บทที่ 1 บทนำ นางยั่วจำเป็น 1
ณ ไร่พฤกษา
“มาแล้วจ้า มาแล้ว กับข้าวอร่อยๆ ของแม่ครัวคนสวยมาให้ทุกท่านกินแล้วค่ะ วางจอบวางเสียมมากินข้าวกันก่อนนะจ๊ะ”
เสียงหวานๆ รูปร่างเซ็กซี่ของแม่ครัวคนสวยประจำไร่พฤกษา ตะโกนเรียกคนงานในไร่ทั้งชายและหญิงให้มารับประทานอาหารเที่ยงในโรงครัว หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ต่างเดินตามเสียงเรียกเข้ามาทานอาหารรสเลิศจากแม่ครัวหัวป่า ที่ทำอาหารน่ากินยังไม่พอ คนที่ทำก็น่ากินไม่แพ้กัน
“กินข้าวเสร็จ กินน้องหนูต่อได้หรือเปล่าจ๊ะ?”
คนงานหนุ่มวัยสามสิบปีได้ทีเกี้ยวแม่ครัวสาวนามว่าน้องหนูแบบเปิดเผย พร้อมกับมองทรวดทรงองค์เอวที่สะท้านสะเทือนอารมณ์ใจชายของน้องหนูตาเป็นมัน
“เอาไว้วันหลังนะคะ ตอนนี้เก็บปากไว้กินข้าวก่อนนะจ๊ะพี่เผือกจ๋า วันนี้มีกับข้าวอร่อยๆ ทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ”
น้องหนูทิ้งสายตา ยิ้มยั่วอีกฝ่ายจนเผือกกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เกิดมาไม่เคยเห็นใครยั่วยวนเก่ง ไม่เคยเห็นใครน่ากินเท่าน้องหนูแม่ครัวสุดสวยคนนี้เลย
“วันหลังให้พี่ดำกินน้องน้องหนูบ้างนะจ๊ะ พี่ดำก็อยากกินน้องน้องหนูใจแทบขาด” ดำที่ยืนต่อแถวพูดขึ้นมาอีกคน
“ตกลงพวกแกจะมากินข้าวหรือว่าจะมากินยายน้องหนูกันแน่ ไป ไป ไปกินข้าวกันได้แล้วจะได้ทำงาน” เสียงของป้าพิณหัวหน้าแม่ครัวเท้าสะเอวตะโกนไล่คนงานชายที่มองแม่ครัวสาวตามันระยับ “นี่ยัยน้องหนู ตกลงแกจะมาเป็นแม่ครัวหรือว่าจะเป็นนางยั่วกันแน่ ดูสิคนงานที่นี่แทบจะไม่เป็นอันทำงานกันแล้ว จ้องจะกินแต่แก”
ก่อนจะหันมาพูดเสียงเขียวกับแม่ครัวรุ่นหลานที่หน้าตาสวยสด ผิวพรรณผุดผ่อง ไม่เหมือนแม่ครัวทั่วๆ ไป
“คนมันมีเสน่ห์ก็อย่างนี้แหละจ่ะ ฉันชินแล้วแหละ” น้องหนูทำท่าทางปลื้มอกปลื้มใจยามที่พูดประโยคนี้
“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วเรื่องเสื้อผ้า หาซื้อที่มันมิดชิดกว่านี้ไม่ได้หรือไง ตั้งแต่แกมาทำงานที่นี่ คนงานผู้ชายเป็นกลากเป็นเกลื้อนกันหลายคน เพราะน้ำลายหกเวลาที่มองเนื้อนมไข่ของแก ฉันล่ะหน่ายกับแกจริงๆ พูดไม่รู้จักฟัง ถ้าแกไม่ได้เป็นหลานของนุ่มนะ ฉันตะเพิดแกออกไปจากไร่นี้ตั้งแต่วันแรกแล้ว”
ป้าพิณพูดไปดมยาดมไป มองเห็นการแต่งกายของน้องหนูแล้ว นางนึกอยากจะหวดก้นเด็กสาววันละหลายๆ ครั้ง นุ่งน้อยห่มน้อยเสียเหลือเกิน
“แหมป้า อินเทรนด์น่ะรู้จักหรือเปล่า เทรนด์นี้กำลังมาแรง ถ้าฉันไม่ใส่เดี๋ยวเขาจะว่าฉันตกเทรนด์”
น้องหนูแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เธอไม่คิดว่าการใส่กางเกงขาสั้นอวดเรียวขาสวยกับเสื้อยืดแบบเอวลอยโชว์หน้าท้องขาวๆ เนียนสวยจะเสียหายตรงไหน ก็แค่แฟชั่นธรรมดาที่คนทั่วๆ ไปเขาใส่กัน
“ใครว่าแกตกเทรนด์หะ!!...ยายน้องหนู แกลองแหกตาดูสิว่าผู้หญิงในไร่มีใครเขาแต่งตัวแบบแกบ้าง เขาปิดมิดชิดกันทั้งนั้นแหละ มีแต่แกเท่านั้นที่เปิดเผย เนื้อนมไข่แทบจะหกออกมาแล้ว แกรู้มั้ยว่าการที่แกแต่งตัวแบบนี้คนงานชายแก่คราวพ่อคราวน้าหัวใจจะวายวันละหลายๆ รอบ” นางยังไม่หยุดต่อว่า ยิ่งเห็นยิ่งขัดใจ
“แหม!!...ป้าพิณก็ ฉันน่ะทำให้ไร่นี้เจริญหูเจริญตาขึ้นตั้งเยอะ หนุ่มๆ แก่ๆ พากันกระชุ่มกระชวย ไม่ได้มองไปทางไหนก็ส่ายหน้าดิก อีกอย่างป้าไม่ต้องกลัวว่าลุงๆน้าๆ ทั้งหลายเขาจะหัวใจวายตายเพราะการแต่งตัวของฉัน เพราะเดี๋ยวฉันก็ไปแล้ว” น้องหนูโต้กลับหน้าตาเฉยไม่สะทกสะท้านกับคำต่อว่าของอีกฝ่าย
“แกจะไปไหนนังน้องหนู?” ป้าพิณถามกลับด้วยความสงสัย
“แถวนี้แหละ ป้าอย่ารู้เลย ตักกับข้าวไปเถอะน่า ฉันก็จะไปทำงานของฉันเหมือนกัน” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินออกไปจากโรงครัว
“นังน้องหนูแกจะไปไหน มานี่นะ แกมีหน้าที่ตักกับข้าวนะโว้ย” ป้าพิณตะโกนไล่หลังสาวร่างสวยที่เดินนวดนาดออกไปจากโรงครัว แต่ทว่าสาวนางนั้นไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ ยังคงก้าวเดินต่อไป “คุณทอร์ชกลับมาเมื่อไหร่ ฉันจะให้คุณทอร์ชไล่แกออก วันๆ เอาแต่ยั่วผู้ชาย”
นางเข่นเขี้ยวต่อว่าน้องหนูอย่างเดือดดาล งานนี้นางไม่ปล่อยเอาไว้แน่ หากปล่อยไว้มีหวังเกิดเรื่องชู้สาวขึ้นมาอย่างแน่นอน
คนที่กำลังถูกต่อว่าเดินมายังต้นหูกวางต้นใหญ่ที่อยู่ติดกับบ้านพักของหัวหน้าคนงานไร่พฤกษา เธอขยับเสื้อเอวลอยแบบคอวีคว้านลึกอวดเนินอกสาวให้หมิ่นเหม่มากยิ่งขึ้น พับกางเกงยีนส์ขาสั้นให้สั้นขึ้นไปอีก เพื่ออวดเรียวขาขาวน่าลูบไล้ ก่อนจะเดินนวดนาดไปหาประยงค์ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่
“พี่ยงค์จ๋าคนดีของน้องหนูกินข้าวอร่อยหรือเปล่าจ๊ะ?”
เสียงหวานๆ มาพร้อมกับร่างอวบอิ่มที่ทรุดตัวลงนั่งบนแคร่ ทำเอาเจ้าของชื่อถึงกับสำลักข้าวที่อยู่ในปาก เพราะเธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แถมยังโน้มร่างกายมาหาเขาเล็กน้อย ทำให้เสื้อคอวีร่นลงเล็กน้อย มองเห็นเนินอกขาวรำไรน่าฟัด
“แคกๆๆ” เขาสำลักข้าวทันที ก่อนจะคว้าขันที่ใส่น้ำเย็นมาดื่มกินดับอาการสำลักข้าวและอาการรุ่มร้อน “กับข้าวของน้องหนูอร่อยอยู่แล้วจ๊ะ”
ประยงค์ไม่ได้เยินยอ เขาพูดจากใจจริง ฝีมือทำกับข้าวของน้องหนูอร่อยกว่าป้าพิณ แม่ครัวใหญ่ของที่นี่เสียอีก
“แกงเขียวหวานวันนี้น้องหนูตั้งใจทำเต็มที่เลยนะคะ ใส่ทั้งกะทิ ใส่ทั้งนม รับรองหวานมันไม่เหมือนใครเลยจ้ะ”
พูดไปด้วยก็ส่ายร่างกายนิดๆ ส่งผลให้ทรวงอกน่ากินกระเพื่อมไหวตามแรงส่าย ประยงค์เห็นแล้วหัวใจเต้นตึกตัก อยากจะทิ้งข้าวที่อยู่ในมือ กระโจนใส่สาวร่างสวยนี้เต็มทน
“มิน่าละถึงได้อร่อยเหาะอย่างนี้ พี่น้ำหนักตัวขึ้นตั้งหลายโล”
เขาพูดตามันเป็นประกาย สองสัปดาห์ที่เธอก้าวเข้ามาทำงานที่นี่ ดูเหมือนว่าไร่แห่งนี้ดูจะเจริญหูเจริญตาขึ้นเยอะ นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว แม่ครัวสาวคนใหม่ยังเป็นอาหารตาของคนงานชายที่นี่ด้วย ทานข้าวไปมองรูปร่างเย้ายวนของเธอไป เจริญอาหารดีแท้ๆ
“แต่น่าเสียดาย น้องหนูจะไม่อยู่ทำอาหารให้พี่ยงค์กินแล้วนะจ๊ะ” เธอแสร้งพูดเสียงเศร้า
“ทำไมล่ะ น้องหนูจะไปไหนเหรอ?” หัวหน้าคนงานถามทันควัน
“ก็น้องหนูจะย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้าน่ะสิจ๊ะ เจ้าของไร่ที่โน่นเขาให้เงินเดือนน้องหนูมากกว่าที่นี่ตั้งสามเท่า”
ประยงค์หูผึ่งแล้วมีอาการตกใจเมื่อรู้ว่าสาวช่างยั่วจะย้ายไปทำงานอีกไร่หนึ่ง ซึ่งเป็นไร่คู่อริของไร่พฤกษา
“น้องหนูจะไปจริงๆ เหรอ พี่ว่าอย่าไปเลย ทำงานที่นี่น่ะดีแล้ว?” เขาถามเพื่อความแน่ใจ พร้อมทั้งท้วงติง
“ไปจริงๆ สิจ๊ะพี่ยงค์ ทำงานที่นี่ได้เงินเดือนหกพัน ไปอยู่ที่ไร่โน้นได้ตั้งหมื่นแปด ใครบ้างล่ะจ๊ะที่จะไม่ไป”
“พี่คงคิดถึงน้องน้องหนูแย่เลย”
ประยงค์เอ่ยเสียงเศร้าที่จะไม่ได้เห็นหน้าคนที่เขารัก คนที่เขาตามจีบมานานสองสัปดาห์
“ก็ไม่เห็นยากเลยนี่จ๊ะ พี่ยงค์ก็ไปทำงานที่โน่นกับน้องหนูด้วย แค่นี้เราก็ได้เจอกันทุกวันแล้วจ้ะ” เธอเอ่ยบอกชายหนุ่มตรงหน้าแถมยังส่งสายตาหวานระยับให้อีกฝ่าย พร้อมกันนี้ยังขยับร่างกายเข้าไปใกล้ร่างสูง เกาะลำแขนเขาอย่างออดอ้อน
“นะจ๊ะพี่ยงค์ ย้ายไปทำงานกับน้องหนูนะจ๊ะ นะ นะพี่ยงค์คนดีของน้องหนู”
เธอเอ่ยเสียงหวานบาดใจ เขยิบร่างเบียดกระแซะร่างหนาให้มากกว่าเดิม ซบหน้าลงบนลำแขนของเขา ประยงค์ถึงกับใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ลำพังถูกเธอยั่วยวนเขาก็แทบจะหมอบอยู่ตรงหน้า นี่เธอเล่นอ้อนแบบเผาขน หัวใจของเขาอ่อนยวบ แต่ทว่าเจ้าของไร่พฤกษาก็มีบุญคุณกับเขามาก หากทิ้งงานไปกลางคันที่นี่อาจมีปัญหาได้ เนื่องจากใกล้วันเก็บผลผลิตเข้ามาทุกทีแล้ว
“แต่...แต่ว่าพี่กลัวคุณทอร์ชจะว่าพี่น่ะสิ ใกล้วันเก็บผลผลิตแล้วด้วย” เขาพูดอย่างสองจิตสองใจ
“แหม...พี่ยงค์ก็ คุณทอร์ชรวยจะตายไป อีกอย่างนึงนะคนงานก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ขาดพี่ไปสักคนไร่นี้ไม่เจ๊งหรอจ้ะ นะจ้ะพี่ยงค์จ๋า ไปทำงานที่ไร่โน้นกับน้องหนูนะจ๊ะ”
เธอยังลากเสียงหวานโน้มน้าวหัวหน้าคนงานต่อไป แม้ว่าจะรู้สึกไม่ดียามที่แตะเนื้อต้องตัวเขามากเพียงใดก็ตาม ท่องเอาไว้ว่าเพื่องาน เพื่องาน คนที่ถูกอ้อนกำลังคิดหนัก ความอยากไปและไม่อยากไปเท่าๆ กัน
“แต่...พี่ พี่”
“ถ้าพี่ยงค์ไม่ไป แสดงว่าไม่รักน้องหนูจริง น้องหนูอุตส่าห์หน้าด้านหน้าทนชักชวนให้พี่ยงค์ไปอยู่ที่โน้นด้วย เพราะต้องการร่วมหอลงโลงกับพี่ แต่ถ้าพี่ไม่อยากอยู่กับน้องหนูก็ตามใจ น้องหนูไปอยู่คนเดียวก็ได้ค่ะ”
เธอใช้ไม้ตายไม้สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ได้ผล...คนที่ฟังอยู่ถึงกับตาค้าง ตกใจกับคำพูดของหญิงสาวร่างสวย
“มะ...หมายความว่ายังไง น้องหนูพูดอย่างกับว่ารักพี่” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พูดแค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอจ๊ะพี่ยงค์ คนงานคนอื่นจีบน้องหนูตั้งเยอะแยะ แต่น้องหนูก็เลือกที่จะรักพี่ยงค์ แต่ถ้าพี่ยงค์ไม่รักน้องหนูเหมือนกับที่พูดกับน้องหนูบ่อยๆ พี่ยงค์ก็ไม่ต้องใส่ใจคำพูดของน้องหนูก็ได้ค่ะ”
เธอสะบัดมือที่จับลำแขนหนา พร้อมกับสะบัดร่าง สะบัดหน้าหนี คนตัวใหญ่กว่ารีบโอบกอดสาวขี้งอนในทันที เธอหันไปเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อตกอยู่ในอ้อมแขนของหัวหน้าคนงาน แต่ก็ต้องอดทนอดกลั้นที่จะไม่ผลักไสร่างของประยงค์ให้ออกห่าง เพราะอีกนิดเดียวแผนการของเธอก็จะสำเร็จแล้ว
“จ้ะๆ พี่จะย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้ากับน้องหนู แต่ว่าคุณท็อปจะรับพี่หรือจ๊ะ?”
ข้อนี้เองที่เขาไม่แน่ใจ กลัวว่าไปกับเธอแล้วเขาจะไม่ได้ทำงานที่ไร่แห่งนั้น นั่นเท่ากับว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาพตกงาน
“ไม่ต้องเป็นห่วงเลยจ๊ะพี่ยงค์จ๋า เรื่องนั้นไม่มีปัญหาค่ะ คุณท็อปฝากมาบอกคนงานทุกคนที่ไร่นี้ว่า ถ้าย้ายไปอยู่กับเขาที่โน่น เขาจะให้เงินเดือนเพิ่มเป็นสามเท่าทุกคนค่ะ” เธอพูดตามแผน
“ทุกคนเลยเหรอ คนงานที่ไร่ปลายฟ้าก็มีพอๆ กับที่นี่ แล้วจะรับคนงานเพิ่มทำไม?”
ประยงค์ถามอย่างคลางแคลงใจ น้องหนูทนความอึดอัดที่ตนเองอยู่ในอ้อมแขนของชายที่ไม่ได้หมายปองไม่ไหว ค่อยๆ ปลดลำแขนหนาออกอย่างสุภาพ ยืดตัวลุกขึ้นยืน แล้วหันหน้ามาเผชิญหน้ากับคนที่นั่งอยู่บนแคร่
“ตอนนี้คุณท็อปกำลังขยายไร่ค่ะพี่ยงค์ เขาเลยต้องการคนงานเพิ่ม ว่าไงจ๊ะตกลงจะย้ายไปอยู่ไร่โน้นกับน้องหนูหรือเปล่าจ๊ะ?”
เธอถามอีกรอบ ทำหน้าเศร้าราวกับว่าถ้าเขาไม่ไปเธอจะเสียใจมากมาย
“ถ้าเป็นอย่างนั้นไปก็ไปจ๊ะ น้องหนูอยู่ที่ไหน พี่อยู่ที่นั่น” เขาตัดสินใจในที่สุด
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าเจอกันที่ปากทางเข้าไร่นะจ๊ะ ถ้าพี่ยงค์ไม่มาแสดงว่าพี่ยงค์ไม่รักน้องหนู แล้วน้องหนูก็จะไม่ให้พี่ยงค์เห็นหน้าอีกเลย” เธอกำชับพร้อมข่มขู่
“ไปจ้ะ พี่จะไปรอน้องหนูก่อนเจ็ดโมงเช้าด้วย”
เขารีบพูดเพราะกลัวว่าสาวน้อยตรงหน้าจะโกรธแล้วทำตามที่พูดออกมาเมื่อครู่
“ดีมากค่ะพี่ยงค์ขา น้องหนูไปก่อนนะจ๊ะ พรุ่งนี้เจอกัน อ้อ!!...เย็นนี้น้องหนูจะทำกับข้าวพิเศษให้พี่ยงค์ทานนะคะ หมูทอดหมักนมสด”
น้องหนูพูดไปแอ่นหน้าอกไปทางประยงค์ที่นั่งกลืนน้ำลายลงคอ อยากจะกินนมสดที่เย้ายวนตรงหน้าเต็มแก่ น้องหนูทั้งสวย รูปร่างอวบอิ่ม ผิวกายเนียนนุ่ม นมเป็นนมเนื้อเป็นเนื้อ ไม่แปลกที่ประยงค์กับคนงานในไร่ต่างหลงใหลและหมายปอง และนั่นทำให้งานของเธอง่ายขึ้น
นางยั่วจำเป็นเดินนวยนาดออกห่างต้นหูกวาง สถานที่ที่หัวหน้าคนงานที่รั้งตำแหน่งวิศวกรของไร่องุ่นนั่งทานข้าวเป็นประจำ เพื่อไปยังจุดหมายใหม่...เพิงพักคนงาน
หลังจากที่ทานอาหารกลางวันจนอิ่มหนำแล้ว คนงานชายส่วนใหญ่จะมานั่งเล่นนอนเล่นในเพิงพักคนงาน รอเวลาบ่ายโมงเพื่อกลับเข้าไปในไร่อีกครั้ง แต่ทว่าวันนี้คนที่นั่งเล่นนอนเล่นไม่มีกระจิตกระใจจะทำอย่างเช่นทุกวัน เนื่องจากสาวร่างสวยได้เดินเข้ามาในเพิงพัก ก่อนจะทรุดกายนั่งลงบนแคร่กลางเก่ากลางใหม่ ตวัดเรียวขาสวยข้างหนึ่งทับอีกข้างหรืออีกนัยหนึ่งคือนั่งไขว่ห้าง คนงานหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ในเพิงพัก ตารุกวาวกันเป็นแถว มองหุ่นสวยของอีกฝ่ายแทบจะกลืนกิน
“พี่แหลมสิงห์จ๋า พรุ่งนี้พี่กับเพื่อนๆ ก็จะไม่ได้กินอาหารฝีมือน้องหนูแล้วนะจ๊ะ เพราะน้องหนูจะย้ายไปทำงานที่ไร่ปลายฟ้า”
เธอเริ่มพูดตามแผน พอชายหลายคนได้ยินดังนั้นทุกคนต่างตกใจไม่น้อย แต่ละคนทำหน้าทำตาเสียดาย
“อยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมน้องหนูถึงได้ไปทำงานที่ไร่โน้นล่ะ?” แหลมสิงห์คนงานร่างใหญ่เอ่ยถาม
“ก็ที่ไร่ปลายฟ้าให้เงินเดือนดีกว่าที่นี่..นี่จ๊ะ ให้มากกว่าตั้งสามเท่า”