12. อ๋องร้ายผู้อบอุ่น
ฮ่องเต้จัดการป้อนยาโอรสเรียบร้อยก็เดินมาดูอาการของคนที่รักษาหลงจื่อ พร้อมกับสนมหลิวพี่สาวของนาง แต่พอเห็นภาพเบื้องหน้าซึ่งอนุชาของตน นั้นถอดเสื้อมอบร่างกายอบอุ่นให้แก่สตรีตัวน้อยก็ถึงกับหน้าเสีย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะสนมหลิวเข้ามาพบเช่นกัน
“เอ่อ ดูท่าจบเรื่องนี้แล้วเราคงต้องจัดงานมงคลต่อเลยเจ้าว่าหรือไม่หลิวเฟย” ฮ่องเต้เอ่ยเสียงเบา
“เรื่องนี้ต้องถามความสมัครใจลี่ถิงเพคะ หม่อมฉันมิอยากบังคับนาง ลี่ถิงถูกกระทำมามากแล้ว” กุ้ยเฟยเอ่ยจบก็เดินกลับไปยังห้องบรรทมของรัชทายาท ฮ่องเต้จำต้องเดินตามไปทั้งที่ยังคงคาใจอยู่ แม้จะสงสัยกับท่าทีห่วงใยที่อนุชามีให้กับสตรีตัวน้อนย แต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยถามในยามนี้ เพราะหากสิ่งใดที่อนุชาเพียงคนเดียวทำแล้วมีความสุข
ตนก็ยินดีไม่คิดจะขัดขวาง เพียงแต่ก่อนนั้นซือหรานตั้งแงกับนางเหลือเกิน ไยถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เขามิอยากคิดยามที่นางตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษที่มักเอ่ยถ้อยคำหยามเหยียดจะเป็นเช่นไร
ซือหรานก้มลงมองเห็นว่าลี่ถิงหลับไปแล้ว คราแรกก็คิดจะปล่อยให้นอน แต่พอนึกถึงคำพูดที่นางเอ่ยก่อนนี้ จึงรีบอุ้มร่างที่ไร้สติไปลงน้ำในบ่ออีกห้องทันที
"เติมน้ำให้ร้อนกว่านี้เร็วเข้า! ลี่ถิง! ลี่ถิงตื่นสิ!" ซือหรานเอ่ยเรียกคนตัวเล็กที่ไร้สติมือไม้อ่อนปวกเปียกจนน่าตกใจ คราแรกคิดว่าลี่ถิงเพียงแต่หลับไปเท่านั้น นางกำนัลรวมทั้งองครักษ์ทั้งสองต่างรีบช่วยกันตักน้ำร้อนมาเติม จนน้ำในบ่อขึ้นไอจนคนปกติทั่วไปมิแช่กัน
ซือหรานกอดร่างที่ไร้สติไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับร้องเรียกชื่ออีกคนตลอดเวลา จนองครักษ์ทั้งสองต้องรีบสั่งให้นางกำนัลออกไปให้หมด
"ท่านอ๋องปล่อยให้ท่านหมอแช่น้ำสักพักเถอะ หากธาตุไฟเข้าแทรกอาจจะทำให้ถึงตายได้นะพะยะค่ะ"
"ข้าจะอยู่กับลี่ถิง เตรียมน้ำแกงบำรุงเอาไว้ด้วย หากลี่ถิงตื่นขึ้นมาจะได้มีอาหารไม่ต้องรอ พวกเจ้าออกไปรอข้างนอก มีอะไรข้าจะเรียกหาเอง" ซือหรานออกคำสั่งพร้อมกับนั่งเอาตัวให้อีกคนพิงไว้ น้ำที่ร้อนจนขึ้นไอทำให้ทั้งคู่เหงื่อออกมาจนเปียกชุ่มใบหน้า ซือหรานกระซิบที่ข้างหูของคนที่ยังมิได้สติ
"ตื่นขึ้นมาซะทีสิ ไยถึงนอนขี้เซาเช่นนี้ฮึ" เขาเอ่ยตำหนิมิจริงจังนัก ก่อนจะบีบแขนเล็กไปด้วย เพื่อให้เลือดไหลเวียนโดยง่าย ผ่านไปกว่าหนึ่งก้านธูป
“ตื่นสิ ถ้าเจ้ามิตื่นข้าจะจับเจ้ากินเสียตรงนี้”
"อื้อ ตื่นแล้ว จับหม่อมฉันกินคิดว่าจะอิ่มหรือเพคะ"ลี่ถิงเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา แต่เพียงเท่านั้นซือหรานก็เบาใจจนยิ้มออกมาแล้ว อ้อมแขนที่วางไว้หล่วมๆ กระชับแน่นขึ้น ซึ่งลี่ถิงเองก็รู้สึกแต่ก็มิคิดที่จะดิ้นหนี เพราะในใจนั้นรู้สึกอบอุ่นมากกับสัมผัสนี้
"ดีขึ้นบ้างหรือยัง" เสียงอ่อนโยนดังขึ้นข้างหู
"เพคะดีขึ้นแล้ว แต่ยังรู้สึกเหมือนร่างกายติดขัด คงต้องใช้เวลาอยู่ในน้ำอีกสักพัก ท่านอ๋องขึ้นไปเถอะเพคะ น้ำนี้ร้อนเกินกว่าจะแช่ หม่อมฉันใช้ลมปราณมากไป เลยทำให้เป็นเช่นนี้ หากทำให้ภายในร้อนจนขับพิษออกก็ดีขึ้นแล้ว"
"อืม แต่ข้าว่าข้ามีวิธีที่รวดเร็วนะ" ซือหรานเอ่ยขึ้น ก่อนจะนึกขันสีหน้าของคนตัวเล็กที่มองมา
“อย่างไรเพคะ หม่อมฉันร่ำเรียนมายังมิเห็นรู้เลยว่ามีวิธีที่เร็วกว่าแช่น้ำนี่ อ่ะ อะไรเพคะ อื้อ!” สิ้นเสียงหวานที่เจื่อปนความสงสัยนั้นจบลง
เมื่อถูกคนตัวโตรั้งใบหน้าให้หันมา คำตอบที่อีกฝ่ายบอกมานั้นกลับมิมีเสียง แต่เป็นการกระทำวาบหวามที่เขามอบให้ ลิ้นอุ่นชื้นสอดแทรกเข้าไปควานหาความหวานละมุนอย่างที่มิเคยทำมาก่อน
มือเรียวของอ๋องหนุ่มรั้งเอาร่างเล็กให้หันมานั่งคร่อมตักเขา อีกข้างก็รั้งท้ายทอยนางให้แหงนขึ้นมารับจูบดูดดื่มที่เขากำลังมัวเมา นั่นมิเท่าที่อีกฝ่ายคล้อยตามและตอบโต้ราวกับคนรู้งานมาก่อน แต่ซือหรานก็หาได้สนใจไม่ เขาชอบที่อีกฝ่ายเป็นเช่นนี้ และมากไปกว่านั้นคือคนตัวเล็กโอบรอบคอเขาเอาไว้เช่นกัน
“อื้อ! อ๊า!” เสียงจากลำคอหนาของอ๋องหนุ่มดังขึ้น เมื่อช่วงล่างคนตัวเล็กเสียดสีกับท่อนลำใหญ่ของเขาที่มันแข็งขืนขึ้นมา แต่เหมือนอีกฝ่ายจะได้สติ จึงรีบผลักตนเองออกจากอ้อมกอดนี้ แล้วหันหลังให้เขา ความเงียบปกคลุมทั้งคู่อยู่เนิ่นนาน จนเป็นซือหรานที่ทนต่อความอึดอัดนี้มิไหว มือเรียวสอดเข้าเอวเล็กก่อนจะรั้งนางให้มานั่งพิงอกแกร่งเช่นเดิม แม้อีกฝ่ายจะดิ้นหนีแต่เขาก็มิยอมปล่อย
“อย่าดื้อนะลี่ถิง ข้าจะไม่รังแกเจ้าอีก” เขาเอ่ยบอกก่อนจะซบลงที่ไหล่เล็ก ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับนิ่งไป เนิ่นนานที่ทั้งคู่อยู่แบบนี้โดยที่ซือหรานก็มิได้ล่วงเกินอันใดคนตัวเล็กอีก จนกระทั่งนางเอ่ยบอกว่าดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงเป็นฝ่ายลุกออกจากบ่อแช่น้ำนี้เอง
“ข้าให้คนเตรียมอาหารไว้ให้แล้ว เจ้ารีบขึ้นแต่งตัวเถอะ แช่นานไปจะจับไข้เสียเปล่า” เขาเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกมา เมื่อเห็นว่านางมิเอ่ยตอบสิ่งใดเลย ร่างสูงของอ๋องหนุ่มเดินออกไปพ้นห้องแล้ว ลี่ถิงถอนหายใจออกมาทันที
“เห้อ! อะไรกันเนี่ยะ ทำไมเราถึงมาเคลิ้มกับอีตาอ๋องปากร้ายนี้ได้ แกเป็นผู้ชายนะตงลี่ ถึงตอนนี้จะอยู่ในร่างผู้หญิงก็เถอะ ทำไมถึงไปจูบกับเขาแบบนี้ได้วะ” เสียงก่นว่าตนเองดังขึ้น แน่นอนว่ามันต่างจากคนทั่วไปยามที่นางเอ่ยออกมา
เพราะอันที่จริงแล้วลี่ถิงเจ้าของร่างนั้นตายไปตั้งแต่แปดขวบแล้ว ผู้ที่อยู่ในร่างนี้คือตงลี่ หนุ่มหล่ออดีตบาร์โฮสต์ในยุคปัจจุบัน ที่ถูกเพื่อนหมั่นไส้ผลักตกลงบ่อน้ำในช่วงที่กำลังถ่ายปกโฆษณาร้าน
ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับจวนท่านราชครูในสมัยนี้ และเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ฮูหยินเล็กคิดกำจัดลี่ถิงซึ่งอยู่ในวัยแปดขวบพอดี ทำให้วิญญาณที่อยู่ต่างภพมาเจอกัน แต่เด็กน้อยมิต้องการกลับไปทนทุกข์เช่นเดิม จึงเอ่ยปากกับผู้ที่หลุดเข้ามายังยุคอดีต ตงลี่ที่หาทางกลับไม่ได้เลยจำต้องอาศัยร่างเด็กน้อยคนนี้อยู่ต่อ
“เอาไงล่ะ ต่อไปจะมองหน้ากันยังไง ตอนอยู่ในยุคปัจจุบันถึงจะเคยถูกผู้ชายจ้างให้ไปกินข้าวด้วยฟิวแฟน แต่ก็แค่จับมือกันเท่านั้น ยังไม่เคยถึงขั้นนี้เลย เอ๋! หรือว่าเราจะชอบผู้ชายไปแล้ว หือ! ไม่จริงน่า อาจเป็นเพราะร่างนี้แหละมั้ง ก็ลี่ถิงเป็นผู้หญิงนี่ ยังไงก็ต้องแต่งงานกับผู้ชายอยู่แล้วไหม เราจะคิดมากทำไม เห้อ!”
เพราะเรื่องราวที่เกิดมันทำให้ตงลี่เกิดคิดมากขึ้นมา แม้จะอยู่ในร่างนี้มาสิบปีแล้วก็เถอะ แต่เพราะเป็นอิสระเวลาที่อยู่บนเขา เลยทำให้นิสัยเขาคือตงลี่ไม่ใช่ลี่ถิง
ทุกอย่างมันเลยดูสวนทางกัน แต่คนบนเขาก็คุ้นชินดีเพราะอยู่กันมานาน ต่างจากคนในเมืองหลวงที่เห็นนางคราได้ก็เอ่ยแต่คำครหาให้ได้ยิน
เพราะมัวแต่นั่งครุ่นคิดเรื่องที่เกิดเลยทำให้ลี่ถิงยังคงนั่งอยู่ในบ่อ สุดท้ายคนที่ออกไปนานจนแต่งกายเสร็จก็เดินกลับเข้ามาเพราะเป็นห่วง
“ไยถึงมิขึ้นจากน้ำอีก หรือรอให้ข้ามาอุ้ม” ซือหรานเอ่ยถามเสียงเรียบ ทำให้ได้เจอกับนัยน์ตาสวยที่ค้อนขวับเข้าให้ ทำเอาเขาอดที่จะยิ้มเอ็นดูคนตัวเล็กที่ยามนี้หน้าตาสดใสขึ้นแล้ว เขายื่นมือเพื่อให้นางจับ แต่สายตากลับเลื่อนลงมายังเนินเขา ซึ่งยามนี้เนื้อผ้าสีขาวที่นางสวมใส่นั้น มันเผยให้เห็นผิวขาวเนียนและตุ่มไตสีแดงที่กำลังตั้งชันอยู่
“คนลามกใจสกปรกออกไปเลยนะ อีตาอ๋องบ้า” นางตำหนิต่อว่าอีกฝ่ายทันที ทำเอาซือหรานถึงกับทำหน้ามิถูก เขารีบหันหนีทันควัน ก่อนจะดึงผ้าที่พาดอยู่ส่งให้
คนตัวเล็กยามนี้แก้มแดงเป็นลูกตำลึง เพราะเกิดกระดากอายขึ้นมา
แม้คนที่อยู่ในร่างนี้จะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่เขาก็อาศัยอยู่มานับสิบปีแล้ว อย่างไรเสียกิริยาบางอย่างของสตรีมันก็ต้องมีอยู่แล้ว อย่างอาการที่เกิดขึ้นมักจะเป็นเวลาอยู่ใกล้อ๋องซือหราน ซึ่งยามเข้าใกล้บุรุษอื่นลี่ถิงก็มิเคยจะแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาเลย
“รีบแต่งตัวเถอะ หลงจื่อฟื้นแล้วอยากพบเจ้า” คนตัวโตเอ่ยบอก ก่อนจะเดินออกไปรออยู่ด้านนอก โดยที่อีกฝ่ายมิรู้เลยว่ายามนี้อ๋องร้ายกำลังยิ้มอย่างมีความสุข
“ชิ! ให้คนอื่นมาบอกก็ได้ไหม ยังอุตส่าห์เข้ามาตอดเล็กตอดน้อยอีก วอแวมากๆ เดี๋ยวจับทำผัวซะเลย” เสียงหวานเอ่ยออกมาก่อนจะมุ้ยปากใส่บานประตูที่ปิดอยู่ด้วย เพราะมองเห็นเงาของคนที่พึ่งเดินออกไปอยู่ด้านนอก นางขึ้นจากน้ำแล้วรีบเดินทะลุกลับไปยังห้องที่อยู่ติดกัน เพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ที่พี่สาวเป็นคนจัดหามาให้
โดยมีนางกำนัลรออยู่ก่อนแล้ว จึงใช้เวลามินานนักเพียงแต่รอให้ผมแห้งเท่านั้น ร่างเล็กที่แต่งกายด้วยชุดสีฟ้าอ่อนลวดลายสวยงามผูกรอบอก ตัดกับสีขาวพริ้วไหวที่ใช้สวมทับ เพื่อมิให้ดูเปิดเผยจนเกินไป ช่างขับกับผิวพรรณผุดผ่องของนางดีเหลือเกิน ริมฝีปากอิ่มถูกแต่งแต้มเล็กน้อยให้มีสีสัน ขนตางอนและดวงตากลมโตยิ่งน่ามอง
“คุณหนูสวยน่ารักมากเลยเจ้าค่ะ ข้าอยากมีบุตรงามเช่นนี้บ้างจัง” นางกำนัลเอ่ยชมทุกครายามแต่งกายให้ลี่ถิง
“ข้าว่าเจ้าหาคนมาแต่งด้วยให้ได้เสียก่อนเถอะ ค่อยคิดจะมีบุตรน่ารักเช่นคุณหนู” อีกคนก็ตอบกลับทันที ทำให้คนที่ถูกชมถึงกับยิ้มแห้งออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ข้างนอกคงรอข้านานแล้ว ไปก่อนนะ” นางเอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องไป สองนางกำนัลจึงรีบเดินตามทันที เพียงแค่ประตูเปิดก็พบเข้ากับอ๋องซือหรานที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขามองคนตัวเล็กก่อนจะทำหน้านิ่งใส่
ทำเอาลี่ถิงอดแปลกใจมิได้ เพราะดูเหมือนว่าเขาจะมีท่าทีเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก จนตอนนี้นางอดคิดมิได้ว่าเขาคงเสียใจที่ทำเรื่องเช่นนั้นลงไป เพราะก่อนนี้คนตัวโตเหยียดหยามตนไว้มาก หากจะกลืนคำพูดตนเองเขามิมีทางทำมันเป็นแน่ พอคิดเองเสร็จสรรพลี่ถิงก็เลิกใส่ใจ
ต่างจากอีกคนที่มองตามร่างเล็กเดินไปยังห้องบรรทมของหลานชาย ที่เป็นแบบนี้เพราะซือหรานยังจำภาพเนินเขาได้ติดตามิอาจลืม มันเลยทำให้อ๋องหนุ่มต้องพยายามเก็บอาการเอาไว้อย่างหนัก เพื่อไม่ให้หลุดสายตามองจ้องสิ่งที่เขาอยากเห็นมันอีกครั้ง