เจอกันครั้งแรก(2)
อย่างภูริช เขารู้สึกว่าชายหนุ่มนั้นมีมาดของความเป็นผู้นำ ดูแล้วน่าจะมาจากครอบครัวที่ดี ผิวพรรณสะอาดสะอ้านแววตามุ่งมั่น ที่สำคัญถึงจะดูดุดันแต่ก็ไม่ได้ดูมีเล่ห์เหลี่ยมหรือมีพิษมีภัยอะไร
“ขอบคุณคุณหมอนะครับที่เมตตาผม ถ้า วันนึงผมหาย ผมจะตอบแทนบุญคุณคุณหมอแน่นอนครับ”
ภูริชไม่อยากรับความช่วยเหลือจากใครฟรีๆ แต่เพราะเขารู้สึกว่าตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยได้รับน้ำใจแบบนี้เลยสักครั้ง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
“ผมมีอีกเรื่องอยากขอร้องคุณหมอ อย่าบอกใครได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม”
วีรศิลป์พยักหน้า ตัวเขาตั้งใจแล้วว่าจะให้ชายหนุ่มนั้นเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านรอจนกว่าความทรงจำจะกลับมา เพราะเท่าที่ฟังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าภูริชนั้นถูกหมายหัวจากผู้มีอิทธิพลในเมืองนี้ หากอีกฝ่ายออกไปเดินเพ่นพ่านอาจจะถูกจับตามอง
เพราะเท่าที่ฟังเรื่องราว พวกมันตั้งใจเก็บเขา หากพบว่าภูริชนั้นยังไม่ตาย ความเดือดร้อนคงจะลามมาถึงครอบครัวของเขาด้วยเช่นกัน
“ผมสัญญาว่าจะไม่บอกใคร ระหว่างนี้คุณก็อยู่เงียบๆไปก่อน ผมจะคอยรีเช็คอาการให้”
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนยกมือไหว้อีกฝ่ายเพื่อขอบคุณ วีรศิลป์มีความจำเป็นต้องไปตรวจร่างกายให้กับคนในหมู่บ้าน เขาจึงได้ฝากฝังลูกสาวให้ช่วยดูแลภูริชชั่วคราว
“พ่อจะไปตรวจน้ายุ้ย เดี๋ยวลูกหาข้าวหาปลาให้เขากินด้วย แล้วพ่อจะรีบกลับมา”
ด้วยความไว้ใจชายวัยกลางคนจึงปล่อยให้ ลูกสาวอยู่กับชายหนุ่มเพียงลำพัง เพราะเห็นว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสาย มีผู้คนพลุกพล่านอยู่ด้านนอก จึงไม่ได้หวั่นเกรงอันตราย
“ค่ะพ่อ”
หลังจากที่ผู้เป็นพ่อเดินทางออกจากบ้าน หญิงสาวก็นึ่งข้าวเหนียวก่อนจะตักน้ำพริกหนุ่มใส่ถ้วยเล็ก เธอทอดแคบหมูจนกลิ่นหอมนั้นอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน ทำให้ท้องชายหนุ่มร้องโคกครากด้วยความหิวโหย
“ไม่รู้ว่าคุณจะกินได้ไหม น้ำพริกหนุ่มกับแคบหมู”
ชายหนุ่มนิ่งเพราะเขาไม่เคยกินเมนูนี้มาก่อน หญิงสาวเห็นท่าทางแล้วก็คะยั้นคะยอให้เขาลองกิน
“ไม่ลองไม่รู้นะคะ คนเราเกิดมาครั้งเดียวถ้าไม่ลองกินคงน่าเสียดายแย่”
หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนที่เธอจะปั้นข้าวเหนียวจิ้มลงไปในน้ำพริกและยื่นให้ชายหนุ่ม ภูริชได้กลิ่นหอมโชยมาแตะจมูกก็ตัดสินใจลองกินดู
“เป็นยังไงบ้างคะ น้ำพริกฝีมือฉันพอจะกินได้ไหม”
หญิงสาวเอ่ยถามพร้อมทั้งจดจ้องอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่เขาจะลงมือกินอาหารเงียบๆ โดยมีหญิงสาวนั่งทำขนมอยู่ใกล้ๆ
“คุณกำลังทำอะไรอยู่”คนถามทำท่าสนใจ
“ทำขนมถ้วยค่ะ ไว้ขายตอนเย็น”
หญิงสาวเอ่ยตอบ เธอเป็นคนที่อยู่นิ่งเฉยไม่ได้ต้องหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่เตรียม ออเดอร์แคบหมูเสร็จแล้ว เธอก็แพ็คใส่กล่องรอณัฐวัฒน์มารับช่วงบ่ายพาไปส่งพัสดุที่ไปรษณีย์ ระหว่างนี้ก็ทำขนมไปพลางๆเพื่อไว้ขายตอนเย็น
“ไปขายที่ตลาดหรือ”
หญิงสาวส่ายหน้า หากจะไปตลาดก็คงต้องใช้เวลาเดินทางนานพอสมควร อีกอย่างครอบครัวเธอไม่มีรถยนต์มีแค่มอเตอร์ไซค์สองคัน จะให้แบกของทั้งหมดเพื่อไปขายที่ตลาดใหญ่ก็ดูจะทุลักทุเลเกินไป
ทุกวันนี้จะไปไหนมาไหนก็อาศัยณัฐวัฒน์จนเธอรู้สึกเกรงใจ
“ขายหน้าบ้านนี่แหละค่ะ ขายดีนะคะ ที่นี่หาอาหารกินยาก ร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดห่างจากบ้านนี้สิบกิโลค่ะ”
ได้ยินแบบนั้นชายหนุ่มก็ถึงกับชะงัก บริเวณนี้ล้อมรอบไปด้วยภูเขา มองออกไปมีเพียงร้านค้าขนาดเล็กตั้งอยู่ประปราย ไม่แปลกที่จะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก
“แล้วปกติคุณทำงานอะไร”
“ฉันยังเรียนไม่จบเลยค่ะ แต่ช่วงนี้ปิดเทอมก็เลยกลับไปอยู่บ้าน”หญิงสาวเอ่ยตอบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถามต่อ
“คุณเรียนอยู่ที่ไหน”
“ฉันเรียนปีสุดท้ายอยู่มหาลัยในกรุงเทพฯค่ะ”
“ไปเรียนไกลเลยนะ”