ตอนที่8ไร้ช่องโหว่
ม่านราตรียังคงคลี่คลุมห่มนภากว้าง ดวงดาราพราวพร่างส่องแสงสีนวลไปทั่วบริเวณ
ท่ามกลางความมืดมัวสลัวราง หลังพุ่มไม้ห่างออกมาทางฝั่งประจิมนอกเรือนพักส่วนพระองค์ของรุ่ยอ๋อง พลันปรากฏเงาร่างกลุ่มคนในอาภรณ์สีดำสนิทปกปิดใบหน้ามิดชิด มีสุ้มเสียงทุ้มห้าวของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าสั่งให้เจ้าคอยจับตาดูสถานการณ์เงียบๆ เพียงแค่ลอบติดตามสาวงามที่ถูกคัดเลือกปรนนิบัติ รอจังหวะเผลอไผลเข้าจู่โจมเท่านั้น เหตุใดจึงเสนอตัวไม่ทราบ?”
ซวงอี๋ที่ยามนี้อยู่ในอาภรณ์สีดำปิดบังใบหน้าเผยเพียงดวงตาเช่นกันเอ่ยตอบอย่างระมัดระวัง
“เรียนท่านหัวหน้า ในบรรดาสาวงามทั้งหมด มีสตรีนามว่าเย่เสียที่เก่งกาจที่สุด สะคราญโฉมที่สุด ทว่านางกลับปฏิเสธเสียงแข็ง จะอย่างไรก็ไม่ยอมเข้าหารุ่ยอ๋อง ข้าจึงเกรงว่าแผนการของพวกเราจะมีปัญหาจึงเสนอตัวอย่างหวังดีเจ้าค่ะ”
บุรุษคนเดิมแค่นเสียงเย็นชา “เฮอะ! มิใช่ว่าเจ้าบังอาจหลงรักปักใจรุ่ยอ๋องผู้นั้นกระทั่งต้องการเข้าหาด้วยตัวเองรึ?”
ซวงอี๋ลอบกลอกตาแวบหนึ่งอย่างเอือมระอา ในใจพลันนึกถึงเมื่อครั้งที่เคยแอบเห็นรุ่ยอ๋องปลดหน้ากาก
เขารูปงามมาก หล่อเหลาปานนั้น จนนางเก็บไปฝันทั้งคืนวัน ทำอย่างไรก็ลืมไม่ลง คิดว่าก่อนสังหารเขาให้ตายตก มิสู้ขอเสพสมอย่างมีความสุขกับเขาก่อนสักหลายรอบถึงจะนับว่าคุ้มค่าที่เสียเวลาปลอมตัวเป็นคณิกามานาน
ระหว่างคะนึงยังเอ่ยปากแก้ตัวด้วยเส้นเสียงหนักแน่น
“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า แม้ร่างกายข้าเปื้อนราคี แต่ใจภักดีของข้าย่อมเป็นของท่านหัวหน้าเท่านั้น”
เมื่อได้ยินวาจาน่าฟัง ชายร่างใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าจึงคลายโทสะลง ความหวาดระแวงต่อเสน่หาล้ำเลิศของถังไห่เฉิงที่อาจทำให้ซวงอี๋ตกบ่วงจนดวงตามืดบอดพลันตกไป แผนการล้มเหลวเพราะบังเกิดรักปักใจต่อศัตรูย่อมไม่เกิดขึ้น
เขาไม่เอ่ยสิ่งใดอีก เพียงพากลุ่มคนซุ่มดูสถานการณ์ภายในเรือนพักของรุ่ยอ๋องตรงหลังพุ่มไม้ต่อไป
คนผู้นี้มีนามว่าต้าเจิง เป็นมือสังหารระดับพระกาฬจากต่างแคว้นที่ระรานต้าถังมาช้านาน
เขาได้รับพระบัญชาจากจักรพรรดิแคว้นจ้าว ให้ปลอมตัวเข้ามาเป็นทหารประจำค่ายชายแดนแห่งนี้
จากตำแหน่งพลทหารเล็ก ๆ กระทั่งได้เป็นหัวหน้าดูแลเรือนพัก ได้รับสิทธิ์จัดการความสำราญให้เหล่าทหาร หนึ่งในขั้นตอนตัดทอนกำลังกองทัพ ทว่าเรื่องกลับยากเย็นแสนเข็น มิอาจลงมือได้ง่ายโดยไร้ช่องโหว่ การกระทำใด ๆ ยังต้องใจเย็น
ตัวเขาต้องแสร้งแย้มยิ้มโง่งม ทำตามหน้าที่ด้วยหวังดีต่อทุกคน ประจบเอาใจอย่างเปิดเผย ยังผลให้รอดตัวได้ทุกครั้ง
เมื่อรุ่ยอ๋องถังไห่เฉิงเดินทัพมาพำนัก นับว่าเป็นโอกาสอันเหมาะเจาะ อาศัยจังหวะที่มีสาวงามมากมายจากหอเหินหย่าเข้ามาให้ความสำราญแก่เหล่าทหาร เขาจึงใช้ตำแหน่งหัวหน้าถือวิสาสะส่งสาวงามให้ถึงเรือนส่วนพระองค์
ซวงอี๋ซึ่งเป็นคนของเขายังปลอมตัวเป็นคณิกาเนิ่นนาน เคยส่งไปแล้วกลับถูกไล่ออกมาไม่ต่างจากหมูตัวหนึ่ง
เขาจึงต้องเปลี่ยนแผนใหม่ โดยการรอจังหวะที่ผู้คุมหอส่งสาวงามคนอื่นที่มีฝีมือฉกาจด้านปรนนิบัติบุรุษไปแทน แล้วเฝ้ารอจังหวะเข้าจัดการในลำดับต่อไป
ช่วงเวลาแห่งการไต่บันไดสวรรค์ ชายใดบ้างไม่เผลอไผล
อาศัยจังหวะนั้นบนเตียงอุ่นยามร้อนรุ่มเร่งเร้าเอาแต่จะเสพสมอารมณ์กระสันคงไม่ยากหากจะลงมือสังหาร
นี่มิใช่ครั้งแรกที่เขากระทำ แต่ทุกครั้งกลับไม่เป็นผลเพราะรุ่ยอ๋องต้าถังไล่สาวงามออกมาอย่างโหดร้ายไร้หัวใจ
ระหว่างครุ่นคิดถึงความพยายามและความผิดหวังมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ยังไม่เข็ดเลยสักครา ต้าเจิงยังสังเกตการณ์เรือนพำนักส่วนพระองค์ต่อไป
เวลาล่วงเลยผ่านไปครู่ใหญ่...
ต้าเจิงสังเกตได้ว่าคณิกาที่ทางหอเหินหย่าส่งมาในคืนนี้ยังไม่ถูกไล่ออกมาเหมือนทุกครา
อา...ในที่สุด
หัวหน้ามือสังหารให้นึกลำพองใจเมื่อท้ายที่สุดความพยายามที่ผ่านมาไม่สูญเปล่า
รุ่ยอ๋องผู้เย็นชาแข็งแกร่งดุจศิลา ตกบ่วงสตรีจนได้!
ชั่วจังหวะยิ้มย่อง ต้าเจิงได้ยินซวงอี๋ถามขึ้นอย่างสงสัยว่า
“เหตุใดคืนนี้รอบเรือนรุ่ยอ๋องเงียบเชียบผิดปกติเหลือเกิน ท่านหัวหน้ามีการเปลี่ยนแผนอันใดหรือไม่?”
ต้าเจิงแค่นเสียงเย็น “ย่อมเป็นเช่นนั้น ลอบสังหารครานี้อาศัยยามที่จักรพรรดิเทียนเป่ยกำลังโกรธาเพราะพ่ายศึก จักรพรรดิจ้าวจึงส่งมือสังหารฝีมือฉกาจตามมาสมทบจนหมดสำนัก ใช้โอกาสช่วงนี้ที่ทหารต้าถังยังบาดเจ็บพักรักษาตัวพวกเรากับกองหนุนย่อมเด็ดหัวรุ่ยอ๋องแห่งต้าถังได้อย่างง่ายดาย โยนความผิดให้เทียนเป่ยจนสิ้น ยิงธนูเดียวได้เหยี่ยวถึงสองตัว”
จบคำก็โบกมือเบาๆ เป็นสัญญาณให้ทุกคนเคลื่อนกายว่องไว เกิดเป็นเงาดำวูบไหวสายหนึ่งไปตามพุ่มไม้
ซวงอี๋ที่ตามติดแผ่นหลังของหัวหน้าพยายามสอดส่ายสายตาอำมหิตมองไปทางเรือนด้านใน
นางอยากเห็นรุ่ยอ๋องกับนังคณิกาคนใหม่ไม่ประสานั่น ไม่ว่าพวกเขาพากันขับเคลื่อนเริงรักถึงชั้นฟ้าด้วยท่วงท่าลีลาใด นางจักเด็ดหัวสตรีก่อนเป็นอันดับแรก หึ!
เมื่อต้าเจิงพามือสังหารทั้งหมดมาทางเรือนพักฝั่งหนึ่งจึงสำรวจรอบทิศตามวิสัย เขาได้เห็นทหารยามนอนสลบเหมือดกันหมดทุกราย ก็เข้าใจได้ว่าคงเป็นฝีมือของกองหนุน
ต้าเจิงเพ่งสายตาฝ่าความมืดมัวไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับเรือนพักแห่งนี้ เห็นมีพวกเดียวกันเคลื่อนกายวูบไวไม่ไกล
ริมฝีปากบุรุษใต้ผ้าสีดำพลันยกยิ้มเย็นเยียบ ดวงตาสาดประกายชั่วร้ายอย่างสาสมใจ
กองหนุนที่ส่งมา สามารถจัดการทหารยามได้เยี่ยงนี้ ศีรษะอันสูงค่าของรุ่ยอ๋องจะไปไหนเสีย หึหึ!
ระหว่างครุ่นคิดยังยกสัญญาณมือขึ้นเพื่อส่งให้พวกพ้อง ความหมายคือ เยี่ยมยอด พวกเจ้าทำได้ดี ไม่เสียทีที่ถูกส่งมา
คนชุดดำอีกฝั่งเห็นฝ่ามือของต้าเจิงจึงตอบสัญญาณมือชื่นชมกลับมาว่าเยี่ยมยอดเช่นกัน
ในความหมายนั้นพวกเขาล้วนเข้าใจว่า เหล่าทหารยามที่สลบไสลมิได้สติ คงเป็นฝีมือของต้าเจิงแน่นอน
มือสังหารทั้งหมด ต่างฝ่ายต่างคิดว่าบรรดาทหารยามรอบเรือนพักที่นอนแผ่แน่นิ่งประหนึ่งตายจากทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของพวกเดียวกัน
พวกเขาร่วมแรงแข็งขันลากทหารยามทั้งหมดไปกองรวมกันยังมุมมืดฝั่งหนึ่ง จับพวกมันเปลื้องผ้าสลับเครื่องแต่งกาย จากนั้นแบ่งคนปลอมตัวเป็นทหารยามยืนเฝ้ารอบทิศ
เมื่อสำรวจนอกเรือนจนมั่นใจว่าทางโล่งลงมือสบายยิ่ง จึงพากันมาสมทบแล้วกระจายตัววูบวาบเข้าเรือนพักด้านใน
พวกเขาเป็นนักฆ่าที่เก่งกาจ มากฝีมือ มีวิทยายุทธสูงส่ง เคลื่อนกายวูบไหวเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง แม้แต่ใบไม้ยังไม่ขยับ พริบตาเดียวก็เข้าเรือนพักพร้อมกลิ่นอายสังหารเข้มข้น
ด้านนอกยามนี้เงียบสงัดคล้ายกับไม่มีสิ่งใดผิดปกติเกิดขึ้นทั้งสิ้น