บทที่ 2 บทนำ นางยั่วจำเป็น 1.1
คำตอบของน้องหนูเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนงานทั้งหลาย ไม่คิดว่าไร่ปลายฟ้าจะให้เงินเดือนมากกว่าที่นี่ถึงสามเท่าตัว
“จริงเหรอ คุณท็อปให้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” คำถามของแหลมสิงห์เหมือนกับคำถามของประยงค์ไม่มีผิด
“จริงสิจ๊ะ ให้เงินเดือนมากกว่าสามเท่ายังไม่พอนะ ยังให้สวัสดิการมากกว่าอีกด้วย” เธอเปิดประเด็นให้คนงานทั้งหลายสนใจ
“มากกว่ายังไงน้องหนู”
ลุงโม่งถามขึ้น เพราะที่นี่เขาก็คิดว่าให้มากอยู่แล้ว ใครไม่มีที่พักก็พักที่นี่ ข้าวก็กินฟรีสองมื้อกลางวันกับเย็น มีรถบริการฟรีไปตัวเมืองทุกอาทิตย์และวันเงินเดือนออก ค่ารักษาพยาบาลก็ฟรีหากเจ็บป่วยหรือได้รับอุบัติเหตุ เพียงเท่านี้สำหรับคนต่างจังหวัดก็ถือว่ามากแล้ว
“นอกจากจะได้เงินเดือนมากกว่า ยังมีอย่างอื่นที่ดีกว่าด้วย บ้านพักฟรี มีเฟอร์นิเจอร์ให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น โทรทัศน์ พัดลม และอื่นๆ อีกหลายอย่าง ค่ารักษาพยาบาลก็ดีกว่าด้วย ทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตให้กับทุกคน เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งให้กับคนงานทุกวันเสาร์ ให้เราครื้นเครง ขับไล่ความเหนื่อยที่ตรากตรำทำงานมาทั้งอาทิตย์ คิดดูนะจ๊ะว่าที่นี่มีให้หรือเปล่า”
เธอนำหลายอย่างที่...ที่ไร่พฤกษาไม่มีให้มาหลอกล่อให้คนงานทั้งหลายเกิดการไขว้เขว แล้วดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย เพราะคนงานทั้งหลายต่างพากันซุบซิบพูดคุยกับคนที่นั่งข้างๆ
“น่าเสียดายจังที่พวกพี่ๆ ไม่ได้ย้ายไปอยู่ไร่ปลายฟ้ากับน้องหนู ถ้าไปรับรองว่าน้องหนูจะทำความสะอาดห้องให้พวกพี่ๆ ทุกคนเลยจ่ะ จะทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน แล้วที่สำคัญจะนั่งป้อนเหล้าป้อนกับแกล้มให้พวกพี่ๆ ด้วย”
เธอหยุดพูดก่อนจะใช้มือเท้าคางโดยมีข้อศอกตั้งอยู่บนหัวเข่า โน้มกายลงต่ำเพื่อให้เนินอกอวบโผล่ล้น เป็นอาหารตาให้กับคนงานเหล่านั้นที่นั่งทำตาลุกวาว “แล้วถ้าพวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ลาออกจากที่นี่ไปอยู่ไร่ปลายฟ้า น้องหนูจะบริการพิเศษกับพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ทุกคนเลยค่ะ”
เธอพูดยั่ว ทิ้งสายตามหาเสน่ห์ให้กับคนงานที่ตื่นตาตื่นใจกับคำพูดของน้องหนูนางยั่วประจำไร่
“บริการที่พิเศษที่น้องหนูว่าคืออะไรจ๊ะ?” แหลมสิงห์ถามเสียงสั่น มองสาวสวยผิวขาวเนียนตาเป็นประกาย
“ก็แล้วแต่ว่าพวกพี่ทั้งหลายจะให้น้องหนูทำอะไร แต่รับรองว่าพวกพี่ๆ ต้องพอใจแน่นอนจ้ะ” น้องหนูทิ้งปริศนาไว้โครมใหญ่ “ว่าไงจ๊ะ จะไปกันหรือเปล่า ได้เงินเดือนเพิ่มขึ้น ได้สวัสดิการดีขึ้น และได้ตัวน้องหนู เอ๊ย!!..ไม่ใช่...ต้องพูดว่าน้องหนูได้บริการพิเศษให้กับพวกพี่ๆ ต่างหาก ว่าไงจ๊ะ สนใจหรือเปล่า?”
เธอขุดหลุมพรางหลุมใหญ่ไว้หลอกล่อชายกำหนัดที่หลงใหลในร่างกายและเสน่ห์ของตน
“แต่พวกพี่ๆ กลัวว่าจะไม่มีคนทำงานที่นี่ วันมะรืนก็จะเก็บผลผลิตแล้ว พวกพี่ไปใครจะช่วยคุณทอร์ชทำงาน” แหลมสิงห์สองจิตสองใจ
“โธ่!!...พี่แหลมสิงห์ ปัญญาอย่างคุณทอร์ชสามารถอยู่แล้ว ไม่ต้องไปเป็นห่วงเขาหรอก ห่วงปากท้องของเราดีกว่า ใครให้เงินดี ใครให้สวัสดิการเยี่ยม ใครที่ทำให้เราได้ในสิ่งต้องการได้มากกว่าเราก็ไปอยู่กับคนนั้น อย่างเช่นน้องหนูไงจ๊ะ ไปอยู่ไร่ปลายฟ้าเพราะได้เงินดีกว่า สวัสดิการก็ดีกว่า น้องหนูจึงอยากให้พวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ไปอยู่กับน้องหนูด้วย” น้องหนูยังโน้มน้าวต่อไป
“แต่ถ้าไปตอนนี้คุณทอร์ชจะหาคนงานมาเก็บผลผลิตทันเหรอ ถ้าไม่ทันคุณทอร์ชเสียหายเป็นล้านๆ เลยนะ”
ลุงโม่งพูดขึ้น จะว่าไปเจ้าของไร่พฤกษาก็ดีกับพวกตนไม่น้อย ช่วยเหลือในทุกๆ เรื่องที่พวกเขาเดือดร้อน การย้ายไปทำงานในไร่ปลายฟ้าไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ เพราะเจ้าของสองไร่นี้ไม่ถูกกันอย่างแรง
“ลุงโม่งจ๋า เงินเป็นล้านๆ ไม่ได้ทำให้กระเป๋าของคุณทอร์ชแบนหรอกค่ะ รวยซะขนาดนั้น เป็นห่วงตัวเองดีกว่านะ”
“นั่นสิลุง ไปอยู่ที่โน่นดีกว่า ดีกว่าเห็นๆ เพราะมีน้องหนูไปอยู่ด้วย”
แหลมสิงห์พูดในเชิงเจ้าชู้ใส่น้องหนูที่นั่งแย้มยิ้มอย่างสวยงามบนแคร่ ทั้งๆ ที่ตัวเองมีครอบครัวแล้ว แต่ก็ยังหลงติดบ่วงของน้องหนูที่ขุดล่อ
“ใช่จ้ะ น้องหนูไม่อยากสบายคนเดียว อยากให้ทุกคนสบายด้วยก็เลยมาชวนพวกพี่ๆ ทั้งหลาย ไปอยู่ไร่ปลายฟ้าเราจะได้มีความสุขด้วยกันไงจ๊ะ” ข้อหลังนี่เองที่ดึงดูดใจชายทั้งหลาย
“คุณท็อปรับคนงานกี่คนล่ะน้องหนู?” พันถามขึ้น
“รับไม่อั้นจ่ะ คุณท็อปกำลังจะขยายไร่ ต้องการคนงานมากๆ อ้อ!!...ลืมบอกไป ถ้าใครชักชวนคนงานในไร่นี้ไปทำงานในไร่โน้น คุณ
ท็อปจะให้ค่าหัวเพิ่มอีกคนละหนึ่งพัน” น้องหนูเอาสิ่งนี้มาล่ออีกหนึ่งอย่าง
“จริงเหรอ ได้หัวละพันเชียวหรือ?” แหลมสิงห์ตาโตถาม
“จริงสิจ๊ะ คนงานผู้ชายที่นี่มีตั้งเยอะ ถ้าพวกพี่ๆ ลุงๆ น้าๆ ทั้งหลายไปกล่อมคนงานคนอื่นๆ ให้ไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้าได้สำเร็จ จะได้พิเศษอีกหัวละพัน กล่อมได้เยอะก็ได้เงินเยอะนะจ๊ะ”
“ตกลงตามนี้เลยน้องหนู พี่จะลาออกจากที่นี่ไปทำกับคุณท็อป แล้วจะชวนคนอื่นๆ ไปด้วย” แหลมสิงห์พูดขึ้นหลังจากตัดสินใจ
“ลุงด้วย ลุงไปด้วยเดี๋ยวลุงไปพูดกับคนอื่นๆ ด้วย” ลุงโม่งเอ่ยขึ้นอีกคน
“น้าไปด้วย เงินดีดีอย่างนี้มีหรือจะไม่ไป” นายพันตอบตกลงอีกคน
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันที่หน้าไร่ตอนเจ็ดโมงเช้านะจ๊ะ อย่าสายล่ะ ถ้าสายน้องหนูไม่คอยด้วย พวกพี่ๆ ก็จะไม่ได้บริการพิเศษจากน้องหนู” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนอวดหุ่นสวย “น้องหนูไปนะจ๊ะ พรุ่งนี้เจอกัน แล้วอาหารเย็นมื้อนี้น้องหนูจะทำเป็นพิเศษ หมูหมักนมสด”
เธอทำในลักษณะเดียวกันกับที่ทำให้ประยงค์เห็น และนั่นเรียกความกระหายในการลิ้มลองหมูหมักนมสดมากยิ่งขึ้น แต่ละคนมองตามน้องหนูที่เดินออกไปจากเพิงพักตาละห้อย บางคนถึงกับน้ำลายหกก็มี
น้องหนูนามสมมุติเดินกระหยิ่มด้วยความสมใจ อีกนิดเดียวแผนของเธอก็จะสำเร็จแล้ว รอถึงวันพรุ่งนี้เท่านั้น ทุกสิ่งอย่างที่เธอต้องการก็จะบรรลุเป้าหมาย เธอจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขเสียที หลังจากที่ต้องแสดงบทเป็นนางแมวยั่วสวาทอยู่ที่ไร่แห่งนี้เพื่อการบางอย่างมาร่วมสองสัปดาห์ พรุ่งนี้เธอจะเป็นไทแล้ว
วันรุ่งขึ้น ณ ไร่ปลายฟ้า
กวีวัชน์มองคนงานของไร่พฤกษาที่เดินเข้ามาในไร่ของตนเองด้วยความพอใจ โดยเฉพาะสาวน้อยวัยใสนางยั่วนางนกต่อที่ทำงานได้ดีเกินคาด กวีวัชน์ไม่คิดว่าจะทำให้คนงานชายนับสิบๆ คนเปลี่ยนใจมาทำงานกับเขาได้ในระยะเวลาสองสัปดาห์ตามที่ตกลงกันไว้
“มาแล้วเหรอรัมภา เธอทำงานดีเกินคาดเลยนะเนี่ย?”
กวีวัชน์เจ้าของไร่ปลายฟ้า ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าปีผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว กล่าวคำชื่นชมเพียงรัมภาหรือรัมภาชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริงของเธอด้วยความจริงใจ หลังจากที่สาวเจ้าเดินเข้ามาหาเขาที่ยืนอยู่หน้าบ้านพักหลังใหญ่ ส่วนคนงานจากไร่พฤกษาเดินเลี้ยวไปทางบ้านพักคนงานที่จัดเตรียมไว้ให้
“ฉันทำงานสำเร็จแล้ว นายก็อย่าลืมสัญญาก็แล้วกัน” เธอพูดกับคนที่ตัวสูงกว่า
“แน่นอน คนอย่างนายกวีวัชน์ไม่เคยผิดสัญญาอยู่แล้ว ต่อไปนี้เธอก็ก้าวเข้ามาอยู่ในตำแหน่งว่าที่น้องสะใภ้ของฉันได้เลย” กวีวัชน์ยินยอมทำตามข้อสัญญา
“ดี” เธอกระแทกเสียงพูด “ฉันขอไปพักผ่อนก่อน เหนื่อยชะมัด” คำที่เธอเอ่ยออกมานั้น เป็นเชิงบ่นเสียมากกว่า
“ทำไม ยั่วพวกมันหนักหรือไง ยั่วท่าไหนล่ะ พวกมันถึงได้
ยอมตามมาเป็นพรวนขนาดนี้?”
เพียงรัมภารู้สึกไม่ชอบใจกับน้ำเสียงและสีหน้าของผู้พูดเลย มันเหมือนกับว่าเขากำลังดูถูกเธออยู่
“หลายท่าเลยล่ะ ฉันก็ยั่วพวกคนงานเหล่านั้นเหมือนกับที่ยั่วน้องชายของพี่ท็อปยังไงล่ะ?”
เพียงรัมภากระแทกเสียงตอบ มองหน้าคนที่ถามอย่างไม่ยี่หระ คู่สนทนาเนื้อเต้นในทันทีที่สาวร่างเล็กกล้าต่อปากต่อคำกับเขา ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนรักของน้องชาย รับรองได้ว่าเขาตบคว่ำเลือดกบปากแล้ว
“เธอทำอะไรก็ให้เกียรติน้องชายของฉันบ้างนะ ไม่ใช่เที่ยวไปยั่วไม่เลือกคนอย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะเลยเถิดไปถึงไหนๆ” เขาเค้นเสียงพูด จ้องมองสาวหน้าสวยรูปร่างเซ็กซี่เขม็ง
“แล้วพวกคนที่พี่พูดถึง ไม่ใช่คนที่พี่ต้องการให้มาที่นี่หรือไง อย่าทำเป็นสั่งสอนฉันหน่อยเลย ฉันรู้ตัวดีว่าต้องทำยังไงบ้าง ฉันก็มีขอบเขตของฉันเหมือนกัน อีกอย่างนึงนะ พี่ท็อปไม่ใช่เจ้านายของฉัน แล้วฉันก็ไม่ใช่ลูกน้องของพี่ด้วย เพราะฉะนั้นอย่ามาทำเป็นหมาบ้าเห่าหอน แยกเขี้ยวใส่ฉันแบบนี้ รู้จักฤทธิ์แม่น้อยไปซะแล้ว นี่แน่ะ”
เพียงรัมภาพูดเป็นชุด ก่อนจะยกเข่าขึ้นสูงกระแทกไปยังกล่องดวงใจของกวีวัชน์ ชายหนุ่มที่เธอหมั่นไส้ตั้งแต่แรกเห็นเต็มแรง
“โอ๊ย!!...ทะ...เธอ”
เขาร้องครวญเสียงดัง ใช้มือทั้งสองข้างจับตรงจุดที่โดนกระแทก ตัวงอ หน้าดำหน้าแดง พูดไม่ออก ได้แต่ส่งสายตาอาฆาตให้กับสาวหน้าหวานที่ยืนกอดอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“นี่แค่สั่งสอนนะ ถ้าเผื่อพี่ท็อปยังเห่าใส่ฉันอีก หรือว่ามองฉันเหมือนกิ้งกือไส้เดือน ฉันจะกระแทกให้ใช้การไม่ได้เลย คอยดู เชอะ”
พูดจบเพียงรัมภาก็เดินสะบัดหน้าเข้าไปในบ้านหลังนั้นทันที ปล่อยให้เจ้าของบ้านเจ็บจนจุกทั้งจากการกระทำและคำพูดของแม่ดาวยั่วจำเป็นตามลำพัง
“ฝากไว้ก่อนเถอะรัมภา อูยส์!!”
เสียงคำรามเบาๆ ตามมาด้วยเสียงครางเจ็บของกวีวัชน์ ดังตามหลังสาวหุ่นดีที่เดินเข้าไปในบ้านของตน ครั้งนี้เขาจะปล่อยเธอไปก่อน เพราะเขาต้องพึ่งเพียงรัมภาไปจนกว่างานของเขาจะสำเร็จ งานนี้เจ้าของไร่พฤกษาต้องเจ็บจนกระอักเลือดแน่ เมื่อกลับมาจากต่างประเทศแล้วรู้ว่า คนงานชายตัวหลักของการเก็บผลผลิตได้มาอยู่ในไร่ของเขา
อยากเห็นหน้ากวินภพตอนนั้นเหลือเกิน...คงสะใจพิลึก
สองวันต่อมา
“อะไรนะ!!...เก็บผลผลิตที่ไร่ไม่ทัน เป็นไปได้ยังไงวะ คนงานมีเป็นร้อยทำไมถึงเก็บไม่ทัน?”
น้ำเสียงสูงของกวินภพเจ้าของไร่พฤกษาตวาดถามลูกน้องทั้งห้าคนที่ยืนก้มหน้าหนีดวงตาดุกร้าวของเจ้านาย เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทันทีที่กลับมาบ้านเกิดเมืองนอน เขาจะได้รับข่าวร้ายเช่นนี้ ก้นที่นั่งเครื่องบินมายังไม่ทันหายร้อน กลับมาถึงไร่ก็มีอาการร้อนอกร้อนใจขึ้นมาอีกทำนบ แล้วไม่คิดด้วยว่าคนงานที่มีอยู่ร่วมหนึ่งร้อยคนจะไม่สามารถเก็บผลผลิตในไร่ได้ทันตามกำหนด มันต้องมีเรื่องผิดพลาดอย่างแน่นอน
“เมื่อก่อนมีนับร้อยจริงๆ ครับ แต่ตอนนี้มีไม่ถึงห้าสิบคน แล้วห้าสิบคนที่ว่าก็มีแต่คนงานหญิงครึ่งหนึ่งครับ” เสียงของจตุรทิศดังขึ้นหลังจากสิ้นเสียงของเจ้านาย
“ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น แล้วทำไมพวกมึงถึงไม่โทรไปบอกกู?”
เจ้าของไร่เค้นถามเสียงเครียด ตวัดสายตาคมกริบมองลูกน้องทั้งห้าเรียงคน
“ที่ไม่บอกเพราะติดต่อเจ้านายไม่ได้ต่างหากครับ เพราะตอนที่เกิดเรื่องเจ้านายอยู่บนเครื่องบินแล้วก็ปิดมือถือส่วนพวกผมก็อยู่กรุงเทพฯ เพราะต้องดูแลเรื่องการส่งออก ป้าพิณโทรมาบอกผมว่าเมื่อวานซืนนี้ว่า พวกคนงานผู้ชายหนีตามน้องหนูไปหมดเลยครับ”
ไม่ใช่ว่าลูกน้องทั้งห้าคนไม่คิดจะบอกเรื่องนี้กับผู้เป็นนาย แต่เป็นเพราะวันที่เกิดเหตุเป็นวันที่กวินภพกำลังโดยสารเครื่องบินเพื่อกลับเมืองไทย หลังจากเจรจาธุรกิจสำคัญเสร็จสิ้น ทำให้เขาจำเป็นต้องตัดการสื่อสารชั่วคราว และการเดินทางจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยใช้เวลาหลายสิบชั่วโมง หนำซ้ำต้องพักเครื่องอยู่ประเทศญี่ปุ่นนานถึงสามสิบชั่วโมงเนื่องจากเกิดพายุในประเทศนั้น ทัศนวิสัยจึงไม่เหมาะกับการนำเครื่องขึ้น อีกทั้งกวินภพไม่ได้เปิดเครื่องระหว่างพักอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อรอขึ้นเครื่องอีกด้วย ทำให้การติดต่อสื่อสารลบติดศูนย์
คำตอบของจตุรทิศทำให้คิ้วหนาของผู้เป็นนายขมวดยุ่ง พร้อมกับนึกถึงคนที่ชื่อน้องหนู คนที่ชื่อนี้เขาจำได้ว่าเป็นหลานของป้านุ่มแม่ครัวประจำไร่ที่ป่วยเป็นโรคเก๊าท์ นางขอพักรักษาตัวให้หายดีโดยระหว่างหยุดพักไป จึงให้น้องหนูซึ่งเป็นหลานสาวของนางมาทำหน้าที่แทน แล้วน้องหนูคนนี้มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้ กวินภพเกิดความสงสัยในฉับพลัน
“น้องหนูหลานของป้านุ่มมาเกี่ยวอะไรด้วย?” เขาถามกลับไป
“ก็หลานสาวของป้านุ่มนี่แหละครับคือตัวต้นเหตุ”
จตุรทิศตอบแบบไม่ให้ความกระจ่างแจ้ง ทำให้คนที่รอฟังคำตอบเกิดอาการหงุดหงิด
“เออ!!...กูก็ถึงถามมึงไงว่า น้องหนูมาเกี่ยวอะไรด้วย มึงก็แค่ตอบกูมา ไม่ใช่มาทำให้กูสงสัยเพิ่มขึ้น”
“คืออย่างนี้ครับนาย คนงานผู้ชายของเราลาออกไปทำงานที่ใหม่พร้อมกับน้องหนูครับ แล้วที่ทำงานที่ใหม่ของน้องหนูก็คือ ไร่ปลายฟ้าของคุณท็อปครับ” จักรพงษ์ตอบแทนพี่ชายคนโต
“หา!!...ย้ายไปทำงานในไร่ของไอ้ท็อปอย่างนั้นเหรอ แล้วทำไมถึงย้ายตามน้องหนูไปได้ล่ะ?” กวินภพตวาดถามกลับเสียงสั่น เมื่อได้ยินชื่อของคู่อริตลอดกาลของเขา
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับนาย...”
จักรเพชรเปิดปากเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในไร่ช่วงที่กวินภพไม่อยู่อย่างละเอียด คนที่นั่งฟังอยู่ถึงกับกำมือแน่น ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าคมหล่อเริ่มมีสีแดงมาปะปน กรามทั้งสองข้างขบกันแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูนขึ้นเป็นทาง
ต้นเหตุของเรื่องนี้คือน้องหนู หลานสาวของป้านุ่มวัยยี่สิบสี่ปี สตรีที่มีรูปร่างสะเทือนใจชาย ใบหน้างามหมดจดสวยใสสมวัย ผิวกายผุดผ่องดูมีราศี พอก้าวเข้ามาเป็นแม่ครัวของไร่ เรื่องวุ่นๆ ก็เกิดขึ้นทันที เป็นเพราะความละอ่อน ความสดใส สรีระที่ทุกคนเห็นแล้วต่างกลืนน้ำลายลงคอและการยั่วยวนนิดๆ ของเธอเป็นชนวนให้คนงานชายทั้งหลายทิ้งงานทิ้งการที่ไร่พฤกษา โยกย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้าตามน้องหนูที่ลาออกไปทำงานยังไร่แห่งนั้น
ครั้งแรกที่กวินภพเห็นหน้าน้องหนู เขามองไม่เห็นจุดไหนบนร่างกายของเธอว่าจะมีส่วนคล้ายคลึงกับป้านุ่มผู้เป็นป้า แต่ทว่าเธอกล่าวอ้างว่าบิดาของตนเองเป็นคนเชื้อสายจีน เธอจึงได้รับกรรมพันธุ์มาจากบิดานั่นเอง ทำให้ความสงสัยของเขาหมดไป ด้วยความที่เธอเป็นหลานป้านุ่ม ทำให้เจ้าของไร่รับน้องหนูให้มาทำหน้าที่แทนป้านุ่ม ซึ่งฝีมือการทำอาหารของเธอก็ไม่เป็นสองรองใครเลย
น้องหนูทำงานในไร่พฤกษาเพียงสองวัน ตัวเจ้าของไร่ก็เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อร่วมประชุมและอยู่เคลียร์งานที่บริษัท ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว จากนั้นก็เดินทางไปต่างประเทศต่อ ทำให้เขาไม่ล่วงรู้พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนงานชายทั้งหลาย อีกทั้งเจริญกรุงกับวรจักรลูกน้องสองในห้าคนสนิทที่คอยดูแลไร่แทนเจ้านายก็ไม่คิดด้วยว่า การที่คนงานชายทั้งหลายต่างคลุ้มคลั่งและหลงใหลในความสดใสช่างยั่วของน้องหนูจะเป็นที่มาของเรื่องนี้ เขาทั้งสองจึงไม่ได้รายงานผู้เป็นเจ้านาย
“งานนี้มันต้องมีลับลมคมในแน่ๆ ไอ้ท็อปมันจะรับคนงานของฉันไปทำไม ในเมื่อมันก็มีคนงานของมันอยู่แล้ว” กวินภพสันนิษฐานขึ้นหลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด
“ผมก็ว่าอย่างนั้นครับ คนงานในไร่ของคุณท็อปมีตั้งเยอะแยะเก็บผลผลิตได้อย่างสบายๆ ไม่จำเป็นต้องรับคนงานเพิ่มเลย ที่สำคัญนะครับคนงานของเราทำงานที่นั่นได้เพียงสองวัน คุณท็อปก็ไล่ออกแล้วให้เงินเดือนล่วงหน้าคนละครึ่งเดือน ซึ่งระยะเวลาสองวันนั้นเป็นสองวันที่เรามีกำหนดเก็บผลผลิตพอดีครับ การกระทำของคุณท็อปทำให้ผมคิดว่า น้องหนูน่าจะเป็นนกต่อของคุณท็อป เพื่อมาหลอกล่อคนงานของเราให้ไปทำงานที่ไร่โน้นในวันและเวลาที่เรากำลังจะเก็บผลผลิตเพื่อส่งออกให้ลูกค้า เพราะถ้าเราทำไม่ทันนั่นหมายความว่า เราจะต้องเสียค่าปรับให้ลูกค้าซึ่งมันก็สูงมากทีเดียว”
แน่นอน เพราะไม่มีใครกล้าลงทุนลงแรงที่จะทำให้เจ้านายของตนล่มจมได้เท่าเจ้าของไร่ปลายฟ้า คู่อริตลอดกาลคนนี้ไปได้
“ไอ้ท็อป...งานนี้มึงเล่นกูหนักเกินไปแล้ว คอยดูนะกูจะเอาคืนให้กระอักเลย”
กวินภพกระแทกกำปั้นลงบนฝ่ามืออีกข้างหนึ่งอย่างแค้นเคือง งานนี้เขาต้องจัดการคนที่มีส่วนรู้ทุกคน ให้รู้ซึ้งว่าคนอย่างเขาไม่ได้มาลูบคมได้ง่ายๆ เริ่มต้นจากน้องหนู ตัวการสำคัญของเรื่อง ทว่าเวลานี้สิ่งที่เขาต้องจัดการอย่างเร่งด่วนก็คือ หาคนงานมาเก็บผลผลิตในไร่ของเขาให้ได้มากที่สุด แล้วหวังว่ามันจะทันเวลาที่ขีดเส้นตายไว้ในวันพรุ่งนี้ มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกเช่นกันที่จะเก็บผลส้มราวสามร้อยไร่ เก็บอ้อยและข้าวโพดอีกอย่างละสองร้อยห้าสิบไร่ให้เสร็จภายในวันเดียว
“อย่าให้เจอตัวนะแม่ตัวแสบ เจอเมื่อไหร่เห็นดีเมื่อนั้น” กวินภพหมายมั่นเอาไว้ในใจ งานนี้ได้เห็นดีกัน