6. สตรีตามคำทำนาย
ลี่ถิงใช้เวลาเนิ่นนานกว่าที่นางจะพาตัวเองขึ้นจากน้ำ
“คุณหนูผ้าเจ้าค่ะ” เสียงนางกำนัลหน้าตาหมดจดเอ่ยขึ้น ลี่ถิงส่งยิ้มให้ก่อนจะรับชุดคลุมมาสวมใส นางถูกพาตัวออกมาพร้อมกับจัดการแต่งตัวให้พร้อม ตามคำสั่งของสนมหลิวผู้พี่ ที่ได้กำชับไว้ว่าต้องแต่งกายสุภาพ
“งดงามเหลือเกินเจ้าค่ะ ดูแก้มของคุณหนูสิ น่าหยิกจริงเชียว” เพราะอยู่ในวัยกำลังโตและยังมีผิวขาวละเอียดเนียน เลยทำให้ผู้ที่เห็นเรือนร่างนี้ต่างก็เอ่ยชมมิขาดปาก ก็แน่ล่ะถึงลี่ถิงจะชอบดื่มแต่นางก็รู้วิธีดูแลตนเอง แม้จะอยู่บนเขานางก็สรรหาของบำรุงผิวพรรณให้ตนเองเสมอ มันคงเป็นความเคยชินที่เคยมีมานั่นแหละ
“นั่นสิ ดูผิวนี่เถอะสะอาดเนียนราวไข่มุกซึ่งมิมีที่ติเลย” นางกำนัลอีกคนเอ่ยขึ้น พร้อมกับลูบแขนเล็กอย่างลืมตัว
“ข้าบอกวิธีเจ้าเอาไหม” ลี่ถิงเอ่ย พอเห็นว่าทุกคนดูจะสนใจจึงเอ่ยบอก ทำเอานางกำนัลต่างก็พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เสียงซุบซิบหัวเราะดังขึ้น ก่อนจะเงียบลงเมื่อนึกได้ว่ามิบังควรเพราะอยู่ในตำหนักรัชทายาท
ลี่ถิงถึงกับส่ายหัวกับระบบธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่ ก่อนนั่งนิ่งให้พวกนางจัดการกับผมและอาภรณ์ที่ถูกจับแต่งอย่างสวยงาม จนมิเหลือคราบสตรีขี้เมาคนเดิม ร่างเล็กในอาภรณ์สวยสดสีขาวสะอาดตา เดินกลับมายังห้องบรรทมของหลงจื่อ ซึ่งยามนี้มีองครักษ์ของอ๋องซือหรานเฝ้าอยู่ ทั้งคู่ถึงกับชะงักงันเมื่อเจอกับสตรีตัวน้อยผู้งดงาม สองสหายขวางเอาไว้ทันที
“เจ้าเป็นใครมิรู้หรือว่าที่นี่คือเขตหวงห้าม ออกไปเสีย” ห้าวเฉินเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แม้คนตรงหน้าจะงามเพียงใดแต่เขาต้องทำหน้าที่ต่อเพื่อความปลอดภัยของผู้เป็นนาย
“หึ! ข้าแค่อาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่แค่นี้ก็จำมิได้แล้วหรือ ถ้ามิให้ข้าเข้าไปเจ้าก็ปรุงยาเองแล้วกัน” เอ่ยจบนางก็ยกแขนเล็กขึ้นกอดอกตนเองมององครักษ์ทั้งสอง
“เอ่อ ใต้เท้านี่คือคุณหนูจางลี่ถิงเจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นพยานได้เพราะอาบน้ำให้นางเอง” นางกำนัลที่ตามมาเอ่ยขึ้น ซึ่งอีกสองนางก็พยักหน้าเช่นกัน ทำเอาสององครักษ์ถึงกับจ้องมองคนตรงหน้าอีกครั้ง
“จะเลยเวลาที่รัชทายาทต้องเสวยยาแล้วนะ” ลี่ถิงเอ่ยเสียงเรียบ สองสหายจึงจำต้องปล่อยให้นางเข้าไป พร้อมกับนางกำนัลที่หอบผ้าห่มและหมอนมาด้วย ซือหรานซึ่งนั่งอ่านตำราอยู่ก็ถึงกับชะงักไป
“เจ้า?” อ๋องรูปงามทำหน้าฉงนทันที
“อย่าบอกว่าจำหม่อมฉันมิได้อีกคนนะเพคะ ยามนี้มิมีเวลาโต้เถียงต้องรีบปรุงยาเสียก่อน” ลี่ถิงเอ่ยก่อนจะบดยาในถ้วย หม้อยาที่ยังคงมีไอน้ำพ่นออกมาถูกเทลงผสมกัน
ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินมานั่งลงบนเตียง นางเหลือบมองอ๋องหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งตะลึงงันอยู่ข้างเตียง เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนจะหันไปเอ่ยกับผู้ที่ยืนอยู่ห่างออกไป
“ใครก็ได้มาจับรัชทายาทอ้าปากที ข้าจะป้อนยา”
“ขะ ข้าเอง” ซือหรานเอ่ยขึ้นก่อนจะคุกเข่าลงข้างคนตัวเล็ก ซึ่งรอบนี้ดูเหมือนจะเข้าใกล้นางเกินไปกว่าคราวก่อน
“ชิดขนาดนี้มินั่งตักหม่อมฉันไปเลยล่ะเพคะ” เสียงค่อนแคะดังขึ้นไม่จริงจังนัก เพราะลี่ถิงเพียงแค่เอ่ยไปเช่นนั้นเอง นางยังคงตั้งใจป้อนยาให้ผู้ที่มิได้สติอยู่ ถึงจะรับรู้ได้ว่าคนข้างกายกำลังจ้องมองใบหน้างามนี้อยู่ก็เถอะ มือขาวเช็ดลงที่มุมปากของคนป่วย ซึ่งยามันไหลย้อนออกมาเพราะเขามิยอมกลืนมัน นางจึงใช้วิธีบีบจมูกโด่งนั้นเสีย จึงทำให้หลงจื่อกลืนยาลงไปเพราะสำลัก
“เจ้าทำอันใด! มิกลัวหลงจื่อสำลักตายหรือ”
“ก็ยังมิตายนี่ หรือท่านจะใช้ปากประกบดันยาเข้าไป เช่นนั้นคราหน้าข้าจะมิบีบจมูกเขาแล้วกัน” เสียงหวานเอ่ยบอก ก่อนจะส่งถ้วยยาให้นางกำนัล นางหันมาจับชีพจรคนป่วยดูอีกครั้งก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
“ยาได้ผล ลมหายใจเริ่มเป็นปกติแล้ว” คำพูดและแววตาที่สื่อออกมาทำให้ซือหรานจ้องมองอีกฝ่ายอย่างลืมตัว
“ข้าเหนื่อยจะนอนพัก” นางหันมาสบนัยน์ตาคมของอ๋องหนุ่ม ซึ่งมันทำเอาเขาอดประหม่าเสียมิได้
“เจ้าจะนอนที่นี่หรือ” ซือหรานเฉไฉเอ่ยถามทันที
"หม่อมฉันยังต้องคอยเฝ้าดูอาการของรัชทายาทเพคะ"
"เช่นนั้นก็ดีที่เจ้ารู้หน้าที่" เขาเอ่ยเสียงเรียบเมื่อสามารถควบคุมความรู้สึกของตนได้แล้ว
ลี่ถิงรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะมิชอบใจนางนัก เพราะแต่ละคำที่เอ่ยมาล้วนแต่เหน็บแนมซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ลี่ถิงก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดนี้เลยแม้แต่น้อย
นางขอให้นางกำนัลปูผ้าให้ทางฝั่งโต๊ะอักษรของหลงจื่อ การกระทำทุกอย่างอยู่ในสายตาอ๋องหนุ่ม เมื่อนางกำนัลจัดการเรียบร้อยแล้ว ลี่ถิงก็กล่าวขอบคุณ ภายในห้องจึงเหลือแค่สามคนรวมกับคนป่วยที่นอนอยู่ด้วย
มือเรียวดึงปิ่นที่ปักผมไว้ออกเพื่อเตรียมตัวเข้านอน ผมดำสลวยตกลงมายังกลางหลัง ใบหน้าหวานที่งดงามราวภาพวาด ยิ่งดึงดูดผู้ที่กำลังจับจ้องนางอยู่มิวางตา ลี่ถิงหันกลับมายังร่างสูงสง่าที่นั่งอยู่มิไกล
เขารีบเบือนหน้าหนีไปทันทีเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสวยคู่นี้ คนตัวเล็กยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอนตัวลงนอนบนพื้นที่มันมิได้อ่อนนุ่มเช่นบนเตียงทั่วไป แต่สำหรับลี่ถิงมันมิได้มีความหมายอันใดนัก เพราะอยู่ที่ใดนางก็สามารถหลับได้ เพราะบางคราการออกไปเก็บสมุนไพรลี่ถิงก็ต้องนอนในป่า ซือหรานหันกลับมามองนางอีกครั้ง เมื่อเห็นเพียงด้านหลังเขาก็ถอนหายใจออกมา
“ไยถึงมิร้องขอที่นอนนุ่มๆ เช่นสตรีทั่วไป ไยนางถึงแปลกประหลาดต่างจากสตรีอื่น หรือจะเป็นเช่นคำทำนายที่เคยได้ยินมาจริงๆ นางคือผู้ที่จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายและเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ น่ะหรือ สตรีตัวแค่นี้จะมีปัญญาใดทำร้ายบ้านเมืองได้” ซือหรานคิดถึงคำทำนายที่มีมานานหลายร้อยปีของสกุลจาง ที่เอ่ยว่าบุตรสาวคนเล็กของบุตรชายคนรองจะสร้างความวุ่นวายให้กับเมืองใหญ่
จำต้องผลักไสให้นางอยู่ไกลผู้คน เพราะเกรงว่าคำทำนายนั้นจะเป็นจริง แม้ว่าจะผ่านมาหลายรุ่นแล้วก็ตาม แต่เพราะสกุลนี้มิเคยมีบุตรชายคนรอง ส่วนมากคือข้ามไปอยู่อันดับสามหรือไม่ก็คนโตไปเลยจึงมิใส่ใจนัก
จนกระทั่งมาถึงรุ่นของราชครูจางนี่แหละ ที่พวกเขาหลงลืมคำสั่งของบรรพบุรุษ เพราะเป็นช่วงปรับเปลี่ยนระบอบการปกครองใหม่ด้วย พอคิดได้บุตรสาวคนเล็กของบุตรชายคนรองก็ถือกำเนิดแล้ว ครั้นจะปลิดชีพให้ตายเสียก็ดูจะใจร้ายเกินไป จึงได้แแต่ขับนางออกจากเมือง
ชะตากรรมของคนตัวเล็กซือหรานพอรับรู้อยู่บ้าง เพราะเขาคือสหายสนิทของหลิวเฟยสนมเอกของพี่ชาย เพราะทั้งสามต่างก็เติบโตมาไล่เลี่ยกัน แต่นั่นเขาคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น มิน่าจะมีมูลความจริงเลย
“ท่านอ๋องจะบรรทมที่นี่หรือพะย่ะค่ะ” หยางเหอเอ่ยถามผู้เป็นนายทันที เมื่อได้รับคำสั่งให้นำผ้ามาปูข้างเตียงรัชทายาท ซือหรานเงยหน้ามองคนของตน ซึ่งเพียงเท่านั้นสองสหายก็รู้แล้วว่าควรทำเช่นไรต่อไป ผ้าปูผืนหนาถูกวางลงบนพื้นพร้อมกับหมอน เขาเอนตัวลงนอนหันหน้าไปทางฝั่งที่คนตัวเล็กหลับอยู่ ทำให้องครักษ์ทั้งสองต้องรีบออกไป
ดึกดื่นคืนเดียวกันเสียงกุกกักดังขึ้น เพราะลี่ถิงลุกมาสำรวจดูอาการของคนที่นอนป่วย ทำให้อ๋องหนุ่มผู้ที่ระแวดระวังภัยอยู่แล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เขามองร่างเล็กที่เดินเข้ามานั่งบนเตียง พร้อมกับจับชีพจรหลงจื่อไปด้วยก่อนที่นางจะตั้งท่าลุกออกไป
แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืดแต่จมูกโด่งเรียวเล็กและดวงตาเย้ายวน ที่เปร่งประกายออกมาทุกครั้งยามใบหน้านี้ต้องกับแสงไฟในห้อง มันก็มักจะทำให้เขาจ้องมองอย่างลืมตัวทุกครา แต่ต้องสะดุดกับคำพูดของนางนี่สิ
"หากท่านอ๋องยังคงจ้องหม่อมฉันอยู่เช่นนี้ หากมีผู้ใดมาพบเข้าคงคิดว่าท่านมีใจให้สตรีเช่นหม่อมฉันนะเพคะ"
"สามหาว! ข้าเป็นใครแล้วเจ้าเป็นใคร สตรีขี้เมาเช่นเจ้าหรือจะควรค่าให้ข้าหลงใหลมีใจ” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดมิพอใจดังขึ้นทันที จนองครักษ์ด้านนอกต้องรีบวิ่งเข้ามา ลี่ถิงเพียงแค่ยกยิ้มที่มุมปากเท่านั้น ก่อนจะเดินกลับไปยังที่นอนของตน แล้วหันหลังให้อีกฝ่ายเช่นเดิม ผิดกับอ๋องหนุ่มที่ถูกความโกรธครอบงำจนแทบจะหลับตาลงมิได้ จึงหันไปหาองครักษ์ของตน
“ออกไป! จะเข้ามาทำไมกัน” ความหงุดหงิดที่มีทำให้อ๋องซือหรานหันไปลงกับองครักษ์
แต่ในที่สุดความเหนื่อยล้าบวกกับดึกมากแล้ว จึงทำให้คนที่ยังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวหลับไปจนได้ หลี่ถิงตื่นมาในตอนเช้าก็รีบออกไปปรุงยาที่ถูกส่งมาให้ยังห้องด้านข้าง พออ๋องซือหรานตื่นมาไม่เห็นอีกคนก็ถามหาทันที จนนางกำนัลต้องรีบเอ่ยบอก
"คุณหนูปรุงยาอยู่อีกห้องเพคะ" เมื่อได้คำตอบเช่นนั้นจึงหันกลับมาหาคนที่นอนอยู่บนเตียง รอยยิ้มผุดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าหลานชายดีขึ้นมากกว่าเมื่อคืน รัชทายาทหลงจื่อวัยสิบเก้าปี เป็นบุรุษหนุ่มที่มีจิตใจอ่อนโยนเมตตา
และรูปงามไม่ต่างจากเสด็จอาของตนที่มีอายุห่างกันเพียง 6 ปีเท่านั้น เพราะอ๋องเจ็ดผู้นี้เป็นอนุชาเพียงองค์เดียวที่สืบสายเลือดจากมารดาองค์เดียวกันกับฮ่องเต้ การแก่งแย่งอำนาจและการก่อกบฏของเหล่าราชวงศ์เก่าแก่ ที่มีขุนนางบางคนคอยหนุนหลังเมื่อสิบปีก่อน ทำให้เหล่าองค์ชายองค์หญิงหลายพระองค์สิ้นพระชนม์
เหลือรอดมาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ซูจินเทียนองค์ชายรองจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้แทน โดยมีพระอนุชาอย่างอ๋องซือหรานคอยช่วย ดูแลทั้งกองทัพและองครักษ์ในวัง เพราะไม่เกิดศึกสงครามมานาน มีเพียงศึกในราชวงค์เท่านั้นที่ยังคงคุกรุ่นอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีอ๋องสี่ที่เหลือรอดอีกคน แต่ก็มิได้สนใจที่จะอยู่ในวังอย่างที่ควรจะเป็น คนผู้นี้มักอยู่นอกเมืองใช้ชีวิตเช่นสามัญมากกว่า