ตอนที่15คุกมืด
ด้านหน้าเรือนจำอันเป็นคุกมืดของค่ายทหาร
เมื่อบุรุษชุดม่วงปรากฏกาย อี๋เป่าที่แอบเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกจึงปรากฏตัวต่อหน้ารุ่ยอ๋องทันที เขารีบประสานมือค้อมศีรษะแล้วกล่าว
“ท่านอ๋อง ในที่สุดพระองค์ก็เสด็จมา ได้โปรดช่วยแม่นางลี่เซียนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เรียวคิ้วยาวขมวดวูบ สีหน้าราบเรียบแปรเปลี่ยนฉับพลัน ถังไห่เฉิงปรายตามองผู้พูดอย่างสนใจทันที
“นางถูกพาตัวมาที่นี่ได้อย่างไร?”
อี๋เป่าได้ยินเช่นนั้นให้รู้สึกตื่นเต้นลอบแย้มยิ้มอย่างยินดี
เขาตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่แอบมาเฝ้าแม่นางผู้นั้นเพื่อรอท่านอ๋องเสด็จมาแล้วเสนอหน้าเยี่ยงนี้
คิดพลางทำหน้าระรื่นเอ่ยปากขอความดีความชอบต่อไป
“ทูลท่านอ๋อง แม่นางของท่านกำลังถูกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพวกเดียวกับคนร้าย นางถูกพาตัวมาจากเรือนบัญชาการ กระหม่อมเป็นคนยับยั้งมิให้นางถูกตัดหัว จึงจำเป็นต้องถูกส่งตัวมารอที่ห้องขังก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
เด็กหนุ่มเงียบอยู่อึดใจแล้วเอ่ยต่อ “พระองค์รีบเสด็จเถิด กระหม่อมได้ยินเสียงโบยตีดังสนั่นหลายทีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบพลันเห็นถุงเงินลอยมา อี๋เป่ารีบปล่อยมือที่ประสานหมัดอยู่ เอื้อมรับรางวัลทันทีไม่มีชักช้า
ถังไห่เฉิงรู้จักนิสัยหนุ่มน้อยผู้นี้ดี
แม้ไม่คิดร้ายแต่เห็นแก่เงินยิ่ง
พื้นเพของอี๋เป่าเคยเป็นเด็กยากไร้เลือกอาชีพขอทานที่ศาลเจ้า แต่ทุกวันนี้กลายเป็นทหารได้รับเบี้ยหวัดส่งเสียมารดา เพราะถังไห่เฉิงพาตัวมาด้วยตนเอง
“ไสหัวไปได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
อี๋เป่ามีหรือจะช้า ในใจอยากติดปีกโบยบินเพื่อส่งเงินกลับบ้านไปให้มารดาเต็มที่
เนื่องจากถุงเงินนี้มีน้ำหนักมากปะไร
เขากำลังค้นพบบ่อเงินบ่อทองแล้ว...
ภายในห้องขังเหม็นอับมืดสลัว
ร่างระหงงามงอนถูกส่งตัวเข้ามาในห้องขังเพื่อสืบสวนหาความผิด นางถูกพันธนาการรัดแน่นทั้งตัวด้วยเชือกเส้นใหญ่คล้ายเถาวัลย์ยึดรากกับต้นไม้จนหายใจลำบาก ข้อมือยังถูกตรึงด้วยโซ่จนปวดตุบๆ แผ่นหลังเนียนนุ่มบอบบางยังถูกเฆี่ยนตีไปหลายครั้งหลายครา ชุดสีชมพูเปื้อนคราบโลหิตสีแดงฉานจนทั่ว
ลี่เซียนถูกมัดจนกลายร่างคล้ายดักแด้ ผู้คุมจับนางให้นอนคว่ำหน้าบนตั่งนอนตัวหนึ่งกลางห้องลงทัณฑ์ ถูกแส้ฟาดใส่ไม่ยั้งกระทั่งเลือดไหลเป็นทางยาวราวธาราเลือด
เนื้อตัวของหญิงสาวบอบช้ำระบมไปหมดทั้งเรือนร่าง เจ็บปวดแสบร้อนสุดแสน จนร่ำไห้สะอึกสะอื้นเสียงแหบเสียงแห้ง นางทรมานจนพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินเป็นสาย
ข้อหาของลี่เซียนล้วนสาหัสฉกรรจ์ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ทำให้ทหารยามสลบไสลจนหมดทุกคน กระทั่งเปิดทางให้นักฆ่าสามารถเข้าไปถึงเรือนพำนักส่วนพระองค์ด้านใน
เป็นเหตุให้เชื้อพระวงศ์ต้องตกอยู่ในอันตราย มีสิบชีวิตยังไม่อาจเพียงพอให้ตัดหัว
ท้ายที่สุดหลังจากสอบปากคำและรับสารภาพจนสิ้น หญิงสาวยังกล่าวขอรับโทษทัณฑ์ด้วยตนเองที่เป็นสาเหตุทำให้ผู้คนล้มตายมากมาย
รองแม่ทัพผู้คุมเรือนจำถามอีกครั้งว่า “เจ้าไม่รู้จักกับคนร้าย แต่สำนึกเสียใจที่ทำให้พวกมันพลั้งพลาดจนตายตกไปตามกัน ทั้งยินดีรับโทษทัณฑ์เฉกเช่นเดียวกันกระนั้นรึ?”
แม่นางน้อยพยักหน้าหงึกหงัก สะอึกสะอื้นน่าสงสาร
“ข้าน้อมรับความผิดทุกประการ”
เส้นเสียงสั่นพร่าดุจดั่งแก้วเจียระไนถูกเคาะจนปริแตก กอปรกับใบหน้าพริ้มเพราราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบเกิดรอยร้าว ทำคนฟังปวดใจไม่น้อย
รองแม่ทัพคนเดิมได้แต่มองอย่างฉงน ทำใจลงโทษมิได้อีกต่อไป เห็นทีว่าควรรอคำสั่งจากเบื้องบนน่าจะดีกว่า จึงตวัดมือส่งสัญญาณให้ผู้คุมเดินเข้ามา
ผู้คุมร่างใหญ่ลอบมองนักโทษหญิงผู้นี้อยู่แล้วเป็นนาน นางงดงามราวเทพธิดา วงหน้าดวงตาประดุจตุ๊กตาหยกชั้นยอด
เนื้อนางขาวเนียนผุดผ่องที่ถูกรัดเชือกจนนูนเด่นเผยความนุ่มนิ่มน่าสัมผัสเน้นชัดปานนั้นทำเขามิอาจละสายตา
เนื้อผ้าเบาบางวาบหวิวที่ห่อหุ้มร่างระหงยิ่งไม่อาจสะกดความร้อนรุ่มที่กำลังปะทุพลุ่งพล่านใต้ขอบกางเกงตัวหนา
ผู้คุมลอบเลียริมฝีปาก ลำคอแห้งผาก รู้สึกอยากดื่มด่ำกลืนกินอะไรบางอย่างเพื่อดับความหื่นกระหายในจิตใจ
รองแม่ทัพมิได้สังเกตอันใดในตัวลูกน้อง เพียงสั่งการแบบตัดรำคาญโดยไม่เงยหน้า ให้นำตัวลี่เซียนไปขังในคุกอีกฝั่ง
“พาตัวนางไปขังไว้ก่อนเถอะ”
เมื่อได้รับคำสั่งให้พาคนไป เขาถึงกับสูดลมหายใจเฮือก แอบกลืนน้ำลายลงคอ หิวกระหายมาก มุมปากแสยะยิ้มปริศนา ดวงตาที่ชำเลืองมองยังฉ่ำเยิ้มสื่อความนัยบางประการ
“ขอรับท่านรองแม่ทัพ”
เมื่อรับคำแข็งขัน ฝ่ามือหยาบกร้านพลันจับแขนอ่อนนุ่มแล้วกระชากร่างอ้อนแอ้นให้ลุกเดินไปกับตน
ไม่ช้าก็หายไปทางห้องขังด้านใน
ทั้งลึกลับและปราศจากผู้ใด
เมื่อมาถึงยังห้องขังอันเป็นเป้าหมาย ผู้คุมจึงผลักร่างอ่อนระทวยให้ล้มลงบนพื้นเย็นเยียบ ส่วนตัวเขายังคงยืนตระหง่านมองคนงามด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
อึดใจยังหันหน้าไปดึงประตูกรงเหล็กปิดเสียแน่นหนา ก่อนหันหน้ากลับมามองลี่เซียนด้วยสายตาดุจเดิม ไม่ยอมไปไหน
เหนือห้องขังมีช่องลมเล็กๆ อยู่หนึ่งช่อง บันดาลให้คุกมืดที่ควรไร้ซึ่งแสงสว่างกลับมีความสลัวรางช่วยให้มองเห็นได้รำไร
ลี่เซียนกะพริบตาปริบๆ เร่งเพ่งพิศยามแหงนมองใบหน้าหยาบกระด้างที่ประดับรอยยิ้มตรงมุมปากของผู้คุมร่างใหญ่
นางไม่เข้าใจความนัยของรอยยิ้มนั่น แต่เมื่อเห็นเขามิได้ออกไปจากห้องขัง ทั้งยังปิดประตูขังตัวเองเช่นนี้จึงอดสงสัยมิได้
“ท่านทำผิดเรื่องใดหรือ? ไยถูกขังร่วมกับข้า”
วาจาช่างใสซื่อไร้เดียงสาหาใดเปรียบ ผู้คุมขยับยิ้มกว้าง สองมือยังเอื้อมลงต่ำมาที่ขอบกางเกงตนเองแล้วปลดสายออก
“ตัวข้าหาได้ทำผิดไม่ แค่คิดว่าความผิดของเจ้าคงมิอาจรอดชีวิตได้ มิสู้ตัวข้าอยู่มอบความสุขครั้งสุดท้ายให้แก่เจ้า”กล่าวพลางโยนกางเกงตัวนอกทิ้งแล้วเดินแบบย่างสามขุมเข้าหาหญิงสาวผู้งดงามล่อตาล่อใจให้หยาบโลนหมายกระทำต่ำทราม
ลี่เซียนจับสังเกตทุกกิริยาของบุรุษตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจพลางเปล่งวาจาสัตย์ซื่อแว่วหวาน
“ความสุขของข้าคือใช้เวลาสำนึกผิดชอบชั่วดีด้วยตนเองทุกประการ มิกล้ารับไมตรีจากผู้ใดทั้งสิ้น”
วาจานางทำบุรุษผงะเล็กน้อย แต่กระนั้นกลับไม่อาจหยุดยั้งตัณหาที่กำลังคุกรุ่นในใจ
“หึ! จะตายอยู่แล้วยังกล้าปากดี”
ขณะเอ่ยยังดึงกางเกงชั้นในลงต่ำ บางสิ่งพลันผงาดชูชันชี้หน้าชี้ตา ฝ่ามือหนาข้างหนึ่งเอื้อมหาคนงามหวังจับกระชากเสื้อผ้าให้ฉีกขาด ปรารถนาระบายความใคร่อย่างบ้าคลั่ง
ทว่ายามนี้ลี่เซียนคล้ายคนไร้สติแล้ว เมื่อได้บังเอิญเห็น ‘แท่งหยก’ อีกครั้ง ดวงตาของนางเบิกกว้าง ปากจิ้มลิ้มอ้าค้าง เมื่อเจ้าสิ่งนั้นใหญ่โตพองตัว แลดูน่าเกลียดน่ากลัวมาก
ทันใดนั้นสิ่งไม่คาดคิดพลันบังเกิด
ระหว่างทางเชื่อมหน้าเรือนจำจนถึงห้องขังชั้นนอก
ถังไห่เฉิงพาร่างสูงใหญ่ดุจเทพสวรรค์ในอาภรณ์ล้ำค่าเดินเข้ามาด้วยตัวเองอย่างเปิดเผย ยังผลให้รองแม่ทัพคุมเรือนจำกับทหารคุมห้องขังต่างพากันเบิกโตโพลง
รุ่ยอ๋องแห่งต้าถังจำเป็นต้องเข้ามายังสถานที่สกปรกด้วยพระองค์เองหรือไร? แค่โบกมือเบาๆ สั่งให้คนพาตัวไปมิใช่รึ?
ไม่มีใครเข้าใจยิ่งไม่ควรเสียเวลาตรึกตรอง พวกเขารีบกุลีกุจอทำความเคารพนายเหนือหัวอย่างลนลาน
เนตรมังกรดำมืดสาดประกายอำมหิตวูบผ่าน ร่างสง่าแผ่ซ่านกลิ่นอายความตายเด่นชัด กำลังจะเอ่ยปากสั่งการให้ปล่อยคน พลันนั้นกลับได้ยินเสียงแว่วหวานครวญครางสะอื้นไห้ ดังมาจากห้องขังด้านใน...