ตอนที่12คำรายงาน
บนเตียงนุ่มภายในห้องพักเรือนบัญชาการ
ลี่เซียนยังคงนอนหลับใหลเปลือยเรือนร่างงดงามอร่ามล้อสายตาบุรุษอยู่เช่นนั้นโดยไม่รู้สึกรู้สา เพราะว่ากำลังถูกฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล้นวดคลึง ทำให้อาการเจ็บปวดลดลง เลือดลมสูบฉีด ยังผลให้บาดแผลสมานตัวรวดเร็ว นางกำลังสบายตัวมากๆ อารมณ์โกรธเกรี้ยวก่อนหน้าจึงสลายหายไปสิ้น
ในขณะที่ถังไห่เฉิงเองยังคงจ้องมองทุกอณูเนื้อนางโดยไม่วางตาเช่นกัน เพราะกำลังถูกความสงสัยครอบงำไม่คลาย
ชายหนุ่มไม่คิดว่าเป็นการล่วงเกินหญิงสาวแต่อย่างใด
เพราะก่อนหน้านี้ที่ห้องอาบน้ำ นางเองก็เห็นของเขาหมดแล้วจนสิ้น เรียกได้ว่าเสมอภาคเท่าเทียม
อ๋องหนุ่มจึงจับพลิกร่างนุ่มพินิจต่อไป
ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นลำคอขาวผ่อง เนินอกอวบนูน เอวเล็กคอดกิ่ว หน้าท้องแบนราบ เนินเนื้อบุปผา เรียวขาเสลา สะโพกกลมกลึง เท้าเล็กน่ารักอมชมพูระเรื่อ สัดส่วนทรวดทรงของโฉมสะคราญไม่มีส่วนใดที่สายตาบุรุษมองไม่เห็น
เรียวนิ้วแกร่งลูบไล้สำรวจเรือนร่างอรชรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยิ่งนานยิ่งเห็นรอยแผลทั้งหลายสมานตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
แม้แววตาคมดำจะเผยความร้อนแรงวาบผ่านเป็นระยะ รู้สึกร้อนรุ่มตรงท้องน้อย ใจเต้นตุบๆ ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร บางสิ่งของร่างกายยังตื่นผงาดอย่างมิอาจห้ามได้
ทว่าเรียวคิ้วเข้มกลับขมวดมุ่นอย่างลุ้นระทึก
เพราะนี่คือครั้งแรกที่ได้ยลโฉมสตรีสะพรั่งทั่วทั้งเรือนร่าง ได้สัมผัสแบบเน้นๆ ทุกอณูผิวนาง และยิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวิทยายุทธเหนือชั้น แม้ไร้ซึ่งวรยุทธ ปราศจากกระบวนท่าเช่นฆ่าล้างผลาญ ทว่าลมปราณที่ก่อเกิดจากพลังวัตรกลับอยู่ในระดับล้ำเลิศปานนั้น กายหยาบยังสามารถแยกสมานประสานฉับพลัน
ถังไห่เฉิงคิดว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับบาดแผลของลี่เซียนอาจจะเป็นวิชามารแขนงหนึ่ง ซึ่งก็คือเคล็ดวิชาของจอมปราชญ์หรือจอมขมังเวทย์จากแคว้นลี้ลับ ดินแดนปริศนายากค้นพบ หากแต่ท่าทางอ่อนแอบอบบางกลับค้านสายตาอย่างมาก
ระหว่างสำรวจเนื้อนางพลางครุ่นคิด เสียงทุ้มต่ำพลันดังมากจากด้านนอกห้องพัก
“ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมแม่ทัพเว่ยพ่ะย่ะค่ะ”
กระแสเสียงทุ้มห้าวกร้าวแกร่งของบุรุษหนุ่มอันบ่งบอกว่ามีรายงานสำคัญ มิใช่น้ำเสียงแว่วหวานหยาดเยิ้มหมายล่อลวงเฉกเช่นหมอหญิงก่อนหน้าที่ชวนให้หงุดหงิด
ถังไห่เฉิงจึงผละมือจากลี่เซียนโดยดีแล้วห่มผ้าปกปิดให้มิดชิดถึงลำคอ ก่อนลุกขึ้นไปผลัดชุดคลุมเป็นชุดลำลองสีม่วงเข้ม
ชายหนุ่มเดินออกจากห้อง ยังไม่ลืมลั่นดาลแน่นหนา ประหนึ่งเกรงว่าใครบางคนจะถูกพบเห็นโดยง่าย
แม่ทัพเว่ยคือทหารคนสนิทของถังไห่เฉิง ทันทีที่ได้รู้จากทหารยามหน้าเรือนบัญชาการว่านายเหนือหัวปลอดภัยกลับมาแล้ว เขาจึงรีบเร่งเข้าพบพร้อมคำรายงานสถานการณ์คืนนี้
รอจนรุ่ยอ๋องพาร่างสูงสง่ามานั่งลงยังเก้าอี้บัญชาการ เว่ยฉีจึงประสานมือค้อมศีรษะแล้วกล่าว
“ทูลท่านอ๋อง คนร้ายมีทั้งหมดห้าสิบคน กว่าครึ่งของจำนวนนี้ คนของกระหม่อมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน คาดว่าคงลอบเข้ามาสมทบกับพวกพ้อง ส่วนที่เหลือคือคนที่ปลอมตัวปะปนเป็นพลทหารตัดฟืน ส่วนหัวหน้านักฆ่าคือคนดูแลเรือนพักพ่ะย่ะค่ะ”
ถังไห่เฉิงรินน้ำชาละเลียดชิม นั่งฟังด้วยท่าทางนิ่งสงบ เรียวนิ้วแกร่งคลึงถ้วยชาเบาๆ พลางนึกถึงครั้งหนึ่งยามเยาว์วัย ได้ท่องหล้า เคยได้เจอนักฆ่าที่แฝงตัวเป็นเพียงคนตัดฟืนในป่า เพื่อลอบสังหารเชื้อพระวงศ์
นักฆ่าพวกนั้นพกมีดพร้าเอาไว้บนแผ่นหลังสองเล่ม ถือในมืออีกหนึ่งเล่ม ประหนึ่งแค่ต้องการตัดไม้ทำฟืน แต่แท้ที่จริงคือนักล่าตัดหัวคน
และเพราะอากาศหนาว พวกมันจึงแต่งกายด้วยผ้าป่านเนื้อหนาทั้งหนักทั้งหยาบแต่กลับป้องกันอาวุธร้ายได้ฉกาจนัก
ระหว่างครุ่นคิด อ๋องหนุ่มยังได้ยินเส้นเสียงของเว่ยฉีเอ่ยอีกว่า “จากการตรวจสอบพบว่าเป็นคนของเทียนเป่ยพ่ะย่ะค่ะ เป็นไปได้ว่าจักรพรรดิเทียนเป่ยทรงพิโรธเรื่องพ่ายศึกครานี้ จึงส่งคนมาตลบหลังพระองค์ช่วงที่กองกำลังของต้าถังยังไม่ทันฟื้นตัว”
ถังไห่เฉิงได้ฟังพลันหรี่ตา “เทียนเป่ยหรือ?”
เว่ยฉีรีบตอบ “พ่ะย่ะค่ะ”
รุ่ยอ๋องยังคงคลึงถ้วยชาด้วยกิริยาสงบทั้งสุขุมเยือกเย็น เขาถามเนิบช้า “พวกมันตายหมดแล้วหรือยัง?”
เว่ยฉีกล่าวต่อ “ยังพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกมันเพียงสิ้นสติสลบเหมือดอยู่ในห้องอาบน้ำของเรือนพักส่วนพระองค์ แต่เมื่อถูกคนของเราจับกุมเอาไว้อย่างแน่นหนาไร้หนทางหนี พวกมันต่างก็พากันฆ่าตัวตายทีละคนสองคน กระหม่อมตรวจสอบศพของมือสังหารและสืบหลักฐานทั้งหมดโดยละเอียด ทุกสิ่งที่พบล้วนบ่งบอกได้ว่าพวกมันเป็นคนของแคว้นเทียนเป่ยพ่ะย่ะค่ะ”
ถังไห่เฉิงวางถ้วยชาก่อนโบกมือเบาๆ ให้เว่ยฉีหยุดปาก พลางลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก่อนออกคำสั่ง
“ทำลายหลักฐานให้เหลือแค่ซากแล้วส่งไปแคว้นจ้าวพร้อมศีรษะนักฆ่าทั้งหมด เพื่อบอกนัยว่าข้ารู้ถึงผู้บงการตัวจริง อย่าได้เสียเวลานั่งบนภูดูเสือกัดกัน ยิ่งไม่ควรตลบหลังใส่ร้ายแคว้นอื่นที่เพิ่งพ่ายศึกให้เป็นที่โจษจันถึงความถ่อยน่ารังเกียจ”
“หา!”
เว่ยฉีเบิกตากว้าง รอยแผลเป็นบนใบหน้าข้างหางตากระตุกถี่ๆ เขาถามอย่างฉงน
“เกี่ยวอันใดกับแคว้นจ้าวหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ถังไห่เฉิงแค่นเสียงเย็นยามแถลงไข
“เทียนเป่ยเป็นแคว้นเขตร้อนแห้งแล้ง เชื่อเถอะว่านักฆ่าของพวกมันไม่นิยมปลอมตัวตัดฟืนและอยู่ใกล้เตาไฟแน่”
“...!?”
แม่ทัพเว่ยมีสีหน้าเหลอหลา คาดไม่ถึงว่ามือสังหารจักสร้างหลักฐานเท็จให้เขาไขว้เขวถึงเพียงนี้ บัดซบนัก!
แคว้นจ้าวอยู่แดนเหนือ อากาศหนาวทั้งปี อยู่ห่างจากเทียนเป่ยแค่ต้าถังกั้น
ถังไห่เฉิงถอนหายใจนึกระอา
ไฉนนักฆ่าเหล่านั้นไม่เปลี่ยนวิธีการปลอมตัวเสียบ้าง
แม้สงสัยทว่าชายหนุ่มเพียงปัดคำถามอันไร้สาระนี้ไป แท้จริงแล้วสาเหตุที่เขาล่วงรู้ว่าเป็นฝีมือของนักฆ่าจากแคว้นจ้าว ล้วนเป็นเพราะกระบวนท่ายามสังหารในห้องอาบน้ำ
เวลาเนิ่นนานที่ถูกตรึงให้ยืนอยู่กับที่และเวลาเนิ่นนานที่ต้องมองสตรีผู้หนึ่งถูกอาวุธฟาดฟัน มันนานมากพอที่จักประเมินชั้นเชิงและวิชายุทธ์จนแตกฉาน
เชิงยุทธ์เหล่านั้นเป็นของสำนักเมฆาทมิฬ เจ้าสำนักคืออดีตรัชทายาทเทียนเป่ยที่ถูกถอดยศขับออกจากราชวงศ์เทียน จึงหันเหไปสวามิภักดิ์กับจักรพรรดิจ้าว ก่อตั้งสำนักคุ้มภัยขึ้นมาเพื่อเลี้ยงนักฆ่าเอาไว้ใช้งาน
หลักฐานที่บ่งบอกว่าเป็นคนเทียนเป่ยจึงค่อนข้างสมบูรณ์ ทว่ากระบวนท่าที่ใช้กลับผสมผสานเชิงยุทธ์แคว้นจ้าว เพื่อเพิ่มศักยภาพความร้ายกาจในการสังหาร
คนผู้นี้มีแค้นต้องชำระกับแคว้นเทียนเป่ย ทั้งยังผูกใจเจ็บกับต้าถังเมื่อหลายปีก่อน ยามเสนอตัวพาองค์หญิงเดินทางมาเจรจาสงบศึกโดยการสานสัมพันธ์อภิเษกสมรสแต่กลับไม่เป็นผล ทำให้พลาดความดีความชอบครั้งใหญ่ กระทั่งหลุดจากตำแหน่ง
เนื่องจากยามนั้นเสด็จพ่อยังทรงครองราชย์อยู่ พระองค์ไม่รับสนมชายารวมถึงสตรีบรรณาการจากแคว้นใด
ถังไห่เฉิงสรุปทุกสิ่งได้รวดเร็วตามวิสัย พลางเดินออกจากเรือนบัญชาการเพื่อไปตรวจสอบอีกคราด้วยตนเอง
“คนของเรามีใครพลาดพลั้งบาดเจ็บบ้างหรือไม่?”
คำถามของถังไห่เฉิงหมายถึงทหารยามรอบเรือนพักทั้งหมด เพราะหากนักฆ่าเข้าถึงตัวเขาได้ แสดงว่าคนของเขาคงยากจะรักษาชีวิตรอด
เว่ยฉีที่เดินตามแผ่นหลังนายเหนือหัวรีบตอบ “ทหารยามประจำเรือนส่วนพระองค์ทุกคนถูกทำให้สลบไสลไร้สติเพื่อเปิดทางการลอบสังหาร พวกเขาถูกพบว่านอนทอดร่างเปล่าเปลือยกองรวมกันอยู่ตรงมุมอับทางฝั่งหนึ่งของเรือนพัก ทั้งหมดเมื่อฟื้นขึ้นมาล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าคือฝีมือของนางคณิกาผู้หนึ่ง กระหม่อมจึงส่งคนเร่งตามล่า คาดว่าไม่นานคงเจอตัวพ่ะย่ะค่ะ”
“คณิกาคนใด?”
เว่ยฉีตอบฉะฉาน “นางมีนามว่าลี่เซียนถูกส่งตัวมาเพื่อปรนนิบัติท่านอ๋องโดยเฉพาะพ่ะย่ะค่ะ”
คำรายงานนี้ทำเรียวคิ้วของถังไห่เฉิงขมวดวูบ