บท
ตั้งค่า

ตอน 4

“ภูเราไปอยู่บ้านยายกันมั้ย” ยามอับจนพิมพ์วิไลไม่นึกถึงใครเลยนอกจากผู้ให้กำเนิด ทองคำของแม่ ภูดนัยไม่ชอบให้มารดาพูดภาษาถิ่นอีสานกับเขาเลย คนเป็นแม่จึงเก็บคำชอบเรียกลูกชายสุดที่รักเอาไว้ในใจ

“ไม่เสียดายรถคันหรือ ภูรักมากนี่” รถหรูคันนั้นคือของขวัญวันเกิดจากพ่อ สิ่งเดียวที่เหลือไว้ดูต่างหน้า แต่ภูดนัยตัดใจขายเพื่อนำเงินมาผ่อนหนี้

“ของนอกกาย สักวันถ้าเรามีเงินผมจะซื้อคันหรูกว่านี้ครับแม่” ในตอนนี้เขาไม่อาจแสดงความเกรี้ยวกราดต่อหน้าผู้บังเกิดเกล้า ที่ทุกข์ตรมได้ มีทางไหนพอจะดูแลรักษาหัวใจมารดา เหลืออยู่คนเดียวบนโลกนี้ได้ เขาต้องทำเพื่อให้มารดาสบายใจ เพื่อให้เจ้าหนี้พวกนั้นไม่กลับมาตะโกนปาว ๆ บั่นทอนมารดา

พิมพ์วิไลรู้ดีว่าบุตรชายแกล้งพูด ถือว่าภาพที่ตนเห็นคือภาพลักษณ์ใหม่ที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น ปกติภูดนัยเอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ถ้าไม่ได้คือเกรี้ยวกราดอาละวาด เดินหนีออกไปจากบ้านไม่กลับบ้านหลาย ๆ วันก็เคยทำ

“ว่าแต่ภูแวะไปหาหนูธัญญ่าบ้างไหม” เห็นลูกเอาแต่วุ่นวายเรื่องหาเงินมาใช้หนี้ เห็นใจที่ลูกไม่ได้เจอหน้าคนรักตั้งแต่ซัมเมอร์ปีที่แล้ว

“แวะไปแล้วครับ” เขาตอบไม่เต็มเสียงนัก

“เป็นไงบ้างล่ะ” หวั่นว่าลูกชายจะโดนดูถูกจากพวกเพื่อนๆ

“ก็ดีนะครับ เรายังดีต่อกัน” ไม่เจอเลยต่างหาก เขาไม่ควรเอาเรื่องไม่สบายใจมาเล่าให้มารดาฟัง พานจะทำให้กังวลใจเปล่าๆ เชื่อธัญชนกคงไม่ว่าง แม้รู้สึกไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ก็ตามที

“ดีแน่นะภู ได้เจอกันจริงใช่ไหม”

“จริงสิครับ” ภูดนัยยิ้มกลบเกลื่อน

“ภู แม่เป็นแม่ของลูกนะ”

“ยังไงครับแม่”

“แม่รู้สิว่าภูกับหนูธัญญ่า ไม่น่าจะได้เจอกัน ข่าวครอบครัวเราแพร่เร็วมาก” ดูสีหน้าลูกชายก็ทำให้รู้ว่า ภูดนัยพยายามกลบเกลื่อนความจริงอยู่

“แม่พูดเหมือนกับว่า ธัญญ่าจะทิ้งผม แค่เรื่องเงินแหนะ”

“แม่แค่คิด ถ้าหนูธัญญ่าไม่ได้คิดแบบนั้น แม่ก็ขอโทษ” บทเรียนจากนงนภัสทำให้เธอเชื่อว่า ยามนี้ไม่มีใครอยากรู้จักกับดำรงเกียรติ ตั้งแต่สิ้นสามีเธอก็สิ้นความหวังในการอยู่เมืองหลวงที่แล้งน้ำใจ นึกถึงแต่ทุ่งทองไร่นาของแม่ที่บ้านนอกเป็นที่ฝังร่างบั้นปลายชีวิต

เวลาผ่านไปแต่ละนาทีช่างยากเย็น พิมพ์วิไลต้องมองผู้คนที่ไม่รู้จัก หยิบฉวยข้าวของในบ้านไปเพื่อชดใช้หนี้ บัดนี้บ้านโล่งโจ้ง แม้แต่บ้านกับที่ดิน ที่ถือครองมาหลายสิบปี ตอนนี้ก็กลายเป็นของธนาคาร นางเหลืออะไรให้หวัง นอกจากกลับไปพึ่งใบบุญมารดาที่บ้านนอกเท่านั้น

“ไม่นะแม่ ผมไม่ไป เราต้องสู้สิแม่ ที่นั่นแม้แต่วันเดียวผมก็ไม่อยากอยู่” ภูดนัยติดความรุ่งเรืองของเมืองป่าคอนกรีต มากกว่าพื้นดินขาดความเจริญตา เขาไม่มีวันทนได้หากต้องไปใช้ชีวิตอยู่ถิ่นกันดาร ในใจมุ่งมั่นเชื่อเสมอว่าต้องมีหนทางที่ดีกว่าการไปอยู่ที่นั่นร้อยเท่าพันเท่า

“เราไปตั้งหลักก่อน มีโอกาสค่อยกลับมากอบกู้ทุกอย่างกลับคืนนะภู แม่ว่าอย่างนี้ดีที่สุด” หรือไม่อาจจะไม่กลับมา พิมพ์วิไลไม่สามารถเห็นความแล้งน้ำใจของบรรดาเพื่อนฝูงได้ เธอเจ็บจนเกินเจ็บ ในยามมั่งมีเพื่อนฝูงเต็มบ้านเต็มเมือง ยามยากจนหมายังเมิน

“ผมต้องไปลากคออาชวิน มาชดใช้ให้พ่อ สัญญานะแม่ผมจะลากคอมันกลับมากราบตีนแม่ กราบศพพ่อให้ได้”

“ภู ฟังแม่นะ ตอนนี้แม้แต่หายใจเรายังผิด นับประสาอะไรกับการลุกขึ้นไปต่อสู้กับคนอื่น”

“เขาโกงเรานะแม่ เงินหลายร้อยล้านที่เขาหอบไปเสวยสุข เงินเรานะ เราจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวล มีความสุขอยู่ในสังคมยังงั้นหรือ” ภูดนัยระเบิดอารมณ์โทสะพุ่งตวาดเสียงลั่น เขาอุตส่าห์ใจเย็นที่สุดเท่าที่พอทำได้ เพื่อถนอมน้ำใจมารดา เกรงท่านล้มป่วยไม่อยากเห็นท่านทุกข์ใจ

“ปล่อยวางเถอะภู แม่ไม่มีแรงต่อสู้กับใครอีกแล้ว แม่อยากอยู่สงบ” พิมพ์วิไลกล่าวกับลูกด้วยเสียงสั่นเครือ เธอไม่อาจยึดของนอกกายเหล่านี้ไว้ได้อีกต่อไป ขอเก็บชีวิตกับลมหายใจไว้อยู่ต่อ พอมีแรงค่อยคิดหาทางใหม่ ตอนนี้แม้แรงจะก้าวยังอ่อนล้า อย่าคิดไปต่อสู้กับใครเลยไม่มีหวังได้ชัยชนะ

กรรมคงตามสนอง เธอคงเคยทำไว้กับคนอื่น ชาตินี้คนพวกนั้นเลยตามมาเอาคืน

“ไว้ค่อยคุยกันนะแม่ ผมไม่พร้อมไปที่นั่นจริงๆ” คนเป็นลูกเดินขึ้นห้อง เรื่องไปอยู่บ้านนอกตัดทิ้งไปได้เลย ไม่สามารถยอมรับได้

“ภู !” มองตามลูกที่เดินจากไปอย่างไม่เข้าใจ บ้านนอกไม่ดีตรงไหนภูเอ๋ย

“ดูเอาเถอะเฟือง ฉันจะกล่อมลูกยังไงดี ตาภูไม่ยอมไปกับฉัน”

“ค่อยๆ พูดกันค่ะ คุณภูรักคุณผู้หญิง ไม่อย่างนั้นไม่ยอมขายของรักเพื่อมาใช้หนี้หรอกค่ะ เพียงแต่ไม่เคยใช้ชีวิตบ้านนอก เลยยังทำใจไม่ได้เท่านั้นเอง ให้เวลาคุณภูหน่อยนะคะ”

“อยู่ที่นี่ต่อไปรังแต่จะให้พวกเจ้าหนี้มาตามฆ่านะเฟือง”

“คุณภูใช้หนี้ไปส่วนหนึ่งแล้ว เจ้าหนี้คงเงียบไปสักพักละค่ะ”

“ฉันได้แต่หวังให้เป็นอย่างนั้น” พูดยังไม่ทันขาดคำเสียงเอะอะอยู่หน้าบ้าน เรียกความสนใจพิมพ์วิไล “ใครมาน่ะเฟืองไปดูซิ”

เฟืองวิ่งออกไปหน้าบ้าน ไม่กี่วินาทีจึงวิ่งหน้าตื่นกลับมา “คุณผู้หญิงขา”

“ว่าไงเฟือง”

“พวกหนี้นอกระบบ มันขู่จะฆ่าถ้าไม่ใช้หนี้มัน”

“วะ...ว่าไงนะ มีหนี้นอกระบบด้วยหรือ คุณชัชไปกู้คนพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง ตายจริงคนพวกนี้โหดด้วยสิ ถ้าไม่ใช้หนี้พวกมันฆ่าตาย เผาบ้านเผาช่องแน่ ทำไงดีเฟืองฉันจะทำยังไงดี”

“คุณผู้หญิงหลบอยู่ในบ้านไม่ต้องออกไปนะคะ พวกมันน่ากลัวมาก” เมื่อกี้ยังชักปืนออกมาขู่ แค่เห็นปืนเฟืองเผ่นเข้าบ้าน พวกมันยังตะโกนไล่หลังเสียงดังจนไม่กล้าออกไปเผชิญหน้า

“ภูรีบเก็บของเร็วเถอะลูก เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วนะ” พิมพ์วิไลวิ่งขึ้นไปบอกลูกชาย ด้วยใบหน้าหน้าตื่นตระหนก

“อะไรครับแม่” คนเป็นลูกตกใจท่าทางของแม่

“พวกเงินกู้นอกระบบ มันขู่จะฆ่าถ้าไม่ใช้หนี้พวกมัน”

“ยังไงนะครับ มีหนี้นอกระบบอีกหรือ” ลำพังหนี้ในระบบเล่นงานแทบแย่ นี่ยังมีหนี้นอกระบบอีก ไม่ตายคราวนี้จะไปตายคราวไหน ได้ข่าวว่าคนพวกนี้โหดมาก “ใจเย็นๆ นะแม่ผมจะออกไปคุยกับมันเอง”

“ไม่นะภู แม่ไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว ใจแม่ไม่แข็งแรงพอที่จะเสีย”

“คุยกับพวกมันดีๆ ก็น่าจะไม่มีอะไรนะครับ”

“ไม่ภู เราหนีไปจากที่นี่เถอะ พวกมันไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น ถ้าไม่ได้เงินก็แค่ฆ่าทิ้งเท่านั้นเอง”

“นั่นสิคุณภู คนที่คุณต้องปกป้องคือแม่นะคะ อย่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเลยค่ะ มันมีปืนด้วยนะ” เฟืองก็ไม่คิดเสี่ยงด้วยคน

เช้ามืดของวันใหม่สองแม่ลูกย่องออกจากบ้าน ภูดนัยไม่เห็นด้วยเพื่อความสบายใจของมารดา เขาจึงยอมเก็บกระเป๋าพาแม่ออกจากบ้าน

“ขอบใจมากเฟือง ฉันจะไม่ลืมบุญคุณแกเลย เงินห้าพันบาทนี้ ถ้าฉันไม่ตายซะก่อนยังไงซะฉันต้องคืนแกแน่ๆ” พิมพ์วิไลซึ้งน้ำใจคนรับใช้ พอเข้าตาจน เฟืองกลับไม่ทิ้งเอาตัวรอด ยังคงอยู่เคียงข้างตลอด

“คุณผู้หญิงไม่ต้องคิดมากนะคะ ถ้าคนเรามีวาสนาต่อกัน ต้องได้กลับมาเจอกันอีก เฟืองขอให้คุณผู้หญิงโชคดี เฟืองขอกอดคุณผู้หญิงได้ไหมคะ” เฟืองน้ำตารื้น หญิงวัยกลางคนรับใช้บ้านนี้มานานนม ไม่คิดว่าต้องมาจากกันด้วยสภาพอับจนข้นแค้น

“ระวังตัวด้วยนะเฟือง” พิมพ์วิไลดึงคนรับใช้เข้ามาโอบกอด ดูซิเธอสิ้นเนื้อประดาตัว จนไม่เหลือเงินสักบาท ถึงดับต้องเอ่ยปากขอยืมเงินไม่กี่พันจากคนรับใช้ น่าอายสิ้นดี

“คุณภูดูแลคุณผู้หญิงดีๆ นะคะ” เฟืองฝากฝังคุณผู้หญิงต่อชายหนุ่ม ดึงมือเด็กน้อยในอดีตมาบีบ ฝากความหวังไว้กับเขา ถึงแม้เมื่อตอนเด็กภูดนัยค่อนข้างเกรี้ยวกราด ตอนนี้นับว่าพึ่งพาได้ เฟืองปาดน้ำตา

“ฉันขอโทษที่ต้องทิ้งแก ฉันไม่อยากทำแบบนี้เลยเฟือง” คุณผู้หญิงร่ำไห้โอบกอดคนรับใช้

“โธ่...คุณผู้หญิง” สองร่างโอบกอดกันด้วยความอาดูร “รีบไปเถอะค่ะคุณผู้หญิง ก่อนที่พวกนั้นจะมา”

ทั้งสามก้าวออกหน้าบ้าน สิ่งที่คิดว่าพวกมันไม่มารบกวน นับว่าคิดผิด พวกมันเฝ้าอยู่หน้าบ้านไม่ยอมไปไหนต่างหาก

“ตายจริงคุณผู้หญิง พวกมันเฝ้าอยู่หน้าบ้าน” เฟืองเป็นทัพหน้า พอเห็นชายชุดดำสองสามคน ความกลัวทำให้หลบเข้ามาในบ้านอีกหน

“วะ... ว่ายังไงนะ”

“ออกหลังบ้าน เร็วค่ะคุณผู้หญิง คุณภู” ก้าวนำความความเร่งรีบ

“ไม่เห็นต้องกลัวเลยแม่” ก็เพราะภูดนัยไม่เคยรู้จักคนพวกนี้ดีนะสิ ถึงได้กล้าพูดคำนั้น “เราก็มีมือมีตีน ผมเป็นผู้ชายจะปกป้องแม่เอง”

“ไม่เอา อย่าไปยุ่งกับพวกมัน ไปออกหลังบ้านเร็วเข้า”

“จับรถเที่ยวเช้าที่สุดเลยนะคะรีบไปค่ะ” เฟืองพาทุกคนมุดออกประตูหลังบ้าน ที่มีทางไปถึงตลาดท้ายหมู่บ้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel