ตอนที่11ตกตะลึง
รอบด้านยังคงมืดสลัว ได้ยินเสียงแมลงกลางคืนร้องระงมผสานเสียงสะอื้นเบาๆ ของใครบางคนตลอดทาง
ถังไห่เฉิงแบกลี่เซียนขึ้นแผ่นหลังแล้วพาเดินทางกลับค่ายทหารด้วยวิชาตัวเบาเหินทะยานปราดเปรียว แต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลด้วยเกรงจะกระทบบาดแผลฉกรรจ์บนร่างงาม
กายแกร่งมีเพียงชุดคลุมหนึ่งชั้น กายนุ่มยังมีแค่เสื้อผ้าเนื้อบางวาบหวิว ทั้งเปียกชื้นแนบลำตัวเช่นนั้น ทว่าลมหนาวยามราตรีที่กรีดผิวหนังไม่ขาดสายกลับให้รู้สึกอุ่นร้อนอย่างประหลาด
ภายใต้ภาวะสองกายแนบชิดสนิทเนื้อผ่านผ้าเปียกชื้น และเส้นผมแผ่สยายพันกันจนแยกไม่ออกว่าผมใครเป็นผมใคร ถังไห่เฉิงยังคงถูกความเคลือบแคลงครอบงำ รู้สึกสงสัยไม่คลาย ไม่ไว้วางใจลี่เซียนไปจนตลอดทาง
ทั้ง ๆ ที่สงสัยไม่ไว้ใจ ทว่าถังไห่เฉิงกลับห่วงใยไม่รู้ตัว
แม้จะแน่ใจหลายส่วนว่าสตรีผู้นี้เป็นแค่หญิงคณิกา
เพราะทั่วตัวปราศจากอาวุธลับไร้ซึ่งยาพิษ มีเพียงตำราวสันต์ในแขนเสื้อและอกเสื้อ
นางมีเนื้อตัวอ่อนนุ่มปวกเปียกไปทั้งร่าง ไม่มีส่วนใดของเรือนกายบ่งบอกถึงลักษณะของผู้ผ่านการฝึกฝนสรรพวิชา
ทั้งยังไม่มีฝีมือเชิงยุทธ์เอาเสียเลย
ออกหมัดร่ายกระบวนท่าไม่เป็นด้วยซ้ำ
แต่คนผู้หนึ่งมีพลังปราณล้ำเลิศปานนั้น ย่อมมิใช่สามัญแน่นอน อย่างน้อยย่อมต้องเป็นจอมยุทธ์หญิงมากฝีมือผู้หนึ่งซึ่งควรเร้นกายยากเผยโฉมโดยง่าย
บนดวงหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย อ๋องหนุ่มยังคงขมวดคิ้วนึกกังขา หางตาปรายมองลี่เซียนเงียบงัน ปราศจากสุ้มเสียง ไร้ซึ่งวาจาเรียกขาน
เมื่อเห็นนางอ่อนเปลี้ยเพลียแรงแน่นิ่งไปเช่นนั้นจึงหยุดฝีเท้าลงเพื่อเพ่งพิศโดยละเอียดมากขึ้น
หญิงสาวร้องไห้จนหลับไปแล้ว ลำตัวอ่อนนุ่มแนบกับแผ่นหลังแข็งแรง พวงแก้มอิ่มแนบกับบ่ากว้างอย่างอ่อนกำลัง แขนขาหมดสิ้นเรี่ยวแรงทำมิได้แม้แต่ขยับนิ้ว
ครั้นกล้ามเนื้อตึงแน่นตรงแผ่นหลังสัมผัสได้ถึงทรวงอกหยุ่นนุ่มที่กระเพื่อมขึ้นลง รับรู้ว่านางยังหายใจอยู่ในจังหวะสม่ำเสมอจึงคลายอาการเคร่งเครียดแล้ววางใจเดินทางต่อ
ค่ายทหารชายแดนด่านเทียนเหมิน
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม ถังไห่เฉิงก็ทะยานกายกลับมายืนนิ่งตระหง่านอยู่บนต้นไม้ใหญ่พร้อมลี่เซียนที่ยังซบใบหน้าเล็กกับบ่ากว้าง นางหลับตานิ่งสนิทในห้วงนิทราประหนึ่งว่าเป็นเจ้าของแผ่นหลังของรุ่ยอ๋องกระนั้น
เบื้องหน้าระยะสายตาของชายหนุ่มคือความวุ่นวายในค่ายทหารแห่งนี้ เห็นแม่ทัพกำลังสั่งการให้พลทหารหลายคนล้อมเรือนนอนส่วนตัวของเขาพร้อมอาวุธครบมือและรองแม่ทัพยังพาพลทหารอีกหลายคนเร่งกระจายตัวไปนอกค่าย ตะโกนกู่ก้องเพื่อตามหานายเหนือหัวอย่างร้อนรน
เป็นที่แน่นอนว่าบรรดาลูกน้องของถังไห่เฉิงย่อมรู้ตัวเรื่องคนร้ายลอบโจมตีแล้ว พวกเขาเหล่านั้นล้วนมากฝีมือ สามารถไว้ใจให้สะสางได้ ไม่จำเป็นต้องถึงมือรุ่ยอ๋องแห่งต้าถังแต่อย่างใด
ชายหนุ่มอดมิได้ที่จะเพ่งพิศนางบนไหล่ตนอีกหน
จังหวะที่เอียงคอมองคนบนบ่า แก้มสากพลันแนบชิดพวงแก้มนุ่ม บังเกิดความรู้สึกประหลาดสายหนึ่งพุ่งใส่
ถังไห่เฉิงชะงักเล็กน้อยและมุ่นคิ้ว นัยน์ตาคมเห็นสตรีแบบชิดใกล้ ยามนางหลับใหล ขนตายาวงอนทาบทับปกปิดดวงตากลมโต ปากเล็ก ๆ เผยอเล็กน้อย สองแก้มแดงเรื่อ
สตรีผู้กำลังตกอยู่ในห้วงนิทราเหมือนเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ น่าทะนุถนอมมาก
ถังไห่เฉิงค่อยๆ จับพลิกร่างนุ่มมาอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนพาลี่เซียนทะยานกายไปทางเรือนพักอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนพักส่วนตัวที่เกิดเรื่องก่อนหน้า
เรือนแห่งนี้เป็นเรือนบัญชาการ ถังไห่เฉิงกระโจนตัวลงมาทางหน้าเรือน จงใจเปิดเผยตัวให้ทหารยามเห็นเพื่อเป็นสัญญาณว่าตัวเขาปลอดภัย ให้คนมารายงานเรื่องมือสังหารที่เรือนบัญชาการได้ตลอดเวลา
เรือนนี้มีห้องพักขนาดย่อมติดกับห้องสั่งงานขนาดใหญ่ ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนอุ้มคนงามเข้าไปในห้องนั้น
แม้ทุกคนจะเคยเห็นรุ่ยอ๋องสวมหน้ากากเงินตลอดเวลา กระนั้นพวกเขาย่อมจดจำใบหน้าคมคายที่โผล่พ้นหน้ากากสีดำครึ่งซีกได้แม่นยำ และทุกการกระทำของอ๋องหนุ่มยามนี้ล้วนตกอยู่ในสายตาของบรรดาทหารยาม
พวกเขาต่างเบิกตาโพลง สีหน้าเหลอหลาไปตาม ๆ กัน บางคนถึงกับขยี้ตาแรงๆ อย่างไม่อาจเชื่อ จังหวะนั้นยังได้ยินเสียงสั่งการอันดุดันเล็ดลอดออกมาจากห้องพักว่า
‘ให้คนไปตามหมอหญิงมา’
คำสั่งนั้นคล้ายล่องลอยไม่เข้าหูทหารยามเลยสักคน
เพราะแต่ไหนแต่ไรมา รุ่ยอ๋องไม่เคยเปิดเผยโฉมหน้า ทั้งไม่เคยพาสตรีเข้าห้องนอน ที่สำคัญการโอบด้วยสองแขนอุ้มไว้ในอ้อมอกใกล้ชิดแนบสนิทปานนั้น ยิ่งไม่เคยปรากฏให้ได้ยล
ทั้งยังใส่เสื้อผ้าเปียกชื้นไม่เรียบร้อย ฝ่ายบุรุษใส่ชุดคลุมเพียงชั้นเดียวเผยให้เห็นกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง ฝ่ายสตรีสวมผ้าเนื้อบางอวดส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน
ทั้งสองไม่สวมแม้แต่รองเท้า เผยเท้าเปลือยเปล่าด้วยกัน เนื้อตัวยังมอมแมมมีเศษหญ้าติดประปราย
ทำตัวประหนึ่งชายหนุ่มผู้ร้อนแรงชอบพลิกแพลงประสบการณ์แห่งห้วงวสันต์ โดยการพาสาวงามไปสำเริงสำราญในแม่น้ำกลางป่าเพิ่งกลับมา
อา...
บรรดาทหารยามพากันฟุ้งซ่านไปทิศทางเดียวกัน กระทั่งลืมเสียสนิทว่าก่อนหน้านี้กำลังเกิดเหตุลอบทำร้ายในค่ายทหาร
หัวหน้าทหารคนหนึ่งได้สติก่อนจึงไล่ตบหัวทหารทุกคนที่กำลังตาลอยมองนายเหนือหัวเข้าเรือนไปจนลับตากับสาวงาม
“โอ๊ย!”
“พวกเจ้าไม่ได้ยินรึ? ท่านอ๋องให้ไปตามท่านหมอ”
“หา...อ่อ” ทหารคนหนึ่งซึ่งยืนใกล้หัวหน้าที่สุดเกาหัวอย่างงุนงง “ตามหมอคนใดหรือขอรับ ชายหรือหญิง?”
ค่ายทหารทุกแห่งของต้าถังมีกองพลมากมายจึงต้องมีหมอทหารหลายคนเพื่อให้เพียงพอต่อการเรียกหายามบาดเจ็บจากการศึก และที่สำคัญยังมีทหารหญิงย่อมต้องมีหมอหญิงประจำการเช่นกัน
หัวหน้าคนเดิมจึงตีหัวคนถามซ้ำอีกครั้ง แล้วตวาดว่า
“เจ้าบ้า! เห็นท่านอ๋องอุ้มบุรุษเข้าไปหรือไร? ไยมิใช่ตามหมอหญิงมา”
“อ่า...ขอรับๆ ไปแล้วๆ”
ภายในห้องนอนของเรือนบัญชาการ
ลี่เซียนยังคงหลับตาพริ้มรู้สึกสบายเพราะอ้อมแขนอุ่น
ถังไห่เฉิงอุ้มคนตัวนุ่มเดินอาดๆ เข้ามาถึงหน้าเตียงนอนก่อนวางลงบนฟูกแล้วจับนางถอดผ้าออกจนสิ้น เผยเรือนร่างเปล่าเปลือยทั้งตัว
ภายใต้แสงเทียนเรืองรองที่สว่างไสวกว่าแสงสีนวลของดวงจันทร์ที่กลางป่า ยังผลให้ดวงเนตรบุรุษสามารถมองกวาดเห็นผิวขาวผ่องนวลสล้างเด่นชัด
ความงามของดรุณีวัยสะพรั่งสะท้อนม่านตาจนแสบพร่า ทว่าถังไห่เฉิงกลับทำเพียงมองกราดทะลุทะลวง พินิจบาดแผลโดยละเอียดทุกซอกทุกมุม มิให้เล็ดลอดแม้แต่แผลเดียว เพื่อที่ว่ายามหมอทหารมาจะได้ทำการรักษาได้ตรงจุด ตำแหน่งแผลใดเสี่ยงใกล้จุดตายย่อมต้องได้รับการเยียวยาก่อนอย่างรวดเร็ว
หลังจากจับพลิกเจ้าของเนื้ออ่อนอยู่ครู่หนึ่ง เรียวคิ้วเข้มพลันขมวดมุ่น แววตาเผยความตื่นตะลึงวาบผ่าน ความรู้สึกประหลาดผุดขึ้นในใจจนยากจะเอื้อนเอ่ย
ชายหนุ่มคิดว่าก่อนหน้านี้แม้ราตรีมืดสลัวหากแต่สายตาของเขาที่ฝึกฝนจนเคยชินกับความมืดมิดย่อมมองไม่ผิดพลาด หญิงสาวผู้นี้มีบาดแผลฉกรรจ์มากมายบนเรือนกายจนนับไม่ถ้วน ในห้องอาบน้ำนางถูกอาวุธทำร้ายต่อหน้าต่อตาให้เห็นชัดเจน
ไฉนยามนี้บาดแผลที่ควรสาหัสกลับกลายเป็นเพียงบาดแผลที่คล้ายแค่ถูกมีดหั่นผักบาดเข้าเนื้อ
ดวงตาบุรุษเบิกกว้าง ดวงหน้าหล่อเหลาแข็งค้าง ริมฝีปากบางเฉียบยังเกือบอ้าเผยอก่อนเม้มเป็นเส้นตรง
ฝ่ามือหนาตรงเนื้อนุ่มยังสั่นเทาเบา ๆ มิอาจควบคุมได้
ถังไห่เฉิงกำลังตกอยู่ภายใต้ภาวะตกตะลึงโดยสมบูรณ์ เพราะบาดแผลของลี่เซียนกำลังสมานตัวรวดเร็ว
เวลาแค่เพียงหนึ่งชั่วยาม จากบาดแผลทั้งลึกทั้งยาว บัดนี้เหลือเพียงรอยแผลตื้นๆ เท่านั้น
เป็นไปได้อย่างไร?
จังหวะนั้นหมอหญิงประจำค่ายทหารพลันเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องนอน นางส่งเสียงหวานๆ เรียกขานนายเหนือหัว
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันหมอหญิงช่านเย่เพคะ”
“ออกไป!”
เสียงตอบกลับทั้งห้วนทั้งสั้นหาใดเปรียบ
ถังไห่เฉิงตวาดไล่หมอหญิงนางนั้นอย่างไม่ไยดี อารมณ์ของเขายามนี้ไม่ประสงค์ให้ใครพบเห็นทั้งนั้น
หมอหญิงคนเดิมได้แต่ยืนนิ่งชะงักค้าง นางพยายามมองผ่านช่องประตูเข้าไปในห้องนอน จึงได้เห็นรุ่ยอ๋องที่นางแอบหลงใหลนับแต่ได้เห็นเขาปลดหน้ากากเผยโฉมหน้าราวเทพเซียน
เขากำลังลูบคลำสตรีผู้หนึ่งบนเตียง สตรีผู้นั้นอยู่ในสภาพเปลือยกายเพราะถูกท่านอ๋องเปลื้องผ้าจนหมด
นายเหนือหัวของนางอยู่ในชุดคลุมเผยแผงอก นั่งมองคนบนเตียงเนิ่นนาน
ท่าทางบ่งบอกได้ว่ากำลังจะเริ่มต้นสัมพันธ์สวาทกันอย่างสุขสม
“ท่านอ๋อง” หญิงสาวพยายามส่งเสียงหมายดึงสายตาของชายในดวงใจออกจากร่างงามนั่น “หม่อมฉันช่านเย่เพคะ”
แต่ครานี้สิ่งที่ได้รับตอบกลับมิใช่เสียงบุรุษแต่เป็นปราณสายหนึ่งที่ถังไห่เฉิงตวัดฝ่ามือใส่ประตูจนปิดสนิทเสียงดังปัง กระแทกจมูกของช่านเย่อย่างแรง
“โอ๊ย!”
หญิงสาวจำต้องเดินออกมาอย่างขุ่นเขืองและไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่เรียกนางมาแท้ๆ แต่กลับไล่กันไม่ต่างจากหมูตัวหนึ่ง
ที่หน้าเรือนบัญชาการ มีหมอหญิงอีกคนหนึ่งยืนกอดอกมองดูอยู่ นางมีนามว่า อิ๋นถิง
อันที่จริง อิ๋นถิงคือคนที่ทหารไปตาม ทว่าช่านเย่กลับเสนอหน้าแย่งหน้าที่เสียเอง
อิ๋นถิงเลิกคิ้วขึ้นสูงเม้มปากแน่น กลั้นหัวเราะแทบบ้า ยามมองเห็นช่านเย่เดินออกมาจากในเรือนด้วยสีหน้าบูดบึ้งปลายจมูกแดงก่ำ
อิ๋นถิงเป็นคนฉลาดมากพอที่จะไม่เดินเข้าไปให้ถูกไล่ออกมาอีกคนแน่