ตอนที่7เพียรศึกษา2
ทันใดนั้น บุรุษหนุ่มพลันตระหนักได้ว่า การที่นางเข้ามาในห้องหับที่ปิดสนิทได้ ย่อมไม่ธรรมดา กระทั่งเขาที่มีสัมผัสฉับไว ยังจับกระแสได้ช้า และทหารกล้าหน้าเรือนคงไม่เหลือรอดแล้ว
แน่นอนว่าต่อให้เป็นปีศาจจากปรโลก ถังไห่เฉิงก็หาได้กลัวเกรงอันใดไม่ นับประสาอะไรกับสตรีผู้หนึ่ง
เมื่อฝ่ายหนึ่งหายตัวไป อีกฝ่ายจึงระวังภัยเป็นพิเศษ
ห้องอาบน้ำเงียบงันไร้สุ้มเสียง รอบด้านยิ่งนานยิ่งวังเวง
ร่างสูงใหญ่ปานหินผายืนตระหง่านอยู่กลางห้องกว้าง กล้ามเนื้อตึงแน่นแผ่ซ่านขุมพลังที่สะสมเอาไว้มากมาย เรือนผมปล่อยสยายเต็มบ่ากว้างถึงกลางหลัง ปลายผมล้อมรอบกรอบหน้าคมคาย มองมาคล้ายจอมมารในร่างเทพเซียน
หยดน้ำที่หยาดรินไม่ขาดสายทำชุดคลุมแนบไปกับลำตัว ถังไห่เฉิงจึงเอื้อมมือกระชับสายรัดเอวให้แน่นขึ้นอย่างระแวง กวาดสายตาคมปลาบมองรอบทิศ แผ่กลิ่นอายสังหารเข้มข้นจนข่มขวัญลี่เซียนได้สำเร็จ
หญิงสาวถึงกับหายใจเฮือก สะกดลมปราณได้ยากเย็น หัวใจเต้นแรงแทบทะลุอก
เทพสงครามอย่างอ๋องทมิฬย่อมมีปฏิกิริยาฉับไวเหนือชั้น ถังไห่เฉิงจับการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ทันที
ร่างแกร่งพุ่งปราดไปยังทิศทางนั้น จับกระชากร่างนุ่มออกมาจากหลังฉากกั้น บีบไหล่กลมมนอย่างไม่มีออมแรง
“อ๊ะ!”
ลี่เซียนทำได้แค่อุทานเสียงหวาน นางหลบไม่ทันอีกแล้ว
ถังไห่เฉิงยังคงแผ่ซ่านปราณอันตราย ร่างใหญ่เคลื่อนประชิดร่างเล็กอย่างดุดัน ผลักนางกระแทกผนังเสียงดังพลั่ก
“อ่ะ!”
หญิงสาวหลุดเสียงโอดครวญ เจ็บแปลบไปทั้งร่าง
ฝ่ามือหยาบกระด้างเลื่อนจากไหล่บางขึ้นมา ใช้เรียวนิ้วที่ไม่ต่างจากกรงเล็บเหยี่ยวบีบลำคอระหงไม่มีปราณี
ใบหน้าคมคายก้มต่ำ ใช้สายตาสาดประกายคมกริบดุจมีดดาบจ้องมองอย่างกดดันข่มขวัญ แผงอกหนายิ่งบดเบียดจนร่างนุ่มถูกอัดแน่นติดตรึงกับกำแพงห้อง
แม่นางน้อยเจ็บปวดจนร้องมิได้ อึดอัดจนหายใจไม่ออก เรือนร่างถูกกดทับจนขยับเขยื้อนอย่างยากลำบาก
ตำแหน่งเนื้อนวลที่ถูกบีบเค้นรัดรึงรับรู้ได้ว่าบุรุษร่างใหญ่ออกแรงที่นิ้วราวคมเขี้ยวเหล็กไหล หมายกระชากกันให้เลือดสาด นางจึงทำตัวเองให้หายไปอีกครั้ง
เมื่อฝ่ามือสัมผัสได้เพียงอากาศอันว่างเปล่าอีกครา แววตาบุรุษพลันไหววูบประหลาดใจอีกคำรบ
ถังไห่เฉิงรับรู้ได้ว่าสตรีผู้บุกรุกไม่มีวรยุทธ์
ยามเขาพุ่งประชิดตัวนาง ท่าทางนางอ่อนแอบอบบาง บ่งบอกว่าไร้ความสามารถชั้นเชิงการต่อสู้ กระทั่งไม่อาจออกกระบวนท่าป้องกันตัวเองได้ด้วยซ้ำ
หากแต่พลังวัตรกลับเหลือร้าย
ปราณแยกผสานกายหยาบยิ่งเหนือชั้น
ฝีมือระดับนี้นับว่าอันตรายนัก
ชายหนุ่มหรี่ตาส่งเสียงเย็นเยียบถามอย่างเย็นชาว่า
“เจ้าเป็นใคร? เป็นนางมารจากสำนักใด? มีเป้าหมายอะไรกันแน่?”
หากมิได้มาฆ่า ย่อมต้องมาเจรจาแบ่งสรรปันส่วนเพื่อเป้าหมายสูงค่า ภูมิหลังย่อมสำคัญ
แม้ยังงุนงงไม่เข้าใจอันใด แต่วาจายาวเหยียดเช่นนั้นยังผลให้ลี่เซียนตัดสินใจปรากฏกายออกมาในที่สุด
นางยืนอย่างระมัดระวังอยู่ทางฝั่งหนึ่งของห้องอาบน้ำ
ดวงหน้าจิ้มลิ้มเอียงน้อย ๆ ใช้ดวงเนตรกระจ่างใสดุจดาราเบิกราตรีจ้องมองบุรุษร่างใหญ่ที่กำลังแผ่กำจายกลิ่นอายมัจจุราชเข้มขลัง
หญิงสาวมองถังไห่เฉิงตรงๆ กะพริบตาปริบๆ ส่งเสียงหวานๆ ตอบอย่างใสซื่อว่า
“ข้ามีนามว่าลี่เซียนจากหอเหินหย่ามาปรนนิบัติท่าน ทว่า ‘ของจริง’ ที่เห็นกับในตำราทำข้าแปลกใจนัก ทั้งใหญ่โตแลดูทรงพลัง ทำให้ข้าต้องศึกษาให้มาก”
นับเป็นคำตอบที่ตรงกับคำถามอย่างที่สุดสำหรับลี่เซียน ทว่ากลับไม่เกี่ยวกันเลยกับเหตุการณ์ยามนี้สำหรับถังไห่เฉิง
แม่นางน้อยกล่าวจบยังเลื่อนดวงตากลมโตลงต่ำ
มองเบื้องล่างบุรุษ
อีกครั้งที่เรียวคิ้วคมต้องกระตุก ถังไห่เฉิงหรี่ตาคำรามเสียงเหี้ยม
“อย่าบังอาจเล่นลิ้นกับข้า”
ลี่เซียนได้ยินพลันเบิกตากว้าง นางคุ้นๆ กับประโยคเกี่ยวกับการเล่นลิ้นอยู่บ้าง ขอเปิดอ่านก่อน…
ดวงหน้าเล็กก้มลงมองตำรารัญจวนที่ยังอยู่ในมือตน
นางจำได้ดีว่าอยู่หน้าใด เปิดครั้งเดียวก็เจอเลย
เนตรงามกวาดมองภาพวาด ‘เล่นลิ้น’ ระหว่างชายหญิงแวบหนึ่ง ก่อนล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ หยิบตลับขี้ผึ้งหอมออกมา แล้วบรรจงทากลีบปากตนเอง
เย่เสียเป็นคนมอบขี้ผึ้งนี้ให้ด้วยหวังดี ยังบอกอีกว่าหอมหวนยวนใจ ชายใดได้สัมผัสผ่านปลายลิ้นร้อนชื้นดูดดื่มดุดัน สูดกลิ่นผ่านปลายจมูกโด่งสันข้างแก้มนุ่มนิ่ม
ย่อมโปรดปรานแน่นอน…
ร่างสูงนิ่งขึงตึงเครียด สีหน้าเย่อหยิ่งเย็นชา ดวงตาคมดำมองทุกปฏิกิริยานั้นอย่างไม่ไว้วางใจ
ลี่เซียนทาเสร็จก็รีบเก็บเข้าอกเสื้อเช่นเดิมอย่างหวงแหน พลางเม้มปากเบาๆ เกลี่ยขี้ผึ้งจนทั่วกลีบปากสีชมพูนุ่มฉ่ำ นำความชุ่มชื้นน่ากดจูบอย่างที่สุด
นางยังเผยสีหน้าอ่อนโยนดุจสายน้ำเย็นกลางคิมหันต์ คลี่ยิ้มกริ่มส่งให้ชายหนุ่มร่างใหญ่ได้อย่างน่ารักน่าชัง
โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าหากชายใดได้เห็นตนในยามนี้ ย่อมต้องอยากกลืนกินนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
ทว่าถังไห่เฉิงหาได้นำพากิริยาล่อลวงนั้น แววตาที่มองโฉมงามยังคงเย็นชาฉายชัดถึงความเหี้ยมเกรียมและรังเกียจเดียดฉันท์ เขาแค่นเสียงลอดไรฟัน
“อย่าเสียเวลามารยาใส่ข้า หากไม่อยากตาย”
เรื่องเป็นตายไหนเลยจักอยู่ในความสนใจของลี่เซียน นางฝึกตบะบำเพียรพรตมานาน ความตายมิใช่เรื่องที่ต้องใส่ใจเลยสักนิด แต่การใช้ชีวิตอยู่รอดอย่างสงบสุขต่างหากที่สำคัญ
และการศึกษาหาความรู้ยิ่งต้องคำนึงถึงให้มากเข้าไว้
นอกจากไร้ซึ่งอาการหวาดกลัวอย่างที่ควรเป็นเมื่อเจอมัจจุราชต้าถัง เนตรดำขลับกระจ่างใสไร้มลทินยังเลื่อนผละจากวงหน้าหล่อเหลาลงมองช่วงเอวบุรุษอีกครา
ดวงตานางทำรุ่ยอ๋องขมวดคิ้ววูบ สีหน้าไม่สบอารมณ์เพิ่มยิ่งขึ้น เมื่อชุดคลุมสีขาวจันทราปักลายเมฆาดำคล้ายกับว่าจะปิดส่วนสงวนไม่มิดอีกต่อไป นางเสมือนมองทะลุเนื้อผ้าได้
ลี่เซียนเพ่งพิศสิ่งที่ต้อง ‘ศึกษาหาความรู้’ อย่างจริงจัง เพราะนี่คือเรื่องที่นางควรให้ความสนใจในยามนี้
มันคือหน้าที่สำคัญซึ่งได้รับมอบหมายในคืนนี้
มนุษย์เรานั้นความรับผิดชอบย่อมสำคัญยิ่งชีพ ไม่อาจกระทำแบบขอไปทีหรือขาดตกบกพร่องได้
คนงามกางตำราในมือเดินขึ้นหน้า พาร่างอรชรเข้าใกล้ร่างหนา แผ่กระดาษที่มีภาพวาดในท่วงท่าชายหญิงกอดกระหวัด พลางแหงนมองเจ้าขององค์ความรู้แล้วกล่าว
“ท่านพึงใจท่าใด?”
“...!?”
นอกจากไม่กลัวเกรงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่าน ยังอาจหาญเชิญชวนเล่นท่ายากตามตำราครวญวสันต์
เส้นโลหิตข้างขมับของรุ่ยอ๋องแห่งต้าถังพลันขาดผึง ร่างสูงเกร็งกล้ามเนื้อจนตึง สองมือกำหมัดแน่นจนกระดูกลั่นดังกร๊อบ
ลี่เซียนช่างไม่รู้เลยว่าบุรุษตรงหน้าคือมหันตภัยร้ายแรง