บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 แม่ครัวคนใหม่ 1

เพลงมีนาสำรวจภายในครัวที่มีความสะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก ถ้วยชามหม้อและกระทะจัดวางอย่างเป็นระเบียบ โต๊ะตัวใหญ่มีเครื่องปรุงรส เนื้อสัตว์ ผักชนิดต่างๆ วางอยู่เต็มโต๊ะรอให้เธอมาปรุงแต่งรสชาติ เพลงมีนาถึงกับถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงเมนูแกงเขียวหวานของกวินภพ

“มื้อกลางวันที่จะให้เจ้านายกับคนงานกินนอกเหนือจากแกงเขียวหวาน เธอก็สรรหาทำเองก็แล้วกัน” เขาพูดเสียงเรียบ

“ทำอะไรดีล่ะ?” เธอถามจักรพงษ์ราวกับว่าจะขอคำแนะนำ

“ก็แล้วแต่เธอไง เธอเป็นแม่ครัว สมองก็มีคิดเอาเองสิ” เขาตอบกลับเสียงเรียบ “แล้วอย่าคิดหนีล่ะ เพราะเจ้านายสั่งคนงานในไร่โดยเฉพาะผู้ชายไว้ว่า ถ้าเธอคิดหนีให้จัดการแบบที่อยากจัดการได้เลย”

น้ำเสียงเย็นชาตอบกลับไปจนสาวเจ้าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คำขู่ของจักรพงษ์เหมือนกับคำขู่ของกวินภพไม่มีผิด แล้วใครบ้างล่ะที่จะกล้าหนี ลูกน้องของกวินภพคนเดิมพูดจบก่อนจะเดินออกไปจากโรงครัวเมื่อเสร็จธุระของตน

น้ำตาสาวรินล่วงหลังจากที่ยืนอยู่ตามลำพังในห้องครัว เธอทำกรรมทำเวรอะไรไว้ เหตุใดต้องมาพบเจอกับเรื่องร้ายๆ แบบนี้ด้วย ทำความผิดก็ไม่ได้ทำ แต่ก็ต้องมารับผิดแทนคนอื่นอีก ซึ่งคนอื่นนั้นก็คือน้องสาวของตนเอง คิดแล้วความเศร้าใจ เสียใจจึงประทับแน่น ถ่ายทอดออกมาเป็นน้ำตาเม็ดใส

เพลงมีนาปัดความรู้สึกทั้งหลายให้หมดไปก่อนชั่วคราว เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอต้องทำก็คือ ทำอาหารให้เจ้าของไร่กับคนงานรับประทาน ซึ่งมันเป็นงานที่หนักหนาสาหัสมากเหลือเกิน อาหารไทยเธอไม่ถนัดมากนัก เป็นอาหารฝรั่งก็ว่าไปอย่าง สมองของเธอกระหวัดถึงเพียงรัมภาน้องสาวฝาแฝดขึ้นมาทันทีทันใด หากน้องสาวของเธออยู่ที่นี่ด้วย คงจะช่วยสอนให้รู้จักวิธีปรุงอาหารชนิดนี้แน่

“แกงเขียวหวานเขาทำกันยังไงเนี่ย?”

เธอเหมือนพูดคนเดียว มองดูเครื่องปรุงอย่างท้อแท้ใจ “เอาวะ ลองทำดู” เมื่อกำลังใจเล็กๆ มาเธอก็เริ่มลงมือทำอาหารสูตรเด็ดที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ระหว่างที่เธอกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารอยู่นั้น ร่างของผู้สูงวัยร่างท้วมคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องครัว พร้อมกับสาวผู้หญิงวัยไม่เกินสามสิบปีอีกสองคน

“นังน้องหนู ทำไมแกไม่หุงข้าวก่อนล่ะ ทำแต่กับข้าวแต่ไม่หุงข้าว คุณทอร์ชกับคนงานจะเอาอะไรกิน...หา!!”

เสียงของป้าพิณตวาดลั่นครัว แม้ว่ากวินภพจะบอกทุกคนในไร่แล้วว่า น้องหนูความจำเสื่อม จำชื่อและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่อยู่ในไร่พฤกษาไม่ได้ จึงให้เรียกชื่อใหม่ของน้องหนูแทน ชื่อนั้นก็คือเพลง ทว่าป้าพิณที่ไม่ชินกับชื่อใหม่ จึงเรียกเผลอเรียกชื่อเก่าแทน ส่วนเรื่องที่จะจัดการกับสาวดาวยั่วอย่างไรนั้น ให้เขาทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาเชลยสาวแต่เพียงผู้เดียว แล้วยังกำชับคนงานในไร่ว่า หากใครทำอะไรน้องหนูความจำเสื่อมโดยพลการ เขาจะจัดการขั้นเด็ดขาด สาวเจ้าที่ลืมหุงข้าวยืนหน้าซีดหน้าเซียว ไม่รู้จะทำอย่างไร ลืมคิดไปว่ามีกับข้าวก็ต้องมีข้าวสวยร้อนๆ ด้วย

“ลืมค่ะป้า” เพลงมีนาพูดเสียงอ่อย

“เมื่อกี้แกพูดมาอะไรนะนังน้องหนู เอ๊ย!!...นังเพลง?”

ป้าพิณถามอีกครั้ง หลังจากที่คำพูดของเพลงมีนาเมื่อครู่รู้สึกกระดากหูนางเป็นอย่างมาก ไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะหลุดออกมาจากปากของสาวช่างยั่วคนนี้

“เพลงพูดว่า ลืมค่ะป้า” เธอทวนย้ำให้นางฟังอีกรอบ

“ฮ่าๆๆๆ สงสัยแกจะความจำเสื่อมอย่างที่คุณทอร์ชบอกจริงๆ ด้วยว่ะ ขนาดชื่อตัวเองยังจำไม่ได้ แถมยังพูดคะขาอีกต่างหาก การแต่งตัวก็มิดชิดไม่โป้เปลือยเหมือนนังน้องหนู”

นางหัวเราะออกมาดังลั่น ตอนแรกที่กวินภพผู้เป็นนายบอกนางว่า น้องหนูความจำเสื่อมจำเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ได้ ชื่อของตนเองยังจำไม่ได้ด้วย ตอนนี้เธอมีชื่อใหม่ว่า เพลง ถึงแม้ว่าน้องหนูจะมีชื่อใหม่ ทว่านางก็ชินกับชื่อเก่ามากกว่า เพลงมีนายิ้มแหยๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

“มะม่วงไปหุงข้าว มะยมไปเตรียมจัดของหวานให้คุณทอร์ช” นางสั่งสองพี่น้อง “แล้วแกทำกับข้าวเสร็จหรือยัง นอกจากแกงเขียวหวานแล้วแกทำอะไรอีกนังน้องหนู?” ก่อนจะเอ่ยถามแม่ครัวหัวเห็ดที่เคยทำอาหารอร่อยล้ำเลิศ

“ก็ทำผัดผักค่ะ”

“งั้นแกทำไปก็แล้วกัน สองสามวันนี้ฉันคงช่วยแกทำกับข้าวไม่ได้ ฉันปวดขา ปวดหลังมากๆ อยากจะเอนอย่างเดียว”

ปกตินางเป็นแม่ครัวใหญ่ ส่วนแม่ครัวคือป้านุ่มที่ให้น้องหนูหลานสาวมาทำงานแทน ทว่าสองสามวันมานี้นางปวดขาและหลังเป็นอย่างมาก ยืน เดินหรือว่านั่งนานๆ ไม่ค่อยได้ อยากจะนอนอย่างเดียว ดีที่ว่ามีมะม่วง มะยมคอยเป็นลูกมือให้ไม่เช่นนั้นคงทำอาหารไม่ได้ ตอนนี้นางไม่ต้องกังวลเรื่องการทำอาหารต่อไปแล้ว เป็นเพราะน้องหนูกลับมาไร่นี้อีกครั้ง และทำหน้าที่แม่ครัวดั่งวันวาน

“ค่ะป้า ป้าไปพักผ่อนเถอะคะ ทางนี้เพลงเอาอยู่ค่ะ”

เธอพูดออกไปอย่างนั้น ความตั้งใจของเธอคือ อยากจะให้นางมาช่วยทำกับข้าว พอได้ยินว่านางไม่ค่อยสบาย ความคิดของเพลงมีนาก็เป็นหมันทันที

การทำแกงเขียวหวานหม้อนี้ไม่เหมือนใครจริงๆ เธอนำหม้อใบใหญ่มาตั้งบนเตาแก๊สอันใหญ่ เทกะทิที่อยู่หม้อใบใหญ่อีกใบใส่ลงในหม้อที่ตั้งไฟ ก่อนจะเทพริกแกงเขียวหวานที่ตำเสร็จเรียบร้อยลงไปในหม้อ ตามด้วยเนื้อไก่ เลือดไก่ มะเขือเปราะ น้ำปลาที่เหยาะไปเพียงเล็กน้อย ก่อนจะใส่น้ำตาลปี๊บไปทั้งถุงซึ่งบรรจุถุงละหนึ่งกิโล ตามด้วยผงปรุงรสอีกหนึ่งทัพพี ใส่ทุกอย่างทั้งๆ ที่กะทิในหม้อยังไม่เดือด แล้วหันมาทำผัดผักเพื่อไม่ให้เสียเวลา

ผัดผักของเธอก็เป็นสูตรใหม่เอี่ยม ตั้งกระทะบนเตาแก๊สอีกหัว ใส่น้ำมันพอให้มีควันขึ้น จึงใส่กระเทียมลงไปตามด้วยเนื้อหมู จากนั้นก็ใส่ผักคะน้า กะหล่ำปลี ถั่วฟักยาวลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน

“ว้าย!!...แย่แล้ว”

เธออุทานด้วยความตกใจ เมื่อเธอทำถุงน้ำตาลทรายหกลงไปในกระทะผัดผักครึ่งถุง เสียงอุทานของเพลงมีนาทำให้สองสาวที่กำลังช่วยกันจัดเตรียมถาดให้คนงานหันมามอง คนที่ทำน้ำตาลหกจึงส่งยิ้มให้ ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เอาไงดีเนี่ยเพลงเอ๋ย?”

เธอถามตัวเอง ก่อนจะคว้าขวดน้ำปลามาเหยาะใส่กระทะเกือบครึ่งขวด เพราะคิดว่าความเค็มของน้ำปลาจะกลบความหวานได้ จากนั้นก็ผัดผักจนเสร็จ เธอจึงหันไปคนแกงเขียวหวานที่อยู่ในหม้อ ให้พริกแกงแตกไปกับน้ำกะทิ

“สีมันไม่ค่อยเขียวเลย แล้วมันจะเป็นแกงเขียวหวานได้ยังไง”

แม่ครัวคนใหม่บ่นเมื่อเห็นสีของแกงเขียวหวานที่ไม่เขียวสมชื่อ อาจะเป็นเพราะเธอใส่กะทิมากเกินไป เธอหันซ้ายแลขวาเพื่อหาพริกแกงมาใส่เพิ่ม แต่ก็มองหาไม่เจออีกทั้งยังไม่กล้าเอ่ยปากถามมะม่วงกับมะยมด้วย พลันสายตาคู่สวยเหลือบมองไปเห็นตะกร้าใส่ขวดเล็กๆ อยู่หลายขวด มีตัวหนังสือเขียนกำกับไว้ว่า “สีผสมอาหาร” เธอจึงเอื้อมมือไปหยิบตะกร้านั้นมาหวังเหลือเกินว่าจะมีสีผสมอาหารสีเขียวตามที่เธอต้องการ

“มีจริงๆ ด้วย” เพลงมีนายิ้มเมื่อมีสีผสมอาหารสีเขียวอยู่ในตะกร้านั้น เธอจึงหยิบมันขึ้นมาเปิดฝาขวดแล้วเทใส่ลงไปในหม้อแกงเขียวหวานนั้นจนหมดขวด คราวนี้แกงเขียวหวานก็จะมีสีเขียวตามที่เธอต้องการแล้ว ต่อจากนั้นแม่ครัวสาวเคี่ยวแกงเขียวหวานหม้อใหญ่จนเดือดปุดๆ กลิ่นของแกงเขียวหวานที่แปลกไปกว่าทุกครั้งโชยไปทั่วโรงครัว แล้วรอจนแน่ใจว่าทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในหม้อสุก จึงปิดเตาแก็ส จบสิ้นการทำอาหารมือนี้

“ไม่ใส่ใบโหระพาเหรอ?”

มะม่วงเอ่ยถามเพลงมีนาเนื่องจากใบโหระพาที่เด็ดเหลือแต่ใบยังนอนนิ่งในกะละมัง

“ฉันลืมน่ะ” เพลงมีนาน่าจะตอบว่าไม่รู้ว่าต้องใส่มากกว่า ก่อนจะแก้เก้อด้วยการนำโหระพาไปโรยหน้าแกงเขียวหวานในหม้อ คนให้เข้ากันอีกครั้ง

อีกสิบนาทีก็จะถึงเวลาอาหารกลางวัน อาหารสองอย่างที่เพลงมีนาตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถก็เสร็จสิ้น มะม่วงเป็นคนทำหน้าที่จัดสำรับอาหารให้เจ้าของไร่ที่จะเข้ามานั่งทานอาหารกลางวันในโรงครัวทุกวันหากอยู่ที่ไร่ ส่วนมะยมถ่ายข้าวสวยใส่หม้อใบใหญ่เพื่อเตรียมไว้ให้คนงานมา พร้อมกับอาหารรสเลิศอีกสองอย่าง

กวินภพเดินเข้ามาในโรงครัวในเวลาเที่ยงตรงเพื่อรับประทานอาหารพร้อมกับคนงานตามปกติ โดยเขาจะแยกรับประทานอีกโต๊ะหนึ่งที่มีสำรับอาหารวางไว้อย่างพร้อมสรรพ พอเขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ มะยมก็เดินนำข้าวสวยร้อนๆ มาให้ พร้อมกับยกฝาชีครอบสำรับถูกขึ้นสูงแล้วเดินกลับไปในห้องครัวที่อยู่ใกล้ๆ

สีหน้าของกวินภพยุ่งเหยิง คิ้วขมวดกันจนเกือบจะเป็นปม มองกับข้าวสองอย่างด้วยความฉงน อาหารทั้งสองอย่างมีกลิ่นและหน้าตาที่แปลกตาไปกว่าทุกวัน แกงเขียวหวานก็เขียวจนน่ากลัว ส่วนอีกจานผัดผักที่นำมาทำผัดรวมมิตรทำไมมันเหี่ยวราวกับเคี่ยวให้สุก ไม่น่ารับประทานเอาเสียเลย มือใหญ่หยิบช้อนกลางขึ้นมาก่อนจะตักแกงเขียวหวานแล้วนำเข้าสู่ปากของตัวเอง

“แคกๆๆๆ” เขาสำลักทันทีที่ได้ลิ้มรสชาติของแกงเขียวหวาน ก่อนจะไปตักน้ำผัดผักมาชิมรสชาติ ไม่แน่ใจว่าลิ้นของตัวเองมีปัญหาหรือว่าอาหารมีปัญหากันแน่

“ยี้...เค็มปี๋เลย”

นั่นคือความรู้สึกหลังจากที่เขาชิมรสผัดผัก แล้วดูเหมือนว่าไม่ใช่เขาคนเดียวด้วยที่มีอาการเช่นนั้น เนื่องจากคนงานหลายคนที่ได้ทานอาหารต่างทำหน้าตาเหยเก เบ้ปาก และบางคนก็คายอาหารออกมาจากปากอีกด้วย

“เพลง เพลง” เสียงของเขาร้องเรียกเพลงมีนาดังลั่น สาวเจ้าที่ยืนลุ้นกับฝีมือการทำอาหารไทยครั้งแรกของตนเองรีบเดินออกมาจากห้องครัว

“มีอะไรคะคุณทอร์ช?”

“ยังมีหน้ามาถามอีก เธอทำอะไรของเธอ ทำไมแกงเขียวหวานกับผัดผักมันมีรสชาติแบบนี้ หา!!...?”

เขาตะเบ็งเสียงถามเธอดังลั่น แม่ครัวมือใหม่พอจะเดารสชาติของตนเองได้ว่าคงไม่ได้เรื่อง แต่ไม่คิดว่าจะทำให้เขาอารมณ์เสียมากขนาดนี้ มันแย่มากอย่างนั้นหรือ

“มันไม่อร่อยเหรอ?” เธอถามเสียงเหี่ยว

“อร่อยบ้าอร่อยบออะไรล่ะ กินไม่ได้เลยต่างหาก เธอทำแกงเขียวหวานภาษาอะไร เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้?” คนกำลังหิวตวาดกลับไป

“ก็ทำแกงเขียวหวานไง ฉันถามคุณหน่อยว่าแกงเขียวหวานที่ฉันทำมันมีสีเขียวหรือเปล่า?” เธอถามย้อน

“เขียว” เขาตอบสั้นๆ “เขียวมากด้วย” แถมต่อท้ายอีกหนึ่งประโยค

“แล้วหวานหรือเปล่า?”

“หวาน” เจ้าของไร่ตอบสั้นๆ อีกครั้ง “แล้วมันก็หวานมากด้วย”

“นั่นไง พอเอามารวมกันก็เป็นเขียวหวาน ชื่อเหมือนแกงที่คุณให้ฉันทำเลย แกง-เขียว-หวาน”

เพลงมีนาพูดย้ำชื่อแกงที่เขาให้เธอทำเน้นๆ ทุกคำ กวินภพถึงกับลมออกหูที่ถูกเพลงมีนาพูดจายอกย้อน ไม่เพียงเท่านั้นยังกวนอารมณ์เขามากๆ เสียด้วย

“ปัง!!” ชายหนุ่มร่างสูงลุกพรวด ฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะสุดแรง ตามอารมณ์ของคนโมโหหิวที่บวกรวมกับถูกกวนโทสะ กวินภพเวลานี้อยู่ในขั้นควบคุมตัวเองไม่อยู่

“เธอกล้าลองดีกับฉันเหรอ หา!!...อยากตายหรือไง?”

เสียงตวาดนั้นดังราวกับลูกระเบิดลง คนที่ถูกตวาดสะดุ้งโหยง ก้าวถอยหนีโดยอัตโนมัติ มองหน้าคมคายแสนดุดันด้วยความหวาดกลัว ไม่เพียงแต่เพลงมีนาเท่านั้นที่ตกใจ ห้าพี่น้องคนสนิทรวมทั้งคนงานชายหญิงทุกคนต่างมีอาการตกใจไม่แพ้กัน พวกเขาไม่เคยเห็นเจ้าของไร่ฟิวส์ขาดเช่นนี้มาก่อน

“ฉะ...ฉัน ไม่ได้ลองดี คะ...คือว่า”

เธอไม่กล้าพูดออกไปว่าทำกับข้าวไม่เป็นเพราะไม่ใช่น้องหนูแม่ครัวคนก่อน เห็นหน้ากวินภพตอนนี้แล้ว คำพูด ความคิดและทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำลงไปมันหยุดนิ่งในบัดดล เธอกลัวท่าทีของเขาเป็นที่สุด

“ไม่ได้ลองดี แล้วทำอย่างนี้ทำไม หา!!...ทำทำไม?” เขาตะคอกถาม

“บะ...บอกว่า มะ...ไม่ได้ลองดี ไม่ได้ตั้งใจ” เพลงมีนาเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก

“อย่างนี้แหละเขาเรียกว่าลองดี...โครม!!” เขากัดฟันพูด ก่อนจะกวาดสำรับอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะให้ล่วงหล่นไปบนพื้น เศษอาหารกลาดเกลื่อน “ในเมื่อเธอกล้าลองดีกับฉัน ฉันก็จะสั่งสอนให้เธอรู้ว่า คนที่กล้าลองดีกับฉันจะต้องเจอกับอะไรบ้าง โดยเฉพาะเธอ...เพลง”

เพลงมีนารับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยในวินาทีนั้น ถอยร่นหนีไปด้านหลังทว่าเธอก้าวได้เพียงสองก้าวหนทางหนีก็ลางเลือน เนื่องจากลำแขนใหญ่ตวัดเอวเล็กอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกระชากร่างสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตนเอง

“ยะ...” เสียงร้องห้ามยังไม่ทันที่จะเอ่ยออกไปเต็มๆ คำ ริมฝีปากหนาได้รูปบดเบียดเรียวปากอิ่มของเพลงมีนา จูบเธอต่อหน้าคนงานนับร้อยที่นั่งยืนอ้าปากค้าง ตื่นตะลึงกันเป็นทิวแถว ไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้

คนที่ถูกฉกจูบยืนตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขาจะกล้าบ้าดีเดือดกระทำเช่นนี้กับเธอต่อหน้าคนงานนับร้อยคน ดวงหน้าสาวรู้สึกชาวูบ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความเสียใจแทรกซึมผ่านเข้าทุกเยื่อในร่างกาย เขาทำราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงข้างถนน เป็นผู้หญิงไร่ค่าที่จะย่ำยีเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วความรู้สึกทั้งหลายทั้งมวลที่อัดอยู่ในหัวใจทำปฏิกิริยากับต่อมน้ำตา ส่งผลให้น้ำตาไหลรินลงกระทบกับผิวแก้มของคนที่ลงโทษเธอด้วยจูบอันแสนหนักหน่วง ไร้ความปราณี ไม่มีความนุ่มนวล

น้ำอุ่นๆ ที่สัมผัสบนผิวแก้มของกวินภพเจ้าของเรียวปากใหญ่ที่ลงทัณฑ์แสนวาบหวาม ไม่ได้ทำให้เขาหยุดการกระทำของตนเองเลย เขากำลังเพลิดเพลินอยู่กับการนำลิ้นเข้าล่วงล้ำสู่โพรงปากหวานหอมของเธอ กระหวัดลิ้นสากของตนซอกซอนหาความละมุนอย่างต่อเนื่องอย่างเนิ่นนาน ไม่อายสายตาของใครๆ อีกด้วย

“จำไว้ อย่าริอ่านลองดีกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นเธอจะเจอมากกว่าจูบ” เขาพูดเสียงเน้นหลังจากที่ถอนจุมพิตออกห่าง ก่อนจะผลักร่างสาวอย่างแรงจนเธอลงไปนั่งจ้ำเบ้าบนพื้น “ไป!!...ทำอาหารง่ายๆ มาสองอย่าง แล้วถ้าคราวนี้เธอยังทำรสชาติเหมือนกับคนทำกับข้าวไม่เป็นอีกล่ะก็ ฉันจะลากเธอขึ้นเตียง...ไป!!” คนที่นั่งร้องไห้บนพื้นรีบยันตัวลุกขึ้น แล้ววิ่งไปยังห้องครัวทันที เธอกลัว...กลัวว่าเขาจะทำตามที่ลั่นวาจา

“ฮือ...ฮือ” เพลงมีนามาหยุดยืนร้องไห้ในห้องครัวอย่างทำอะไรไม่ถูก อาหารไทยเธอเคยได้แต่ทาน ไม่เคยลงมือทำเลยสักครั้ง แล้วจะทำอาหารตามที่เขาสั่งได้อย่างไร

“เดี๋ยวฉันทำเอง แกไปยืนร้องไห้ตรงโน้นไป”

เสียงของป้าพิณดังขึ้น นางเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น แล้วรู้สึกว่าเจ้านายของตนทำเกินไป ความสงสารก่อเกิดขึ้นในหัวใจของหญิงวัยหกสิบปี แต่ทว่าความสงสาร ความเห็นใจก็ไม่ได้ทำให้ความเกลียดชังที่นางกับทุกคนที่นี่มีต่อน้องหนูลดเลือนไป ที่นางยอมช่วยคนที่ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีนั้นเป็นเพราะว่า เวลานี้สาวดาวยั่วคงไม่มีกะจิตกะใจทำสิ่งใด นอกจากร้องไห้ระบายความอัดอั้นเพียงอย่างเดียว

“โทษใครไม่ได้นะ ต้องโทษตัวแกเอง แกทำไว้กับไร่นี้มากเหลือเกิน”

นางพูดต่อหน้าเพลงมีนาเป็นการทิ้งท้าย ก่อนจะหันไปสั่งมะม่วงกับมะยม ลูกมือคนสำคัญให้ตระเตรียมผักสดและเนื้อสัตว์สำหรับการปรุงอาหารง่ายๆ ให้เจ้านายและคนงานรับประทาน

“ฮือ...ฮือ” ยิ่งได้ฟังคำพูดของป้าพิณ เพลงมีนายิ่งร้องไห้หนักขึ้น เธอนั่นหรือทำเรื่องเจ็บช้ำไว้กับไร่นี้ ไม่เลย...ไม่ใช่ เธอไม่รู้เรื่องอะไรมากกว่า ไม่รู้จักใครแม้แต่คนเดียวที่พักพิงในไร่นี้ ไม่รู้จักไร่พฤกษา ไม่รู้จักคนที่ชื่อน้องหนู บุคคลที่หน้าละม้ายคล้ายกับเธอ จนทำให้ทุกคนที่นี่เข้าใจผิด แต่เหตุใดเธอต้องมานั่งรับกรรมในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อเอาไว้ด้วย

ทำไม?...

เธอตัดพ้อโชคชะตาในใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel