ถูกไล่ล่า(3)
ผู้เป็นย่าเอ่ยถามด้วยความสงสัย ประวัติหลานชายของเธอนั้นไม่ธรรมดา ควงตั้งแต่พนักงานออฟฟิศธรรมดาจนถึงดาราแถวหน้า แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลงเอยกับใครสักคน ที่ว่าคบนานที่สุดก็คงจะราวๆสองสามเดือน หลังจากนั้นก็เปลี่ยนหน้าใหม่จน ผู้เป็นย่าตามไม่ทัน
“ผมยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกครับคุณย่า ตอนนี้มีเรื่องอื่นให้ผมต้องสนใจมากกว่า ถ้าคุณย่าช่วยให้ผมสัมปทานเหมืองทองได้ ผมคงจะคิดเรื่องแต่งงาน”
ชายหนุ่มพูดเข้าเรื่อง ชีวิตเขาไม่ได้หมกมุ่นกับความรักแต่หากมีเข้ามาเขาก็พร้อมจะเปิดใจ ภูริชเป็นคนบ้างานมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทำให้ไม่มีผู้หญิงคนไหนทนเขาได้เลย
ชายหนุ่มชินแล้วกับความสัมพันธ์รักๆเลิกๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่าย หากมีผู้หญิง คนไหนสนใจในตัวเขาและอยากทำความรู้จัก ชายหนุ่มก็ไม่เคยปิดกั้นตัวเอง
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวย่าจะช่วยเรื่องสัมปทานก็แล้วกัน”
หญิงสูงวัยรับปาก ก่อนที่เธอนั้นจะชวนหลานชายกินอาหารเย็นร่วมกัน หลังจากอยู่พูดคุยกับผู้เป็นย่าสักพักชายหนุ่มก็ขอตัวกลับ
หลายสัปดาห์ต่อมา ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ประกาศผลการอนุมัติยื่นขอสัมปทานเหมืองทอง ซึ่งแน่นอนว่าเส้นสายของคุณหญิงจันทิมานั้นทำให้ภูริชคือผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้ามาทำผลประโยชน์ในเหมืองทองแห่งนี้ แต่ทว่ามันก็เหมือนดาบสองคม ในพื้นที่ตรงนั้นมีผู้อิทธิพลมากมาย ทำให้ภูริชได้รับข้อความข่มขู่ไม่เว้นวัน แต่ชายหนุ่มก็ไม่สนใจเพราะตัวเขาก็ไม่ใช่ไก่กา เขาเกิดมาในตระกูลนักการเมืองที่มีเส้นสายและอิทธิพลไม่แพ้กัน หากเขาเป็นอะไรไป ทุกคนคงไม่ปล่อยพวกคนเหล่านั้นเอาไว้แน่
ชายหนุ่มไม่ได้นึกเกรงกลัว เขาเดินทางมาที่เหมืองเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและนำคนงานรวมทั้งเครื่องจักรในการขุดเจาะเข้ามาด้วย
“ยินดีด้วยนะครับคุณภูริช จริงๆแถวนี้มีเหมืองเดิมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่คนที่สัมปทานได้ก็มักจะเป็นหน้าเดิมๆ เป็นผู้มีอิทธิพลของที่นี่ พอเห็นว่ามีคนรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างคุณเข้ามาดูแล ผมก็รู้สึกเบาใจหน่อย”
ผู้ว่าราชการเอ่ยขึ้น ตัวเขาเป็นคนท้องที่อื่น แต่ถูกส่งมารับราชการที่นี่ แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องคอยเกรงใจพวกผู้มีอิทธิพลอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่ถูกคนเหล่านั้นบีบบังคับให้เดินเอกสารเพื่ออำนวยความสะดวกอย่างไม่ถูกต้องทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย
“ผมคงต้องฝากเนื้อฝากตัว จากนี้คงมี หลายเรื่องต้องรบกวนผู้ว่า”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างนอบน้อม เนื่องจากอีกฝ่ายนั้นมีตำแหน่งใหญ่โตทั้งยังอายุมากกว่า ภูริชจึงได้ถือโอกาสฝากเนื้อฝากตัวตามคำแนะนำของผู้เป็นย่า
“ถ้ามีปัญหาอะไรโทรหาผมได้เลยนะครับ ผมยินดีให้ความช่วยเหลือ”
ชายหนุ่มรู้สึกเบาใจ อย่างน้อยท่ามกลางสิงสาราสัตว์ก็ยังมีมิตรแท้ที่จริงใจ ภูริชรู้ดีว่าเขายังต้องเผชิญกับพวกเห็บหมัดไปอีกนาน แต่หากได้ผู้ว่าเป็นพันธมิตรแบบนี้งานของเขาคงจะราบรื่นไม่น้อย
หลังจากที่ชายหนุ่มนั้นตรวจความเรียบร้อยเสร็จสิ้นเขาก็ได้ตัดสินใจเดินทางกลับกรุงเทพฯ แต่เพราะว่าคนขับรถนั้นล้มป่วยกระทันหันจนถูกหามส่งโรงพยาบาล ภูริชจึงต้องขับรถกลับด้วยตัวเอง
รถตู้คันหรูแล่นไปตามเส้นทางคดเคี้ยว ภูริชไม่ชินเส้นทางแต่เพราะเขาขับขี่มาเป็นเวลานานจึงมีสติในการประคองรถพอสมควร
ขณะที่ชายหนุ่มนั้นกำลังมองตรงไปยังถนนเบื้องหน้า จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงคล้ายกับอะไรบางอย่างกระทบกระจกด้านหลังเต็มแรง มอเตอร์ไซค์วิบากหลายคันกำลังมุ่งตรงเข้ามาและกระชั้นชิดมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล
ภูริชเหยียบคันเร่งก่อนจะประคองรถ ลำพังแค่เส้นทางก็ยากอยู่แล้วแต่เขายังถูกคนไล่ล่าอีกด้วยชายหนุ่มพยายามตั้งสติก่อนจะมองหาเส้นทางหนีแต่ดูเหมือนว่าคนชุดดำด้านหลังจะเป็นคนพื้นที่ พวกมันเลี้ยวรถลัดเลาะไปอีกเส้นทาง ก่อนจะโผล่มาดักหน้าเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้ชายหนุ่มนั้นต้องหักพวงมาลัยหลบกระทันหัน ส่งผลให้รถพลิกคว่ำหลายตลบกลิ้งลงเนิน
“ไป....พวกเรา!”
หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นก่อนที่กลุ่มชายชุดดำจะรีบแยกย้ายหนีกันไปคนละทิศละทาง ภูริชหมดสติโดยที่ศีรษะของเขาก็กระแทกกระจกอย่างรุนแรงจนเลือดไหลออกมาไม่หยุด รถมีรอยยุบขนาดใหญ่หลายจุด แต่ถึงอย่างนั้นในห้องโดยสารก็ไม่ได้เสียหายมากนัก
เสียงที่ดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้ชายวัยกลางคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาต้องหยุดดู เขามองลงไปด้านล่างก่อนเห็นว่ามีรถคันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ จึงได้โทรตามรถพยาบาล ส่วนตัวเขาก็ค่อยๆไต่ลงไปเพื่อช่วยเหลือคนในรถให้ออกมา
“คุณ!”
เขาหวังว่าอีกฝ่ายนั้นยังคงมีสติจึงได้เรียกขาน แต่เมื่อเห็นร่องรอยบาดแผลก็รู้ทันทีว่าศีรษะได้รับ การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ชายวัยกลางคนมองหาผ้าก่อนจะรีบกดหยุดเลือดไม่ให้ไหลออกมามากกว่านี้ หลังจากนั้นเขาก็ได้เช็คร่างกายส่วนอื่นอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไรนอกจากรอยช้ำทั่วทั้งตัว
วีรศิลป์มองไปที่ทะเบียนรถและเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ชินเส้นทางถึงได้เกิดอุบัติเหตุ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจสาเหตุมากเท่ากับอาการของคนตรงหน้าที่ค่อนข้างวิกฤต
ในฐานะหมอเขาต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตคนเจ็บเพื่อรอจนกว่ารถพยาบาลจะมารับตัวไป ระหว่างนี้เขาก็ได้มองหาอุปกรณ์ที่พอจะปฐมพยาบาลได้ชั่วคราว