5. ต่อปากต่อคำ
ลี่ถิงนั่งบดยาในถ้วยพร้อมกับผสมน้ำผึ้งเล็กน้อย ทุกขั้นตอนล้วนอยู่ในสายตาของอ๋องหนุ่ม เพราะแม้หลงจื่อจะอาการต่างจากคราแรก แต่เขาก็มิอาจวางใจ ลี่ถิงเงยหน้ามองคนที่จ้องจับผิดก่อนจะถอนหายใจใส่
“หิวน้ำ ขอน้ำดื่มได้หรือไม่เพคะท่านอ๋อง” น้ำเสียงกึ่งประชดดังขึ้น ทำเอาซือหรานถึงกับขบกรามแน่น ยามนี้ในห้องมิมีผู้ใดนอกจากเขา จึงจำต้องรินชาให้อีกฝ่ายอย่างเสียมิได้ คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน ก่อนจะส่งสายตาสื่อให้รู้ว่านางมิว่างพอจะจับถ้วยเข้าปาก
“ถ้าไม่ป้อนก็วางไว้ตรงนั้นเพคะ หม่อมฉันจะเดินออกไปล้างมือแล้วค่อยกลับมาปรุงยาใหม่” ลี่ถิงเอ่ยอย่างเป็นต่อ ทำเอาซือหรานต้องทำตามอีกฝ่ายอย่างจำใจ ถ้วยชาสีขาวซึ่งทำมาจากหยกชั้นดี ถูกยื่นใส่ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อ เพราะต้องมองว่ามันถูกจุดหรือไม่
จึงทำให้อ๋องหนุ่มได้สำรวจใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจนขึ้น เขาลอบกลืนน้ำลายยามที่คนตัวเล็กเผยอปากคาบถ้วยชา เพราะลิ้นสีแดงสดนางมันโผล่ออกมาด้วย ซือหรานแทบลืมหายใจยามที่ลำคอสวยมีคลื่นของเหลวไหลลงไป นัยน์ตาคมเลื่อนขึ้นมาหาแพขนตาที่งอนรับกับดวงตาโตของนาง จมูกเรียวได้รูปและแก้มเนียนใสซึ่งยามนี้มันแดงปลั่งเพราะฤทธิ์สุราที่นางดื่ม ทุกอย่างมันชั่งลงตัวเมื่อเขาได้มอง แต่!
“มองข้าเช่นนี้คิดจะให้เป็นสนมหรือไง” เสียงค่อนแคะดังขึ้นทำเอาอ๋องหนุ่มต้องเหสายตาหนีทันที แต่ก็ยังมิวายตอบกลับอีกฝ่ายให้ได้สะอึกเช่นกัน
“หึ! สตรีเช่นเจ้าชาตินี้จะได้แต่งงานหรือเปล่าเถอะ” หลังจากปรุงยาสำเร็จแล้วซึ่งมันน่าจะมินานอย่างที่คิดในคราแรก แต่เพราะหมอกับญาติคนป่วยมัวแต่โต้เถียงกัน จนทำให้ลี่ถิงทำงานช้าลง
แต่ซือหรานก็มิได้โทษตนเองเลยสักนิด กว่าจะได้ยามาให้คนถูกพิษจึงใช้เวลานานขึ้นกว่าเดิม ลี่ถิงค่อยๆ ป้อนยาให้กับผู้ที่กลับมานอนไร้สติอีกครั้ง แต่เพราะมือไม่ว่างเช่นตอนที่กรอกยาคราแรก จึงหันไปหาอ๋องซือหรานที่ยืนอยู่ไม่ไกล ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำออกมา
"ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันทีได้หรือไม่" ซือหรานเดินเข้ามานั่งคุกเข่าลงข้างๆ ก่อนจะแหงนหน้ามองเชิงเป็นคำถามว่าให้ทำอย่างไรต่อไป แต่กลับเหมือนต้องมนต์สะกดของอีกคนที่นั่งอยู่บนเตียง เช่นเมื่อตอนที่ป้อนชาให้นาง
"ช่วยจับรัชทายาทอ้าปากออกที หม่อมฉันจะป้อนยา" ซือหรานยังคงจ้องริมฝีปากอิ่มได้รูปที่เอ่ยออกมาอย่างหลงใหล จนนางเอียงคอมองจึงทำให้ซือหรานได้สติ รีบหันกลับมาหาหลานชายตนที่นอนอยู่บนเตียง พร้อมกับบีบปากให้เปิดออก มือขาวจึงค่อยๆ ป้อนยาทีละน้อยจนหมด ทำให้ผู้ที่ยืนรอลุ้นอาการต่างก็เริ่มมีความหวัง
"เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่ายาที่เจ้าใช้รักษาจะช่วยรัชทายาทได้" ฮองเฮาเอ่ยขึ้นทันที เพราะไม่อยากให้อีกคนฟื้นขึ้นมา แต่ก็อยากถามให้แน่ใจ เพราะหากรัชทายาทสิ้นใจเสีย บุตรบุญธรรมของตนก็จะมีสิทธิ์รับตำแหน่งรัชทายาทลำดับที่สอง ถึงยามนั้นก็จะง่ายขึ้น ความฝันที่จะผลักดันองค์ชายสี่ขึ้นเป็นรัชทายาทแทนคงอยู่แค่เอื้อมแล้ว ลี่ถิงยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะตอบออกไปเสียงเรียบ
"รัชทายาทคงดีใจมาก ที่ฮองเฮาทรงเป็นห่วงถึงเพียงนี้ แต่อย่ากังวลไปเลยเพคะ ยาที่ให้รัชทายาทเสวยไปนั้น สามารถขจัดพิษได้แน่นอน"
สิ่งที่ลี่ถิงเอ่ยออกมาแม้ฟังดูแล้วจะน่ายินดี แต่มันกลับทำให้ฮองเฮากำมือแน่น เพราะสิ่งที่ได้ยินมันทำให้นางมิพอใจเป็นอย่างมาก สตรีตัวน้อยหันกลับมายิ้มให้พี่สาวของตนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนปนออดอ้อน
"พระสนมน้องอยากได้น้ำแกงสักถ้วย ยังต้องปรุงยาขึ้นอีกแต่ตอนนี้ข้ารู้สึกมึนหัวมาก ฝ่าบาทจะทรงพระกรุณาสักนิดได้หรือไม่เพคะ" นิ้วเรียวจีบใส่กันสื่อความหมายของคำว่าสักนิดของตน ทำเอาฮ่องเต้และสนมทั้งสองยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ไม่ต่างจากสายตาคมประดุจดั่งเหยี่ยวที่จ้องมองอยู่มิไกล ฮ่องเต้จึงหันไปออกคำสั่งให้ต้มน้ำแกงทันที เพื่อให้คนที่ยังคงมีอาการมึนสุราได้ส่างลงเสียบ้าง
"หม่อมฉันต้องเขียนเทียบยาเพคะ ต้องใช้เป็นจำนวนมาก พิษนี้ขจัดออกยากเพราะเจือปนในเลือดของรัชทายาทแล้ว คงต้องใช้เวลาหลายวัน" ลี่ถิงเอ่ยบอก ซึ่งยามนี้น้ำเสียงดูมั่นคงต่างออกไปจากคราแรกมาก คงเพราะน้ำชาที่ดื่มไปหลายถ้วยด้วยกระมัง
"ตรงนั้นโต๊ะหนังสือของรัชทายาทเจ้าเขียนเทียบยาได้เลย" ฮ่องเต้เอ่ยอนุญาตทันที เมื่อเห็นสีหน้าโอรสตนดีขึ้นมากก็วางใจที่จะให้สตรีตัวน้อยรักษาต่อ
หลังจากเขียนเทียบยาเสร็จลี่ถิงก็เดินกลับมานั่งบนเตียง มองผู้ที่หลับไหลไม่ได้สติอีกครั้ง พร้อมกับเปิดดูบาดแผลที่ถูกพันเรียบร้อยบริเวณต้นแขน
"ดูเหมือนคนร้ายตั้งใจที่จะใช้ยาพิษสังหาร จึงมิได้เจาะจงให้ถูกจุดสำคัญนะเพคะ เช่นนี้แล้วคงมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ใช่หรือไม่" นางเอ่ยถามท่านอ๋องที่ไม่คิดจะลุกถอยออกไปที่ใด ซือหรานทำเพียงแค่พยักหน้า เมื่อเห็นเช่นนั้นฮ่องเต้จึงเอ่ยให้ทุกคนกลับไปพักผ่อน
"เอาล่ะมีลี่ถิงอยู่คงมิต้องห่วงอันใดแล้วพวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ ส่วนเจ้าอยู่ดูแลที่นี่ก่อนซือหราน เป็นผู้อื่นพี่มิไว้ใจเท่าใดนัก” ฮ่องเต้เอ่ยกับอนุชาของตน
“พะย่ะค่ะฝ่าบาท” ซือหรานรับคำในทันที ฮ่องเต้และสนมออกไปแล้ว ซือหรานจึงลุกยืนก่อนจะมองหน้าคนตัวเล็กที่สภาพดูมิได้นัก นัยน์ตาคมเริ่มสำรวจอีกฝ่ายที่มีรูปร่างคุ้นตา แต่พอเห็นนางมองกลับก็รีบเอ่ยขึ้น
"เรื่องนี้ต้องปิดเป็นความลับ การลอบปลงพระชนม์รัชทายาทมีขึ้นอยู่บ่อยครั้ง เจ้าเองก็คงพอเดาได้ว่าในวังเป็นเช่นไร เรื่องนี้หากแพร่งพรายออกไปราชสำนักต้องปั่นป่วน"
ซือหรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปนคำสั่งสื่อให้รู้ว่าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ พอดีกับน้ำแกงแก้เมาถูกยกเข้ามา ทำให้อ๋องหนุ่มนึกขึ้นได้ถึงการกระทำของนาง
"ตอนนี้อยู่ในวังเจ้าควรรักษากิริยาของเจ้าให้ดี ให้นึกถึงพระสนมหลิวให้มาก" ซือหรานเอ่ยสอนคนตัวเล็ก ลี่ถิงเบ้ปากใส่คนตัวโตทันที แม้อีกคนจะดูสง่าน่าเกรงขาม อีกทั้งคำล่ำลือที่ทั่วแคว้นต่างก็เอ่ยถึง ความโหดเหี้ยมไร้ปราณีของคนตรงหน้า แต่ลี่ถิงก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย แม้จะมิรู้กิตติศัพท์ของอ๋องผู้นี้ก็เถอะ แต่สำหรับนางเขาก็แค่บุรุษทั่วไปคนหนึ่ง
"หม่อมฉันมาช่วยคนเท่านั้น ช่วยเสร็จก็กลับไปใช้ชีวิตเช่นเดิม เหตุใดต้องสนใจเรื่องในวังด้วยล่ะเพคะท่านอ๋อง" เอ่ยจบก็เดินไปที่ม้านั่งพร้อมกับดื่มน้ำแกง ซือหรานขบกรามระบายความโกรธที่ทำอะไรมิได้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยมีเพียงลี่ถิงที่อยู่ด้านในกับรัชทายาทเท่านั้น
เพราะยามนี้ยังต้องอาศัยให้นางรักษาหลานชาย ร่างสูงซึ่งยามนี้ยังคงสวมใส่อาภรณ์ชุดเดิมเดินออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด จนองครักษ์ทั้งสองต่างก็แปลกใจ เพราะมิเคยเห็นผู้เป็นนายอารมย์เสียเพียงนี้เลย
"ท่านอ๋องมีอะไรทำให้ขุ่นเคืองพระทัยหรือพะยะค่ะ" ห้าวเฉิงเอ่ยถามทันที ซือหรานมองกลับเข้าไปในห้องที่ประตูยังคงถูกเปิดกว้างอยู่ ด้วยสายตาคาดโทษใครบางคนซึ่งอยู่ด้านใน หยางเหอมองตามสายตาของผู้เป็นนายด้วยสีหน้าสงสัยไม่ต่างจากสหายที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
"เตรียมผ้าห่มให้ข้าเอาไปไว้ในห้องของรัชทายาท ข้าจะไปอาบน้ำก่อน พวกเจ้าเฝ้าให้ดี" เขาออกคำสั่งเสร็จก็เดินตรงไปยังห้องพักเพื่อชำระร่างกาย
สองสหายจึงทำได้เพียงแค่มองหน้ากันเท่านั้น จวบจนท่านอ๋องกลับมาพร้อมกับเปลี่ยนชุดมาเสร็จสับ ลี่ถิงมองสำรวจร่างสูงเดินเข้ามายืนอยู่มิไกลนัก ก่อนนี้ผมเขาถูกรวบขึ้นโดยมีเครื่องทองคลอบปิดและใช้ปิ่นมังกรปัก ยามนี้มันถูกปล่อยยาวลงมาครึ่งหัว ทำให้ผู้ที่ดูน่าเกรงขามและดุดันก่อนนั้น ดูเป็นคนที่น่าจะเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อครู่ เขามองสตรีตัวน้อยที่ยังคงนั่งอ่านตำราบางสิ่งอยู่ ซึ่งมันคงมิพ้นเรื่องสมุนไพรเป็นแน่
"เจ้ามิคิดจะไปอาบน้ำล้างเนื้อตัวหรือ เป็นสตรีไยถึงได้ซกมกสกปรกเพียงนี้ กลิ่นกายก็มีแต่สุรา มิน่าเกิดมาในตระกูลเดียวกับหลิวเฟยเลย” คำตำหนิส่งผ่านมาจากริมฝีปากหนาของอ๋องหนุ่มรูปงาม แต่อีกฝ่ายกลับมิได้โต้กลับเช่นเคย เพราะลี่ถิงทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้เท่านั้น ก่อนจะเดินออกจากห้องไปราวกับว่าเสียงที่ได้ยินเป็นแค่เสียงนก ยิ่งส่งผลให้อ๋องหนุ่มขุ่นเคืองมากไปอีก
“หึ! ยัยเด็กเหลือขอ คอยดูเถอะข้าจะเอาคืนเจ้าให้ได้” ซือหรานเอ่ยเสียงรอดไรฟันออกมา พร้อมกับชี้ไม้ชี้มือไปด้วย ปกติเขาเป็นคนมิค่อยพูดหากมิเกี่ยวกับเรื่องงาน แต่ยามนี้ทุกคนมักจะได้ยินน้ำเสียงที่เจื่อปนไปด้วยอารมณ์ของเขาอยู่ตลอด โดยเฉพาะยามที่มีลี่ถิงอยู่
“ดูท่าท่านอ๋องคงมิชอบน้องสาวของพระสนมมากแน่”
“นั่นสิ ข้ามิเคยเห็นท่านอ๋องมีอารมณ์เช่นนี้มาก่อน เด็กคนนี้ก็กระไร ช่างทำเรื่องให้ท่านอ๋องหงุดหงิดได้ทุกยาม ขอแค่เจอหน้าทั้งที่พึ่งเข้ามาแท้ๆ”
สองสหายมองตามร่างเล็กที่เดินไปยังห้องพักของนาง ซึ่งอยู่อีกเรือนห่างออกไป ลี่ถิงมองสำรวจไปทั่วเพราะนิสัยส่วนตัวที่ไม่ค่อยไว้ใจสิ่งรอบข้าง การถูกปล่อยทิ้งตั้งแต่เด็กมันทำให้เด็กสาวต่างออกไปจากสตรีทั่วไป แต่มันก็ไม่ใช่แค่นั้นหรอกสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับนาง และสาเหตุก็มิมีผู้ใดล่วงรู้นอกจากเจ้าของร่างนี้
“เห้อ! เป็นเชื้อพระวงศ์นี่ดีจัง” เสียงหวานเอ่ยออกมา ก่อนจะหลับตาเพื่อผ่อนคลายยามที่ได้แช่น้ำแร่ในบ่อที่มีคนจัดหามาให้ราวกับเป็นองค์หญิงก็มิปาน
“แต่ถ้าถูกตามฆ่าแบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่เอานะ ถ้ามิใช่เพราะพระสนมเราก็ไม่ต้องเข้าวังมาแบบนี้หรอก” นัยน์ตาสวยเปิดขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นที่เอ่ยขึ้นมาเบาๆ