก สายลมพัดมาแผ่วเบา อาภรณ์สีขาวพริ้วไหวตามแรงลม ยามนี้นางยืนอยู่ใต้ต้นหลิว นางยื่นมือขึ้นไปรับลมที่กำลังพัดพาอย่างมีความสุข สำหรับลี่ถิงมิเคยหวังในลาภยศ และไม่เคยคิดจะฝักใฝ่ค้นหา สิ่งที่ต้องการคือชีวิตสงบสุขเพียงเท่านั้น แต่บัดนี้กลับต้องมาอยู่ในวังเพื่อดูแลรักษาผู้ที่อยู่สูงเหนือใคร
แต่เป็นรองคนเพียงผู้เดียว โดยคาบเกี่ยวถึงชีวิตของคนในสกุลจางไปแล้ว ภาระหน้าที่ทำให้สตรีตัวน้อยจำต้องก้มหน้ารับมันแม้นางจะมีบางสิ่งที่แปลเปลี่ยนไปจากเดิม แต่บอกไปแล้วใครจะเชื่อกันล่ะ
"เจ้าดูท่านหมอจางสิ งดงามยิ่งกว่าสตรีในวังที่ข้าเคยพบเห็นมาเสียอีก มีคนเช่นนี้จริงหรือ"
"นั่นสิ ข้าอยากงามเช่นนางเหลือเกิน”
"เห้อ! ข้าก็คิดมิต่างเจ้าหรอก" เสียงของเหล่านางกำนัลเอ่ยวาจาตัดพ้อสวรรค์ราวกับว่าจะมีอยู่จริง จนเหล่าองครักษ์ที่เฝ้ายามต่างก็มองตามสายตาของสตรีกลุ่มนี้
ภาพที่เห็นก็เป็นจริงดั่งว่า บุตรีคนเล็กของราชครูจาง งดงามราวกับภาพวาดจนหาที่ติไม่ได้จริงๆ ซือหรานยืนพิงประตูมองผู้ที่ยังยืนรับลมอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวกลางสวนสายตาคมรี่ลงเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มผุดขึ้นมาเมื่อใดไม่รู้ แต่การยืนมองที่นิ่งเงียบของเขามันได้อยู่ในสายตาขององครักษ์คนสนิททั้งสองแล้ว
"ท่านอ๋องมองท่านหมอจางเพียงนี้คิดสิ่งใดอยู่นะ” ห้าวเฉิงเอ่ยกับสหายของตน
“เจ้ามิลองถามดูล่ะ” หยางเหอเอ่ยก่อนจะยกยิ้ม ทำให้ได้เห็นสายตาตัดพ้อของอีกฝ่ายทันที
“ข้ามิได้โง่นะ ขืนถามไปมีหวังถูกลงโทษให้ไปล้างคอกม้าอีกน่ะสิ” ห้าวเฉิงตอบไปก่อนจะเดินหนีไปเสียดื้อๆ หยางเหอมองตามสหายก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อนึกขึ้นได้จึงเดินเข้าไปถามผู้เป็นนาย
“ท่านอ๋องจะเสวยสิ่งใดก่อนออกไปตรวจงาน ที่สำนักตรวจการหรือไม่พะยะค่ะ" หยางเหอเอ่ยถามขึ้น ซือหรานได้สติจึงหันกลับมาหาองครักษ์ของตน
"อืม เตรียมอาหารที่ห้องข้างๆ เชิญท่านหมอจางด้วย"
"พะยะค่ะ" หยางเหอรับคำสั่ง ไม่นานอาหารก็ถูกยกมาจนเต็มโต๊ะ กลิ่นหอมที่พึ่งถูกปรุงสุกใหม่ทำให้น่ากินเป็นอย่างมาก แต่คนที่ควรจะมานั่งอยู่ในห้องนี้กลับยังไม่ย่างกลายเข้ามาเสียที ทำให้อ๋องซือหรานรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก
"ไยลี่ถิงจึงยังมิมาอีก” ซือหรานเอ่ยเสียงเรียบเมื่อยังมิเห็นคนที่เขานั่งรอ ทำเอาองครักษ์ทั้งสองต่างก็หน้าถอดสี เพราะได้เอ่ยเชิญไปแล้ว แต่ก่อนที่จะถูกตำหนิร่างเล็กก็เดินเข้ามาเสียก่อน
"ขออภัยท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันมัวแต่ลองทำอาหารที่ชอบอยู่ มิคิดว่าท่านอ๋องจะยังทรงรอ"
"มาแล้วก็นั่งลง ข้ายังต้องไปทำอย่างอื่นอีก" ซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แม้นางจะแปลกใจที่เขามิต่อว่า แต่สู้เงียบปากไว้น่าจะดีกว่า นางกำนัลยกอาหารที่ลี่ถิงทำวางบนโต๊ะ อ๋องหนุ่มอดที่จะกลืนน้ำลายมิได้ เพราะกลิ่นหอมนี้มันช่างเย้ายวนดีเหลือเกิน ลี่ถิงจึงเอ่ยชักชวนอีกฝ่ายให้ลองชิมดู
"ท่านอ๋องลองดูสิเพคะ หม่อมฉันลองทำเองไม่เผ็ดมากหากท่านอ๋องพอทานได้" ลี่ถิงคีบอาหารใส่ถ้วยของอีกฝ่าย ทำให้องครักษ์ทั้งสองต่างก็อดกังวลมิได้ เพราะผู้เป็นนายนั้นมิชอบให้ใครยุ่มย่ามเวลาทานอาหาร แต่!
"อืม อร่อยทานกับข้าวแล้วก็ไม่ถือว่าเผ็ดมาก มิคิดว่าเจ้าจะทำอาหารอร่อยถึงเพียงนี้"
"หม่อมฉันทำอาหารให้อาจารย์และศิษย์พี่ทานอยู่บ่อยๆ ตอนที่อยู่หุบเขาคีรีเพคะ อาจารย์บอกว่าทำอาหารรสดีสามีก็จะรักใคร่เอ็นดู อีกหน่อยหากได้แต่งงาน ก็หวังว่าจะทำให้เขาพอใจที่มีภรรยาเช่นหม่อมฉันเพคะ”
ลี่ถิงเอ่ยจบก็ตักอาหารทานต่อไปโดยที่มิได้สังเกตอีกฝ่ายว่าทำหน้าเช่นไร ความเงียบจึงปกคลุมจนทานกันเสร็จเรียบร้อย อาหารที่ลี่ถิงทำถูกกวาดจนหมด ด้วยฝีมืออ๋องซือหรานที่ดูจะถูกใจกับรสชาตินี้มาก พอทานอาหารเสร็จลี่ถิงก็ขอตัวไปดูรัชทายาทอีกครั้ง
เมื่อเข้ามาก็เห็นว่าผู้ที่นอนอยู่บนเตียงนั้นรู้สึกตัวแล้ว แต่คงเพราะยังไม่มีแรงจึงไม่สามารถเอ่ยเรียกผู้ใดได้
"รัชทายาทรู้สึกเช่นไรเพคะ"ลี่ถิงนั่งลงข้างร่างสูง ใบหน้าซีดเซียวของอีกคนช่างดูน่าสงสาร มือเรียวจับชีพจรก่อนจะยิ้มออกมาเพราะการรักษาเป็นไปด้วยดี
"ดีขึ้นมากกว่าเมื่อวานนัก แต่ยังมีพิษในร่างกายอย่างไรเสีย ก็ยังคงต้องใช้ยาตัวเดิมรักษาต่อไปอีก" หลงจื่อมองจ้องสตรีงามตรงหน้าที่เขามิเคยพบมาก่อน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"เจ้าเป็นใครกัน?"
"หมอที่รักษาพระองค์เพคะ หม่อมฉันจะให้คนทำโจ๊กมาให้สักถ้วยนะเพคะ รัชทายาทจะได้มีแรงขึ้นมาบ้าง"
"ขอบใจเจ้านะ แล้วนี่ไม่มีใครมาเยี่ยมข้าเลยหรือ" เขาเอ่ยถามเมื่อมิเห็นผู้อื่นในห้องเลยนอกจากสตรีผู้นี้นางเดียว จนอดน้อยใจมิได้คิดว่ามิมีผู้ใดเป็นห่วง