11. อย่างกับปรมาจารย์
กลุ่มธนูพุ่งมาจากป่าไผ่สองข้างทาง หมายจะเอาชีวิตทุกคนไม่ให้เหลือรอด บางคนก็ถูกธนูพุ่งเข้าใส่จนตาย เมื่อเห็นอีกฝ่ายล้มตายมือสังหารจึงออกมาจากที่ซ่อน พร้อมกับอาวุธครบมือที่ดูเหมือนเตรียมพร้อมมาอย่างดี
ทุกคนลงจากม้ารวมถึงลี่ถิง แต่ก็ถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มคนชุดดำ ซือหรานอดเป็นห่วงคนที่ตนคิดว่าไม่เป็นวรยุทธ แต่อันที่จริงแล้วลี่ถิงฝึกวิชามาตั้งแต่เด็กแล้วต่างหาก คนเพียงเท่านี้ไม่สามารถทำให้ลี่ถิง กังวลได้เลยแม้แต่น้อย เพราะนางก็ศิษย์เอกของอาจารย์คนหนึ่งเหมือนกัน
"เจ้ามาหลบหลังข้า" ซือหรานเอ่ยขึ้นท่ามกลางกลุ่มคนมากมายที่รายล้อมอยู่ ลี่ถิงเพียงแต่ยิ้มเล็กน้อย การต่อสู้เริ่มขึ้นเพื่อมิให้ยืดเยื้อ จะได้รับเงินจากผลงานเร็วๆ
"สังหารมันให้หมดอย่าให้เหลือรอดไปได้" คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าออกคำสั่งพร้อมกับยืนดู ซือหรานชักกระบี่ออกมาฟาดฟันศัตรูตรงหน้า แม้จะบาดเจ็บก็ตาม ชายชุดดำตรงมาหาลี่ถิงคราใด ก็จะมีกระบี่ของซือหรานปกป้องทุกครั้ง จนผู้เป็นหัวหน้ามองเห็นเป้าหมายสำคัญ ที่จะกำจัดอ๋องผู้นี้ จึงกระซิบบอกลูกน้องหลอกล่อซือหรานให้ออกห่างสตรีนางนี้
และเหมือนลี่ถิงเองก็รู้ตัวว่าตนตกเป็นเป้า จึงใช้พลังยุทธ์สบัดมือปล่อยเข็มเงินออกไป พุ่งปะทะร่างของผู้ที่จะเข้ามาหาตนอย่างรวดเร็ว โดยที่มิมีใครเห็น ทำให้คนชุดดำทั้งสามล้มลงทันที ซือหรานเมื่อเห็นมีคนพุ่งเป้ามาที่ลี่ถิงก็รีบมาปกป้องเช่นเคย จนลืมไปว่าตนนั้นยังบาดเจ็บอยู่
"เจ้าเป็นอะไรหรือไม่" เขาเอ่ยถามเสียงเป็นห่วง
"มิเป็นไรเพคะ พวกนั้นคงรีบเกินไปจึงสะดุดล้มเช่นนั้น"ลี่ถิงตอบออกไปพร้อมกับยิ้มเหมือนมันเป็นเพียงเรื่องตลกอย่างที่เอ่ย ต่างจากอีกคนที่ห่วงกังวล การต่อสู้เป็นไปอย่างยืดเยื้อ เพราะดูเหมือนอีกฝ่ายก็เป็นนักฆ่าฝีมือดี
จึงทำให้บาดเจ็บล้มตายเท่าๆ กัน
"ท่านอ๋องบาดเจ็บหรือไม่พะยะค่ะ"
"ข้าไม่เป็นไร ดูท่าหากพวกมันสังหารเราไม่ได้ คงจะไม่ยอมล่าถอยเป็นแน่" ซือหรานเอ่ยออกไป แต่ลี่ถิงกลับกำลังคิดว่าคนกลุ่มนี้เหมือนจะรั้งให้พวกตนล่าช้า ไปพร้อมกับการสังหารเสียมากกว่า
"ท่านอ๋องหม่อมฉันกังวลว่า ตำหนักบูรพาจะเกิดเรื่องเพคะ คนพวกนี้จงใจทำให้เราช้า" ลี่ถิงเอ่ยในสิ่งที่คิด
ซือหรานหันมามองหน้าคนที่เอ่ยขึ้น แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอันใดต่อ กลุ่มคนชุดดำก็เข้าปะทะอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ลี่ถิงไม่คิดจะอยู่เฉยอีกต่อไป กระบี่ในมือของซือหรานถูกแย่งไปพร้อมกับท่วงท่าลีลา ฟาดฟันกระบี่ที่ต่างจากคนทั่วไปของลี่ถิง ทั้งอ่อนช้อยและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน การหลบหลีกมิให้กระบี่ของอีกฝ่ายสัมผัสร่างกายตน ทำให้คนอื่นๆ ได้แต่ยื่นนิ่งมองดูภาพตรงหน้า
โดยที่ยังไม่ได้วางกระบี่ด้วยซ้ำ ลี่ถิงสังหารชายชุดดำที่เหลือเกือบสิบคนในคราเดียว ส่วนผู้ที่เป็นหัวหน้าก็ตั้งท่าวิ่งหนีเมื่อเห็นเช่นนั้น นางจึงใช้อาวุธในมืองัดกระบี่ที่พื้นลอยขึ้น ก่อนจะใช้พลังตวัดพุ่งใส่ร่างที่วิ่งหนีเข้าป่าไผ่จนล้มลงสิ้นใจ พร้อมกับเดินมาส่งคืนกระบี่ให้กับท่านอ๋อง
"เรื่องของข้าขอทุกคนอย่าได้แพร่งพรายเป็นอันขาด"ทุกคนต่างก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นกับภาพตรงหน้า มีเพียงซือหรานที่ยกยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ
ก่อนที่ทุกคนจะรับคำของสตรีตัวน้อยผู้นี้ ราวกับต้องมนต์สะกดเสียอย่างนั้น แต่เปล่าหรอกใครจะกล้าเอ่ยว่าไม่กันล่ะ เห็นเช่นนี้แล้วสองสหายองครักษ์ก็ถึงกับกำคอตนไว้
“นางเป็นสตรีจริงหรือหยางเหอ”
“นั่นสิ มีสิ่งใดที่เรายังมิรู้เกี่ยวกับคุณหนูจางอีกหรือไม่ หน้าตางดงามเช่นนี้ไยถึงโหดนัก” ห้าวเฉิงเอ่ยพร้อมกับลูบตนอีกครา ยามนึกถึงคนชุดดำที่ตายด้วยคมดาบ
เขาก็ขยาดมองหน้างามๆ นี้มิได้สักที
“จริงด้วยข้าน้อยก็คิดไม่ถึงจริงๆ แต่เหตุใดจึงไม่ช่วยตั้งแต่แรก คนของเราคงไม่ตายไปมากมายเช่นนี้” องครักษ์สองนายที่ขี่ม้าตามอยู่ด้านหลังเอ่ย
“เจ้าสองคนถ้าไม่อยากตายอย่าเอ่ยเรื่องนี้อีก ลี่ถิงคือหมอมีหน้าที่รักษาชีวิตคน ที่ไม่จับกระบี่ในคราแรกก็เพราะไม่อยากลงมือสังหารใคร แต่หากไม่ชักกระบี่เองป่านนี้ศพต่อไปอาจจะเป็นเจ้าสองคนก็ได้ จงสำนึกให้ดี”
“ขอรับใต้เท้าหยาง” ทหารองครักษ์รับคำก่อนจะก้มหน้าสำนึกผิด ทำให้หยางเหอหันมาสนใจหนุ่มสาวด้านหน้าแทน ซึ่งดูเหมือนท่านอ๋องจะมิได้ตื่นกลัวเช่นพวกตน ที่หวาดระแวงสตรีตัวน้อยนี้ขึ้นมา
“ข้าชักจะห่วงท่านอ๋องแล้วสิ” หยางเหอเอ่ยขึ้น เพราะรู้ว่าผู้เป็นนายมักจะกล่าววาจาค่อนแคะเหน็บแนมนางเสมอ มิรู้ลี่ถิงจะแอบแค้นใจหรือไม่
สองสหายได้แต่พูดคุยกันในขณะที่บังคับม้ากลับเมือง
"เช่นนี้แล้วข้าคงมิกล้ากวนใจเจ้าแล้วล่ะ" ซือหรานเอ่ยพร้อมกับยิ้มชอบใจ ผู้ถูกกล่าวขานว่าเหี้ยมโหดไร้ปราณีเช่นตน กลับต้องมาเจอผู้ที่เหี้ยมกว่ามากจนน่าเจ็บใจ แต่เขากลับยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี
“แต่ตอนนี้พระองค์ก็ยังทำอยู่” นางเอ่ยตอบโดยที่มิได้หันมามองอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งทั้งหมดเดินทางเข้าเมือง ซึ่งซือหรานก็ยังคงให้ลี่ถิงสวมหมวกเช่นเคย
“หม่อมฉันมิจำเป็นต้องปิดบังใบหน้าเพคะ เพราะทุกคนรู้จักดี ชื่อเสียของหม่อมฉันมีมาตั้งแต่เกิด มิจำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ” ลี่ถิงเอ่ยบอกพร้อมกับดึงหมวกโยนให้หยางเหอไป ก่อนจะควบม้านำเข้าวังไปโดยมิรอผู้ใดเลย
“หึ! ดื้อจริงๆ นะเจ้า” ซือหรานเอ่ยเพียงเท่านั้นก็รีบตามไป ลี่ถิงกลับมายังตำหนักบูรพาก็รีบตรงเข้าห้องบรรทมทันที และเป็นจริงดั่งคาดการณ์เอาไว้
รัชทายาทอาการทรุดหนักจนเนื้อตัวซีดเซียว
"เกิดอะไรขึ้นเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้" ซือหรานรีบเอ่ยขึ้นทันที พระสนมเห็นน้องสาวมีเลือดติดเต็มตัวก็อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงรีบเอ่ยถามเช่นกัน
"ลี่ถิงเกิดอะไรขึ้นเจ้าบาดเจ็บเช่นนั้นหรือ"
"พระสนมไม่ใช่เลือดหม่อมฉันเพคะ ฝ่าบาทให้ทุกคนออกไปก่อน" นางเอ่ยบอกก่อนจะรีบจัดการจับชีพจรคนที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งที่ควรจะดีขึ้นมากกว่านี้แล้วแท้ๆ ฮ่องเต้รีบออกคำสั่งกับทุกคน แต่ซือหรานนั้นกลับไม่ยอมออกไป เพราะอยากอยู่ดูการรักษา
"ท่านอ๋องจับรัชทายาทนั่งทีเพคะ” เมื่อได้ยินดังนั้นเขาจึงช่วยกันประคองคนละข้างกับฮ่องเต้ ที่ไม่ยอมออกไปเช่นกัน เมื่อหลงจื่อนั่งคอตกโดยมีพ่อและอาประคองอยู่ ลี่ถิงก็ใช้พลังจากด้านหลังเพื่อขับพิษออกให้คนที่กำลังจะสิ้นใจในมิช้า ไม่นานหลงจื่อก็กระอักเลือดออกมามากมาย เสียงแผ่วเบาจากปากที่เต็มไปด้วยเลือดเอ่ยออกมา
"เสด็จพ่อ เสด็จอาท่านกลับมาแล้วหรือ ลี่ถิงล่ะ" ทันทีที่รู้สึกตัวหลงจื่อก็เอ่ยถึงผู้ที่ตนพะวงหา ซือหรานมองหน้าหลานชายที่เอ่ยถึงคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
"หม่อมฉันอยู่นี่เพคะสมุนไพรมาแล้วไม่นานพระองค์จะหายดี อดทนอีกหน่อยนะเพคะ” ลี่ถิงส่งยิ้มให้คนที่หลับตาลงอีกครั้ง ฮ่องเต้รีบเอ่ยถามขึ้นทันที
"หลงจื่อจะมิเป็นไรใช่หรือไม่"
"หม่อมฉันขจัดพิษที่กำลังเข้าสู่หัวใจแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพคะ ขอหม่อมฉันไปปรุงยาก่อน" นางเอ่ยจบก็รีบเดินออกไปด้วยท่าทีรีบร้อน
จนซือหรานต้องรีบเดินตามไปเพราะดูท่าคนตัวเล็กจะอาการมิดี ด้านนอกที่มีฮองเฮาและเหล่าสนมยืนรออยู่อย่างกระวนกระวายใจ เมื่อเห็นลี่ถิงเดินออกจากห้องมาอย่างรีบร้อน และตรงเข้าห้องข้างๆ ไปก็ยิ่งกังวล
ไม่นานก็เห็นอ๋องซือหรานเดินตามออกมา เขาหยุดชะงักเมื่อเห็นทุกคนเอาแต่จ้องมอง และท่าทีต้องการตั้งคำถามมากมาย แต่ผู้ที่เดินตามออกมาคนหลังสุด กลับทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง ฮ่องเต้หันไปหาอนุชาที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นเบาๆ
“เจ้ารีบไปดูลี่ถิงเถอะ ใช้พลังมากไปอาจจะธาตุไฟเข้าแทรกได้” ซือหรานพยักหน้ารับก่อนจะรีบเข้าไปดูอีกคนในห้อง และก็เป็นอย่างที่คาดลี่ถิงกระอักเลือดออกมา เพราะวันนี้ใช้พลังไปถึงสองคราแล้ว
“เจ้าไหวหรือไม่ ข้าต้องทำเช่นไรจึงจะช่วยเจ้าได้” อ๋องหนุ่มเอ่ยอย่างร้อนใจ พร้อมกับประคองร่างเล็กขึ้นมานั่ง เขารินชาส่งให้ ก่อนจะใช้มือลูบหลังคนตัวเล็กเบาๆ
“หม่อมฉันมิเป็นไรเพคะ จะต้องรีบปรุงยาให้รัชทายาทเสียก่อน” ลี่ถิงเดินไปนั่งลงเพื่อปรุงยา ซือหรานมองอีกคนที่ไม่ใส่ใจตนเองเลยสักนิดจึงเดินตามานั่งลงข้างๆ
ก่อนจะใช้แขนเสื้อตนเช็ดเลือดที่มุมปากให้ลี่ถิง จนนางชะงักกับการกระทำของอ๋องผู้นี้ แต่ก็ยังปรุงยาต่อไป ผ่านไปเกือบชั่วยามลี่ถิงก็ปรุงเสร็จ
"วานท่านอ๋องเอายานี่ให้รัชทายาทดื่มทีเพคะ"
"แล้วเจ้าล่ะไม่ต้องใช้ยาหรือ"
"หม่อมฉันขอแช่น้ำสักครู่มินานก็คงดีขึ้นเพคะ รบกวนท่านอ๋องบอกคนเตรียมน้ำอุ่นให้ได้หรือไม่ ตอนนี้หม่อมฉันมิมีแรงเลยเพคะ ทั้งเหนื่อยทั้งหนาว" ลี่ถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ซือหรานวางถ้วยยาลงก่อนจะอุ้มอีกคนไปที่เตียง
“ท่านอ๋อง ต่อให้หม่อมฉันหลับก็ต้องพาลงแช่น้ำนะเพคะ ต้องเป็นน้ำอุ่นเท่านั้น อื้อ! หนาว” เพราะลมปราณที่มีกำลังแตกซ่าน จึงทำให้ลี่ถิงอาการแย่ลง
“รอข้าอยู่ตรงนี้” เขาเอ่ยบอกก่อนจะยกถ้วยยาออกไป ลี่ถิงหมดแรงที่จะต้านทานอีกคน จึงทำได้เพียงแค่หลับตาลงผ่อนคลาย
รอให้คนมาตามไปแช่น้ำเพื่อให้เลือดในกายไหลเวียนสะดวก ลมปราณจะได้ฟื้นคืนเร็วขึ้น ซือหรานรีบนำยาไปส่งให้พี่ชาย และกำชับให้ป้อนเอง เพราะมิอาจไว้ใจผู้ใดได้ ส่วนเขารีบออกคำสั่งให้คนของตนต้มน้ำเป็นการด่วน ก่อนจะรีบกลับมาหาคนที่นอนตัวสั่นจนริมฝีปากกระทบกันราวกับว่าอยู่บนเทือกเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม ร่างแกร่งโอบกอดอีกฝ่ายไว้อย่างหวงแหน
“ข้าอยู่ตรงนี้ จะมิยอมให้เจ้าเป็นอันใดทั้งนั้น” เขารู้ว่าคนที่ฝึกยุทธ์จนแข็งแกร่งเพียงนี้ต้องใช้เวลามากเพียงใด และลมปราณเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาชีวิต ต่างจากคนที่จับดาบธรรมดาทั่วไป ยามนี้ซือหรานกังวลเป็นอย่างมาก
เขาเกรงว่านางจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนทำให้เสียวรยุทธ ร้ายแรงกว่านั้นก็เสียสติหรือไม่ก็ตาย ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งกลัวว่าคนตัวเล็กในอ้อมกอดจะมิรอด แขนแกร่งกระชับขึ้นเมื่อนางมุดเข้าหาอกอุ่น ซึ่งยามนี้อ๋องหนุ่มเปลือยกายท่อนบน เพื่อใช้ไอ่อุ่นนี้รักษารอน้ำอุ่นที่คนของเขากำลังจัดการให้
“ดีขึ้นหรือไม่” เขาถามเสียงอ่อนโยน ซึ่งยามนี้ใบหน้าซีดเผือดของคนตัวเล็กเริ่มดีขึ้นแล้ว มือเรียวดึงผ่าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอนาง ยามนี้ลี่ถิงนั่งคร่อมอยู่บนตักเขาราวเด็กน้อยที่กำลังงอแง ซึ่งซือหรานก็ดูจะชอบใจเอามากๆ เพราะสองแขนเล็กกอดรัดเอวสอบเอาไว้ อย่างกับกลัวว่าเขาจะปล่อยนางเสียอย่างนั้น
“อืม อุ่นจังเลย” เสียงครางในลำคอดังขึ้นเบาๆ ทำให้คนตัวโตถึงกับยิ้มออกมา
#ได้จังหวะเชียวนะท่านอ๋อง ชิชิ!!!