บทที่ 15 ไม่งั้นก็มอบนางให้ข้า
อาวุธลับข้างหน้าถูกดึงกลับไปแล้ว จากนั้นด้านหน้าก็มีแสงรำไรสว่างขึ้น ทำให้ห้องนี้สว่างขึ้นมา
แต่เมื่อหยุนฉือเงยหน้ามองไปก็ต้องหายใจเข้าเฮือก
ตรงหน้านั้นเป็นชายที่กึ่งหมอบกึ่งนั่ง แวบแรกที่เห็นยังนึกว่าเป็นคนแคระ แต่เมื่อดูชัดแล้วถึงพบว่าเขาไม่ใช่ แต่ไม่มีขาสองข้างต่างหาก! ไม่สิ! กระดูกขายังมีอยู่! หนวดเคราเขาคลุมปากและคาง ผมยาวเป็นสังกะตัง ในนั้นยังเหมือนมีแมลงมุดเข้ามุดออก ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เสื้อผ้าปุขาดราวกับเศษผ้าคลุมร่าง ส้นเท้าเชื่อมติดกับกระดูกขาวสองท่อน พื้นดินที่เขาหมอบอยู่ตรงนั้นเป็นสีดำปนน้ำตาลเข้ม ราวกับเคยเปื้อนเลือดมาก่อน
รอบตัวเขามีเศษกระดูกจำนวนหนึ่ง ดูแล้วเหมือนจะเป็นกระดูกหนู กระต่าย งูอะไรพวกนั้น ที่อยู่ในมือเขาเป็นตะขอกระดูกสามชิ้นที่ใช้เชือกมัดไว้ ตะขอกระดูกนั้นมีคราบเป็นจุดๆ เหมือนรอยเลือดที่แห้งแล้ว ปลายสุดแหลมคม ริมทั้งสองขัดจนเป็นตะขอ มัดติดกับเชือก และปลายของเชือกก็พันอยู่ที่มือเขา
เขาผอมจนนอกจากหนวดเคราแล้วก็เห็นแต่ดวงตาเป็นโพรง เบ้าตาบุ๋มลึก ลูกตาไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีน้ำตาลปนเทา และเวลานี้กำลังจ้องพวกเขาเขม็งอยู่
แววตาเขาเต็มไปด้วยโลภ มองพวกเขาราวกับผีหิวโหยที่เห็นเนื้อ
หยุนฉือขนลุกซู่
นางเข้าใจทันที ว่าอาวุธลับเมื่อครู่ต้องเป็นตะขอกระดูกสามชิ้นในมือเขาแน่! ขอเพียงโดนเข้าก็ต้องถูกลากเข้าไป จากนั้นก็กลายเป็นอาหารของเขา!
เชือกตะขอกระดูกไม่ยาวมาก ดังนั้นแค่พวกเขาเว้นระยะ อีกฝ่ายก็จะโจมตีไม่ได้ ทั้งเขาก็ไม่มีขา จะคลานขึ้นหน้าก็ทำได้ช้ามาก
“เชี่ย!”
นางโพล่งคำหยาบออกมาเบาๆ แล้วสั่นสะท้าน
ที่นี่เป็นถ้ำใต้ดินทรงกลม ผนังเรียบมัน สีดำ มองไม่ออกว่าเป็นวัสดุอะไร นอกจากนี้ก็มีรูสองสามรูที่อยู่ขอบๆ ขนาดประมาณต้นขาของนาง คนมุดออกไปไม่ได้แน่
ไม่มีประตู ไม่มีถนน
เมื่อกี้พวกเขาน่าจะตกลงมาจากข้างบน
หยุนฉือตื่นตระหนกสุดขีด หากที่นี่มีทางออก ชายคนนี้ก็คงไม่ถูกขังมานานขนาดนี้ ดูจากสภาพแล้ว เขาต้องถูกขังมาไม่น้อยกว่าสามปี
แต่พอมองไปอีกที นางก็รู้สึกคลื่นไส้
หยุนฉือฉุกคิดถึงจี้ชางหลิง อยากหันกลับไปดูสภาพการณ์เขา แต่กลับพบว่าแม้แต่แรงจะหันหน้าก็ยังไม่มี มือที่โอบเอวนางอยู่ผ่อนแรงลงแล้วก็แน่นขึ้นอีก
“แคกๆ เจ้าหนุ่ม เจ้าถูกแทงด้วยกลไกอาบยาพิษแล้ว ถ้ายังหิ้วแม่สาวน้อยที่ถูกพิษดอกหมีเถียนอีกก็รังแต่ถ่วงแข้งถ่วงขา ไม่สู้โยนนางมาให้ข้าดีกว่า ข้าจะชี้ทางออกให้เจ้า?”
แม้ในใจจะรู้สึกว่าเขาน่าขยะแขยงมาก แต่หยุนฉือก็ยังยิ้มหวานออกไป
“เหอะๆๆ เจ้าคิดว่าเขาโง่หรือยังไง? ถ้าเจ้ารู้ทางออกแล้วทำไมไม่ไปซะล่ะ ยังมาติดแหง็กอยู่นี่จนเหมือนคนไม่ใช่ ผีไม่เชิงอยู่ทำไม?”
“แปลกเหรอ? ตอนที่ข้าตกลงมาขาหัก แถมที่นี่ก็มีกลไกอยู่ ถ้าข้าขยับก็ต้องตาย ก็เลยจำใจติดอยู่ที่นี่ ไม่เห็นเหรอว่าข้าไม่เข้าไปหา? ก็มันไปไม่ได้นี่” ขณะที่ชายผู้นั้นพูด ในลำคอก็ราวกับมีหินกระดกอยู่ น้ำเสียงแหบๆ หยาบกร้าน ไม่น่าฟังสุดๆ เขาจ้องหยุนฉือไม่ละสายตา แล้วยังแลบลิ้นออกมาเลียแผล็บๆ แสดงออกว่าอยากกินนางเสียเดียวนี้
หยุนฉือรู้สึกว่าถูกจ้องด้วยสายตาอย่างนี้แล้วท้องไส้ก็ปั่นป่วน