ตอนที่ : 2 เมียเก็บพ่อ 2
เป็นเช่นนี้ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา หลังจากทำความสะอาดบ้านหลังใหญ่อาทิตย์ละครั้ง พวกเธอก็จะกลับไปใช้ชีวิตที่เรือนหลังเล็กตามประสาสองแม่ลูก มีรดน้ำต้นไม้คอยตัดแต่งใบไม้ต้นหญ้าไม่ให้รกจนเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลาน แม้จะไม่มีใครมาตรวจตราการทำงาน แต่ทั้งสองก็ไม่เคยละทิ้งหน้าที่นี้ หมั่นทำอย่างสม่ำเสมอไม่เคยขาดตกบกพร่อง
และแล้ววันที่จะต้องเผชิญหน้ากับลูกชายของเจ้าของบ้านก็มาถึง อ้อยหวานและมารดาเตรียมทำความสะอาดบ้านอย่างละเอียดทุกซอกมุมตั้งแต่เมื่อวาน และมาทำเพิ่มอีกในตอนเช้าพร้อมกับซื้อเครื่องนอนมาเตรียมเปลี่ยนให้ทั้งสองห้อง ก่อนจะนั่งรออยู่ตรงห้องรับแขก ช่วงสายๆ รถของพวกเขาก็แล่นเข้ามาจอด สองแม่ลูกรีบเดินไปต้อนรับตรงหน้าประตูทางเข้าบ้าน
ผู้ชายคนแรกที่ก้าวลงมาจากรถรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้านราวกับดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่แววตาที่มองอ้อยหวานนั้นมันแปลกๆ จนหญิงสาวนึกหวั่นกลัวได้แต่ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม ซึ่งเขาก็รับไหว้พร้อมรอยยิ้ม ส่วนอีกคนที่ลงมาทีหลังอ้อยหวานไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง หญิงสาวยกมือไหว้เขาแล้วก้มลงต่ำมองที่พื้น
"สวัสดีค่ะ" นางนาตยายกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งคู่
"ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับคุณน้า เดี๋ยวผมก็อายุสั้นกันพอดี" เสียงนุ่มทุ้มของเขาทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นมอง เพียงแวบเดียวที่สบสายตากันโลกก็คล้ายจะหยุดหมุน หัวใจของอ้อยหวานเต้นแรงแบบไม่รู้ตัว ดวงตาคมกริบแทบจะบาดคนมองได้ในพริบตา ใบหน้าก็คมคายสมเป็นชายไทย รูปร่างก็บึกบึนกว่าคนแรกอยู่พอตัว
"นี่ภู ส่วนผมชื่อวิมล์"
"ค่ะคุณวิมล์ น้าชื่อน้านาตนะคะ นี่ลูกสาวชื่ออ้อยหวาน เราสองแม่ลูกเตรียมห้องให้พวกคุณเรียบร้อยแล้ว ไปอ้อยหวานไปยกกระเป๋ากันลูก"
"ค่ะแม่"
สองแม่ลูกรีบไปที่ท้ายรถเพื่อยกกระเป๋า ทว่ากระเป๋าของชายหนุ่มทั้งสองนั้นใบใหญ่จนเกินกำลังที่สตรีรูปร่างบอบบางจะยกได้ง่ายๆ
"แม่เอาใบเล็กๆ ไปก่อนนะ เดี๋ยวอ้อยหวานยกใบใหญ่เอง"
"ได้ๆ งั้นแม่เอาสองใบนี้ขึ้นไปเก็บก่อนนะ อ้อยหวานยกใบใหญ่ตามมานะลูก" ผู้เป็นแม่เดินจากไปแล้วเหลือเพียงอ้อยหวานที่กำลังปลุกปล้ำเจ้ากระเป๋าใบใหญ่ลงจากหลังรถ แต่ทำเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมลงมาแต่โดยดี
"คนสวยให้ช่วยไหม" วิภูยืนกอดอกมองหญิงสาวอยู่นานจึงได้อาสา
"ไม่เป็นไรค่ะ อ้อยหวานยกได้"
"ฉันเห็นเธอยกแบบนั้นตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่กระเป๋าของฉันกับพี่วิมล์จะได้ขึ้นห้องสักที เอ้ามานี่" ชายหนุ่มฉวยโอกาสโอบหัวไหล่ของอ้อยหวานแล้วดึงให้ออกจากท้ายรถ
"ขอบคุณค่ะ" คนถูกโอบอย่างจงใจรีบดันมือเขาออกอย่างนุ่มนวล พยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ ทั้งที่สายตาของวิภูนั้นไม่ค่อยน่าไว้วางใจสักเท่าไหร่
"จะยกก็รีบยกภู โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ" อ้อยหวานรีบหันหลังกลับไปมองก็พบสายตาดุๆ ของวิมล์มองดูแคลนมาทางเธอ
"เอ้า ยืนนิ่งทั้งคู่ รีบยกกระเป๋าขึ้นบ้านได้แล้ว"
"ครับ ไปเดี๋ยวนี้แหละพี่วิมล์ เอ้าอ้อยหวานเธอเอาใบนี้ไป สองใบใหญ่นี่เดี๋ยวฉันยกเอง"
"ขอบคุณค่ะ" แม้แต่ตอนที่ยื่นมือไปหิ้วกระเป๋าจากเขา มือของอีกฝ่ายก็ยังอุตส่าห์มาแตะสัมผัสมือของเธอได้อีก หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ เพราะรู้ว่าวิภูจงใจเป็นแน่แท้ จากคิ้วทั้งสองข้างที่เลิกสูงมุมปากกระตุกยิ้มนิดๆ ของเขา
เมื่อทั้งหมดขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน วิมล์ก็ให้น้องชายเป็นฝ่ายเลือกห้องนอนก่อน เพราะเขาเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยเรื่องมากกับเรื่องเหล่านี้
"ผมเอาห้องตรงบันไดนะพี่วิมล์ ขี้เกียจเดินไกล" วิภูเลือกความสะดวกของตนเองเป็นหลัก เขาหันไปบอกนางนาตยาว่ากระเป๋าใบไหนของเขาบ้าง จากนั้นทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องที่อยู่ตรงหน้า
"ฉันเอาห้องริมสุดโน่น" วิมล์หันมาบอกอ้อยหวานซึ่งหิ้วกระเป๋าของเขาอยู่ และสิ่งที่หญิงสาวรู้สึกงุนงงก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเดินเข้ามาหาพร้อมกับฉวยกระเป๋าใบใหญ่ด้านข้างเธอไป ปล่อยให้เธอยืนหิ้วกระเป๋าใบเล็กแบบใจหายใจคว่ำ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมเพียงแค่เขาเฉียดเข้ามาใกล้ๆ หัวใจก็เต้นแรงแบบแปลกๆ
อ้อยหวานหิ้วกระเป๋าเดินตามเขาไปยังห้องมุมสุดซึ่งมีระเบียงยื่นออกไปจากด้านข้าง มีวิวสวยให้มองทะเลสีฟ้าคราม หญิงสาวเองก็ชอบห้องนี้เป็นพิเศษเหมือนกัน
"เอาเสื้อผ้าแขวนในตู้"
"ค่ะ" อ้อยหวานทำตามอย่างว่าง่าย ส่วนเจ้าของห้องคนใหม่ก็ยืนพิงขอบหน้าต่างชมทิวทัศน์ด้านนอก มีเพียงหางตาที่เหลือบต่ำมองบางคนอยู่เงียบๆ
"เสร็จแล้วค่ะ" หญิงสาวเอ่ยบอกเขาก่อนจะหมุนตัวหมายจะออกจากห้องไป
"เดี๋ยวก่อน"
"คะ" ปลายเท้าหยุดชะงักพร้อมกับหันกลับมามองวิมล์
"เธอเป็นเมียเก็บพ่อฉันใช่ไหม" นอกจากคำถามจะไม่อ้อมค้อมแล้ว ยังมองมาด้วยแววตาเหยียดหยามอีกด้วย อ้อยหวานใช้ฟันกัดปากล่างเอาไว้แน่น
"ค่ะ" มันคือความจริงที่เธอต้องยอมรับ ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ จากเขาตามมา
"แล้วเธอนอนที่ไหน"
"อ้อยหวานกับแม่นอนที่เรือนหลังเล็กค่ะ"
"ไม่ได้นอนบนเรือนใหญ่นี่เหรอ" ดูเหมือนวิมล์จะรู้สึกแปลกใจในเรื่องนี้
"ไม่ค่ะ เรานอนที่เรือนหลังเล็ก" เสียงคนตอบเริ่มแข็งนิดๆ
"ก็ดี" เขาเอ่ยสั้นๆ เพราะคิดว่าอ้อยหวานคงมานอนบนเรือนหลังใหญ่เฉพาะวันที่บิดาของเขามาหาเป็นแน่แท้
"พ่อไม่ได้ยกอะไรให้เธอรู้ใช่ไหม สมบัติทั้งหมดแกทำพินัยกรรมให้ฉันกับภูแค่สองคน" เขาเปรยลอยๆ
"ค่ะ อ้อยหวานรู้เรื่องนั้น"
"เธอคงไม่เร้าใจพอมั้งถึงผูกเสน่ห์คนแก่ให้หลงไม่ได้" วิมล์มองดูหญิงสาวตรงหน้าที่คิดรวยทางลัด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรจากบิดาของเขาสักอย่าง เห็นเพียงริมฝีปากอิ่มตรงหน้าที่ขบเม้มเข้าหากันเสียจนแน่น
"ทำอาชีพนี้ก็ต้องทำใจนะ เลือกดีก็ดีไปเลือกร้ายก็ได้ไม่คุ้มเสีย" เขาประชดประชันแบบซึ่งๆ หน้า อ้อยหวานเหมือนจะโกรธนิดๆ จนต้องหันหน้าหนีไปด้านข้าง เกือบอึดใจหนึ่งกว่าจะหันกลับมาโต้ตอบเขา
"ขอบคุณที่บอกนะคะ แล้วคุณวิมล์จะทำยังไงกับอ้อยหวานคะ"
"หมายถึงอะไร"
"ก็คุณอัครท่านเสียไปแล้ว อ้อยหวานกับแม่ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก" เห็นเงียบๆ แบบนี้ แต่ก็มีโต้แบบทื่อๆ ได้เหมือนกัน
"เรื่องนั้นฉันต้องถามภูดูก่อน"
"ความจริงแล้วอ้อยหวานสมควรจะไปตั้งแต่คุณอัครเสียแล้วนะคะ"
"สัญญาเธอเหลืออีกหนึ่งปีนะอ้อยหวานอย่าลืม ถึงพ่อจะตายไปแล้วแต่สัญญาก็ยังอยู่" ใจจริงวิมล์ต้องการให้อ้อยหวานออกจากบ้านหลังนี้ไปในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แต่ว่าเขาก็ไม่มีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจเรื่องนี้ ต้องให้เห็นชอบด้วยกันทั้งเขาและวิภู
"สัญญาไม่เป็นโมฆะตามคนตายเหรอคะ"
"สัญญาก็คือสัญญา เป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ให้ครบตามกำหนด เธอออกไปได้แล้วอ้อยหวาน ฉันจะพักผ่อน" เขาไล่กลายๆ
"ค่ะ" แม้จะไม่ได้ความคืบหน้าใดๆ สำหรับเรื่องของตนเอง แต่อ้อยหวานก็ไม่อยากเซ้าซี้เขามากไปกว่านี้ ยังไงเสียเธอกับมารดาก็เป็นหนี้ของคุณอัครชัยอีกหนึ่งปี อดทนอยู่ต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร