บท
ตั้งค่า

บทที่ 11 แม่ครัวคนใหม่ 1.1

หัวค่ำของวันเดียวกัน

เพลงมีนาย่ำเท้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ มาหาร่างหนาที่นั่งจิบวิสกี้เคล้าเสียงเพลงคลาสสิคเบาๆ ภายในห้องรับแขกแสนโอ่โถง เธอตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้เป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่นอนร่วมห้องกับกวินภพเด็ดขาด ให้เธอกลับไปนอนร่วมห้องกับจิ้งจกยังจะปลอดภัยเสียกว่า

“คุณทอร์ชคะ เอ่อ...คือว่า เอ่อ...”

คำพูดที่ตั้งใจไว้ว่าจะเปล่งออกไปมันจุกแน่นตรงลำคอ เมื่อเห็นสายตาคมกริบที่ตวัดมองเธอ ดวงตาของเขานั้นเป็นอะไรที่ทำให้เธอเกิดความหวาดกลัวได้ทุกครั้งที่สบตา

“คือเคออะไร?” เสียงตวาดดังก้อง ความประหม่าเกิดขึ้นอย่างมากมายในความรู้สึกของเธอ แต่ถึงกระนั้นเพลงมีนาก็ต้องพูดในสิ่งที่ตนเองตั้งใจไว้ การกระทำของเขาตอนกลางวันทำให้เพลงมีนารู้ว่า เขาทำได้ทุกอย่างที่พูดมา

“คือว่า คืนนี้เพลงขอกลับไปนอนห้องเดิมนะคะ” เธอกลั้นใจพูดออกไป

“ทำไม กลัวฉันปล้ำเธอหรือไง?”

เขาถามสวนทันควัน กระตุกยิ้มก่อนจะกระดกดื่มวิสกี้ในแก้วพรวดเดียวหมด

“มะ...ไม่ใช่ค่ะ คือ...คือว่าเพลงไม่ชินกับการนอนร่วมห้องกับคนอื่นค่ะ” เธอแก้ตัว

“อ๋อ...” เขาลากเสียงยาว “แต่เธอชินกับการนอนร่วมห้องกับจิ้งจกว่างั้น?”

คำถามของกวินภพทำให้เธอพูดไม่ออก ตอบไม่ถูก ไม่ว่าจะนอนร่วมห้องกับเขาหรือว่าจิ้งจก เธอก็ไม่ปรารถนาทั้งสองอย่าง ถ้าให้เลือกเธอเลือกนอนกับอย่างหลังมากกว่า

“เอ่อ...” เจอคำถามนี้เข้า ปากสาวถึงกับหนักอึ้ง

“โอเค ในเมื่อเธอต้องการอย่างนั้นฉันก็ไม่ว่าอะไร เธอกลับไปนอนห้องจิ้งจกได้เลย”

เขาเอ่ยอนุญาต พอสิ้นเสียงของกวินภพรอยยิ้มผุดผาดก็ระบายเกลื่อนดวงหน้าสาว หัวใจของคนที่เห็นรอยยิ้มงามน่ารักกระตุกวูบก่อนจะเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ แค่เธอยิ้มโลกทั้งโลกก็สดใส มีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย กระชากใจชายให้เต้นถี่แรง ทว่าเขาก็สามารถปัดความรู้สึกหลงใหลที่เข้ามาแทรกในขณะหนึ่งออกอย่างทันท่วงที

“ขอบคุณมากค่ะ” เธอพูดพร้อมรอยยิ้ม “เพลงขออีกสักข้อได้หรือเปล่าคะ?” ประโยคนี้เพลงมีนากลั้นใจถามเพราะไม่แน่ใจว่าคำตอบที่จะได้รับ ตรงกับที่เธอภาวนาไว้หรือไม่

“ได้คืบจะเอาศอกเหลือเกินนะเพลง” น้ำเสียงของเขาแลดูไม่ใจ “ว่าแต่จะขออะไร?”

“เพลงอยากให้คุณทอร์ชเลิกทำอย่างนั้นกับเพลงค่ะ”

“เลิกทำอย่างนั้น” เขาทวนเสียงสูง “เลิกทำอะไร?”

“ก็เลิก...เลิกจูบเพลงต่อหน้าคนอื่น” เธอก้มหน้าตอบ หน้าแดงแป๊ด

“อายเหรอ?” ก่อนจะถามสวนอย่างไม่สะทกสะท้านการกระทำของตนเอง

“อะ...อายค่ะ”

“ก็ได้ ฉันจะไม่จูบเธอต่อหน้าคนอื่น พอใจหรือยัง?” เขาตอบอย่างมีเลศนัย ซึ่งเธอไม่มีวันตามทันแน่นอน

“ขอบคุณมากค่ะ” ดวงหน้าสาวแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม เงยหน้ากล่าวขอบคุณเจ้าของบ้าน

“แต่ขอเตือนเอาไว้ก่อนนะว่าอย่าคิดหนี เพราะถ้าเธอหนีออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ คนงานของฉันที่มันกระหายในตัวเธอ ทั้งอยากลิ้มรสและอยากแก้แค้น เขาเหล่านั้นก็จะเป็นคนสกัดไม่ให้เธอออกไปจากที่นี่แทนฉันเอง”

ใบหน้าของกวินภพมีรอยยิ้มบางๆ ฉาบขึ้นยามที่เอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา เขาไม่กลัวเธอหนีเพราะคิดว่าคำขู่นี้ได้ผลชะงัก สาวความจำเสื่อมคนนี้ไม่กล้าคิดหนีแน่นอน

แต่ถึงเพลงมีนาคิดหนีจริงๆ เขาได้เตรียมรับสถานการณ์นั้นไว้เรียบร้อยแล้ว หนทางที่คนความจำเสื่อมคนนี้จะหนีรอดไปจากที่นี่ได้ มีเพียงสามทางเท่านั้น หนึ่งบินหนี สองมุดดิน สามคือความตาย

แม้ว่าเธอจะหวาดหวั่นกับคำขู่ของเขามากเพียงไร ทว่าในใจลึกๆ ของเธอนั้นบอกกับตัวเองว่า ไม่มีวันติดอยู่ในไร่นี้ไปตลอดชีวิตหรือนานเป็นแรมเดือน ไม่มีวันที่จะอยู่ชดใช้ความผิดที่ตนเองไม่ได้ก่อ เธอจะต้องหาทางหนีไปจากไร่นี้ให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เวลานี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือ ไหลไปตามน้ำ

“อยากจะไปนอนห้องไหนก็เชิญ แต่จำไว้ว่า ถ้าเธอคิดหนีเมื่อไหร่ ฉันจะไม่รับรองความปลอดภัยของเธอ” เขาย้ำให้เชลยสาวเข้าใจอีกรอบ

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เธอกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะวิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้านอย่างรวดเร็วราวกับว่ากลัวเขาจะเปลี่ยนใจ เพื่อหยิบกระเป๋าสัมภาระของตนเองในห้องของเขา จากนั้นก็เดินลงมาชั้นล่าง ตรงดิ่งไปยังห้องพักด้านหลังเรือนใหญ่ โดยมีสายตาของกวินภพมองร่างสาวด้วยรอยยิ้มร้ายๆ เจ้าเล่ห์

“เดี๋ยวได้วิ่งป่าราบ”

เขาเอ่ยออกมาเบาๆ ในขณะที่หย่อนก้นลงบนโซฟา มือของคนใจร้ายเทน้ำสีอำพันที่อยู่ในขวดลงในแก้วแบบมีก้านทรงเตี้ย กระดกรวดเดียวไม่เหลือสักหยด รอคอยอะไรบางอย่าง...อย่างใจเย็น

เพลงมีนาถือกระเป๋าเดินทางมาหยุดยืนห่างจากหน้าห้องที่มีจิ้งจกอาศัยอยู่ เธอรวบรวมความกล้าด้วยการสูดลมหายใจเข้าไปในปอดเพื่อเรียกกำลังใจหลายครั้ง ก่อนจะก้าวเดินไปยังหน้าห้องนั้น ยกมืออันสั่นเทาไปจับลูกบิดประตูแล้วหมุนมันก่อนจะผลักประตูเข้าไปภายในห้อง

ขาสั่นๆ ก้าวเข้าไปในห้องที่ไร้แสงไฟ ทั่วทั้งห้องเงียบเชียบไม่มีเสียงร้องของสัตว์ที่เธอหวาดกลัว จะมีเพียงเสียงลมหายหายใจแรงๆ ของเพลงมีนาที่ผ่อนออกมาเท่านั้น เธอเอื้อมมือไปยังฝาผนังห้องตรงจุดที่มีสวิตซ์ไฟติดอยู่

“กรี๊ดดดดดดดดดดด กรี๊ดดดดดดดดดดดด”

เสียงกรีดร้องดังลั่นห้อง ดวงหน้าสาวฉายชัดซึ่งความหวาดกลัว ตื่นตระหนก หัวใจแทบจะหยุดเต้น ไม่รั้งรอเท้าของเพลงมีนาก้าววิ่งออกมาจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว วิ่งแบบไม่คิดชีวิต สาเหตุที่เธอร้องและวิ่งเหมือนคนสติแตกเป็นเพราะ จิ้งจกเกาะตามผนังทั้งสี่ด้านนับสิบๆ ตัว บางตัวก็อยู่บนพื้น มันเป็นภาพที่กระชากจิตวิญญาณให้ออกจากร่าง

คนที่นั่งจิบวิสกี้ในห้องรับแขกยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเพลงมีนา กวินภพนึกอยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้น เนื่องจากเขาเป็นคนสั่งให้คนงานไปจับจิ้งจกที่อาศัยอยู่ในเขตไร่มาราวยี่สิบตัว ก่อนจะนำสัตว์ชนิดนี้มาไว้ในห้องเดิมที่เขาตั้งใจจะให้เชลยสาวอยู่ เพราะเขารู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงครัวตอนกลางวันนั้น จะทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เธอมีให้กับเขาเพียงน้อยนิด ต้องตกลงต่ำกว่าศูนย์ แล้วเขาก็ยังเดาใจเธอออกว่า เพลงมีนาจะต้องขอกลับไปนอนในห้องนั้น แทนที่จะนอนกับเขา กวินภพจึงจัดให้เธองามๆ

“แหกปากกรี๊ดทำไมลั่นบ้าน ทำลายบรรยากาศหมด”

ถ้อยคำแสดงถึงความไม่พอใจขับออกมาจากปากหนาทันทีที่เห็นร่างของเพลงมีนายืนร้องไห้ ใบหน้าซีด ดวงตาอยู่ในสภาพวะตกใจ หอบหายใจแรง ปากสั่น ตัวสั่นอยู่ข้างโซฟาที่ตนเองนั่งอยู่

“จิ้ง...จิ้งจก...ฮือ” เธอพูดไปร้องไห้ไปอย่างน่าสงสาร แต่สำหรับเขานั้นคำๆ นี้ไม่มีอยู่ในสายเลือด

“แล้วไง จิ้งจกมันทำไม?” เขาถามเสียงเรียบ คล้ายกับว่าไม่รู้ไม่เห็น

“จิ้งจก ฮือ จิ้งจกอยู่ในห้อง...ห้องเต็มเลย” เสียงสะอื้นไห้ปะปนมากับคำพูดที่เธอกล่าวออกไป

“เต็มห้องแล้วไง?” กวินภพพูดกวนๆ นั่งจิบวิสกี้อย่างสบายอารมณ์

“ก็...เพลงนอน ฮือ นอนห้องนั้นไม่ได้ ฮือ”

“อ้าว!!...ก็เธอขอฉันไปนอนห้องนั้นเองไม่ใช่เหรอ ก็ไปสิ ไปนอนเลย นอนกับพวกมันนั่นแหละ”

“เพลงกลัว ฮือ” เธอพูดทั้งน้ำตา

“ถ้าไม่นอนห้องนั้นเธอจะไปนอนห้องไหน?”

“เพลงนอนบนโซฟาก็ได้ค่ะ นอนในครัวก็ได้ เพลงนอนที่ไหนก็ได้ขออย่าให้เป็นห้องนั้น ฮือ”

เพลงมีนาเวลานี้น่าสงสารเหลือเกิน น้ำตาไหลอาบแก้ม น้ำมูกถูกสูดเข้าไปในจมูกเป็นระยะๆ ใบหน้าขาวนวลแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ความกลัวอัดแน่นในสมอง

“ตามใจอยากจะนอนไหนก็เชิญ” เขาพูดเหมือนกับคนใจดี “แต่ฉันจะบอกอะไรให้อย่างนึงนะ วันนี้จิ้งจกที่นี่จะเยอะเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นอาจจะมีบางตัวเกาะตามหน้าต่าง หรือไม่ก็หาช่องทางเข้ามาในบ้านของฉันเพราะตัวมันเล็กนิดเดียว แล้วเสียงของมันก็จะแข่งกันร้อง ส่งเสียงดังไปทั่วไร่ นี่ไง...พูดไม่ทันขาดคำ มันก็ประสานเสียงร้องกันแล้ว”

โชคเข้าข้างเขาเหลือเกิน จังหวะที่เขากำลังหลอกให้เธอกลัว เสียงจิ้งจกก็ร้องประสานกันสามตัว และนั่นยิ่งทำให้ประสาทความกลัวของเพลงมีนาทำงานหนักขึ้น มองซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวัง ดวงตาขยายกว้างเมื่อเห็นจิ้งจกตัวหนึ่งเกาะอยู่ตรงกระจกหน้าต่าง วันนี้เป็นวันรวมญาติจิ้งจกหรือไร เหตุใดวันนี้จึงมีสัตว์ชนิดนี้อยู่เต็มบ้าน ส่งเสียงร้องให้เธอเกิดความกลัวได้อย่างมากมาย

“จุ๊จุ๊ๆๆๆ”

“ตามสบายนะ หาที่นอนได้ตามใจชอบเลย นอนไปด้วยฟังเสียงจิ้งจกไปด้วยมันก็เพลินไปอีกแบบนะ ฉันขอตัวขึ้นไปพักผ่อนในห้องปลอดจิ้งจกก่อนนะ” เจ้าของบ้านให้สิทธิ์เธอเต็มที่ อยากจะนอนที่ไหนก็ได้ตามใจปรารถนา “อ้อ!!...ลืมถามเธอเลย เมื่อกี้ตอนที่เธอวิ่งออกมาจากห้องนั้นเธอปิดประตูห้องหรือเปล่า ถ้าไม่ปิดระวังนะมันจะเดินออกมาจากห้องนั้นมานอนเป็นเพื่อนเธอในห้องรับแขกนี้”

มีหรือที่คนขี้กลัวอย่างเพลงมีนาจะนอนข้างล่างนี้ได้ คำพูดของเขาทำให้เธอสยองเกล้า ขนลุกขนพองอย่างมากมาย ประตูห้องนั้นเธอก็ไม่ได้ปิดเสียด้วย ถ้าเกิดนอนห้องโถงหรือไม่ก็ห้องครัว มีหวังสัตว์ที่เธอเกลียดจะต้องคลานมานอนเป็นเพื่อนแน่ๆ ยี้ แค่คิดเธอก็แทบจะบ้าแล้ว

เท้าหนาที่กำลังเดินขึ้นบันไดชะงักลงโดยพลัน เมื่อได้ยินเสียงหวานๆ สั่นๆ ปนเสียงสะอื้นของเธอ “ชั้นบนมีห้องว่างให้เพลงนอนหรือเปล่าคะ?”

กวินภพยิ้มเย็นก่อนจะหันมาหาร่างสาว “ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมนะที่จะมีห้องว่างไว้สำรองน่ะ” เขาพูดเสียงเรียบ อันที่จริงแล้วห้องชั้นบนมีอยู่ด้วยกันสามห้อง เป็นห้องของเขาหนึ่งห้อง ห้องรับรองอีกหนึ่งห้อง ส่วนอีกห้องคือห้องทำงาน เขาจะให้เธอไปนอนห้องรับรองก็ได้ แต่เขาไม่ทำเพราะมีเหตุผลบางอย่างลึกๆ ในใจ

“เพลงเห็นว่าชั้นบนมันมีตั้งสามห้องไม่ใช่หรือคะ ให้เพลงนอนห้องใดห้องหนึ่งก็ได้”

ตอนที่เธอก้าวเดินออกมาจากห้องของเขาเมื่อเช้านี้ ดวงตาสาวสำรวจมองไปรอบๆ ชั้นบนก็พบว่า ชั้นนี้มีอยู่ด้วยกันสามห้อง เป็นห้องของเจ้าของบ้านหนึ่งห้อง ส่วนอีกสองห้องนั้นเธอไม่รู้ว่าคือห้องอะไร แต่ก็พอจะเดาได้ว่าหนึ่งในสองห้องที่เหลือน่าจะเป็นห้องรับรอง ความหวังจึงก่อเกิดในใจว่าหนึ่งในสองห้องนั้นน่าจะมีสักห้องที่ให้เธอพักพิง

“ใช่มีสามห้อง ห้องหนึ่งเป็นห้องนอนของฉัน ห้องที่สองเป็นห้องทำงานซึ่งฉันไม่มีวันให้เธอเข้าไปนอนห้องนั้นเด็ดขาด ส่วนอีกห้องนอนไม่ได้เพราะปิดปรับปรุง” ถ้อยคำของเขาทำให้ดวงหน้าสาวหมองลง ใช้มือปาดน้ำตาทิ้งราวกับเด็กๆ "ถ้าเธอจะนอนก็มีแต่ห้องฉันห้องเดียวเท่านั้น หรือว่าเธอจะไปนอนเรือนพักคนงานก็ได้นะ แต่ที่นั่นมีทั้งจิ้งจกและคนที่เกลียดเธอเข้าไส้อยู่ ฉันไม่รับรองความปลอดภัยทั้งจากจิ้งจกและคนงาน”

ห้องฉันห้องเดียวเท่านั้น

ห้องที่เขาพูดถึงนี้เองที่ทำให้น้ำตาสาวแทบจะแตกออกมาอีกรอบ

กรรมเวรอะไรของเธอ เหตุใดต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วย จิ้งจกก็กลัวแสนขยะแขยง ส่วนตัวเจ้าของไร่ก็น่ากลัวยิ่งกว่า จะให้ไปพักเรือนคนงานเพลงมีนาคิดว่านั่นคือที่อันตรายมากที่สุด เนื่องจากสายตาและท่าทางของคนงานเหล่านั้นดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แล้วเธอจะตัดสินใจอย่างไรดี

“จุ๊ๆๆ” สัตว์ที่เธอเกลียดแข่งกันร้องอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ดูเหมือนจะทำให้เพลงมีนาตัดสินใจอะไรได้แบบทันท่วงที เนื่องจากสายตาของคนขี้กลัวมองเห็นจิ้งจกหลายตัวเกาะอยู่บนกระจกหน้าต่าง ไม่ไหวแน่ อย่างนี้ไม่ไหวแน่

“ก็ได้ เพลงไปนอนห้องคุณทอร์ชก็ได้ค่ะ” ดูเหมือนว่าเธอจะถูกบีบให้จำยอมนอนร่วมห้องกับกวินภพ

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามมา”

เขาเอ่ยกับสาวกลัวจิ้งจกก่อนจะก้าวเดินขึ้นไปบนบันไดที่ทอดตัวสู่ด้านบนด้วยรอยยิ้ม โดยมีเพลงมีนาเดินตามไปติดๆ

ด้านนอกเรือนหลังใหญ่พี่น้องทั้งห้าคนหรือที่เจ้าของไร่และคนงานทุกคนต่างเรียกพี่น้องห้าคนนี้ย่อๆ ว่า ถนนทั้งห้าสาย เนื่องจากชื่อเสียงเรียงนามของทั้งห้าคนนี้มาจากชื่อถนนห้าสายในกรุงเทพฯ จตุรทิศ จักรพงษ์ จักรเพชร จักรวรรดิ และเจริญกรุง กำลังทำงานตามเจ้านายสั่งอย่างเคร่งครัด

“พี่ตั้ม เจ้านายกับน้องหนู เอ๊ย!!...เพลงขึ้นไปข้างบนแล้วพี่”

เจริญกรุงน้องคนเล็ก ถนนสายสุดท้ายหันมาบอกจตุรทิศพี่ชายคนโตหรือถนนสายที่หนึ่ง หลังจากที่แอบมองเจ้านายหนุ่มกับสาวดาวยั่วที่ตอนนี้ไม่เหลือความประพฤติเก่าก่อน

“แน่ใจหรือเปล่าไอ้โต้ง?” พี่ชายคนโตถามกลับ

“แน่ใจพี่ เดินหายขึ้นไปชั้นบนแล้ว” เจริญกรุงตอบเสียงหนักแน่น

“เออดี!!...งั้นมึงไปตามจับไอ้ตัวเล็กไปปล่อยได้แล้ว กูจะไปนอน”

ไอ้ตัวเล็กที่ว่านี้คือ จิ้งจก สมญานามอีกชื่อที่คนในไร่เรียกขาน เนื่องจากลำตัวของมันมีขนาดเล็กนั่นเอง ส่วนตุ๊กแกจะเรียกกันว่า ไอ้ตัวแดง ที่มาของชื่อนั้นก็คือ จุดแดงหลายจุดทั่วลำตัวของมัน

“โธ่พี่ตั้มช่วยกันจับหน่อยสิ ตั้งเยอะนะไม่ใช่ตัวสองตัว” จักรพงษ์ถนนสายที่สองหันมาบ่นกับพี่ชาย

“จะยากอะไรวะ ก็เทถังมันไปตรงพื้นนี่แหละ เดี๋ยวพวกมันก็วิ่งกันไปคนละทิศละทางเอง จะไปปล่อยทำไมให้มันไกลๆ”

จตุรทิศพูดไปเอื้อมมือไปจับจิ้งจกที่เขาเป็นคนนำตัวมันไปเกาะ

บนกระจกไปวางลงบนพื้นดิน ก่อนที่น้องสุดท้องจะเทถังที่ใส่จิ้งจกลงบนพื้นบ้าง ปล่อยจิ้งจกหลายสิบตัวให้เป็นอิสระ

“ผมไม่เข้าใจเจ้านายจริงๆ เลยพี่ตั้ม เจ้านายก็เกลียดยายความจำเสื่อมนั่น แต่ทำไมต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เพลงไปนอนในห้องเจ้านายด้วย หรือว่าเจ้านายจะรวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัว”

จักรเพชรถนนสายที่สามหันมาถามพี่ชายด้วยความไม่เข้าใจ ซึ่งคนที่ถูกถามก็ไม่เข้าใจกวินภพเช่นกัน แผนนี้เจ้านายหนุ่มไม่ได้บอกอะไรเขามากไปกว่า ให้ไปจับจิ้งจกมาให้มากที่สุด ก่อนจะนำไปไว้ในห้องเดิมที่เจ้าของไร่ตั้งใจจะให้เธออยู่

จากนั้นก็รอจนกว่าเพลงมีนาจะกลับมายังห้องรับแขก เขาและน้องชายทั้งสี่คนก็จะต้องนำจิ้งจกมาเกาะตรงหน้าต่างห้องรับแขก ขั้นต่อไปก็คือ ใช้เครื่องบันทึกเสียงให้เป็นประโยชน์ ด้วยการไปอัดเสียงจิ้งจกไว้ ก่อนจะเปิดเสียงจิ้งจกที่อัดไว้เพื่อให้ดูสมจริงสมจัง เพลงมีนาจะได้ประสาทหลอน ความกลัวขึ้นสมองซึ่งก็ได้ผลดีเกินคาด

“ไม่รู้เว้ย!!...อยากรู้ไปถามเจ้านายเอง” จตุรทิศจนปัญญาที่จะตอบ

“ใครจะกล้า เดี๋ยวโดนแตะ” คนที่ถามทำท่าสยองขวัญเมื่อนึกถึงเท้าหนักๆ ของผู้เป็นนาย

“ถามหน่อยสิ พี่ตั้มว่าน้องหนูจะความจำเสื่อมจริงๆ เหรอ?”

ข้อนี้เองที่ทำให้ต่อมความสงสัยของจักรวรรดิถนนสายที่ห้าทำงานอยู่ตลอดเวลา

“ไม่รู้สิ จากที่ดูๆ วันนี้มันก็ห้าสิบห้าสิบอยู่นะ น้องหนูคนก่อนทำกับข้าวอร่อยสุดๆ แต่น้องหนูคนนี้ทำไม่ได้เรื่องเลย หมายังไม่รับประทาน” พี่ชายคนโตสันนิษฐาน

“หรือว่าการที่เธอความจำเสื่อม อาจทำให้หลงลืมการทำกับข้าวไปด้วยพี่” จักรพงษ์เอ่ยขึ้น

“มันก็ไม่แน่ว่ะ คนมันความจำเสื่อมนี่หว่า อะไรที่เคยจำได้ก็จำไม่ได้” จตุรทิศเอ่ยตามความคิดของตน

“ไม่แน่ก็แกล้งจำไม่ได้ เพื่อเอาตัวรอดไงพวกพี่ๆ” เจริญกรุงน้องคนเล็กกล่าวเสริม

“คำพูดของพี่ตั้มก็มีเหตุผล คำพูดของไอ้โต้งก็น่าคิด ไม่ใช่ว่าตอนนี้เราถูกน้องหนูตัวแสบปั่นหัวเล่นอีกครั้งเหรอ รู้ๆ กันอยู่ว่าน้องหนูกะล่อน เจ้าแผนการมากแค่ไหน ไม่อย่างนั้นคงไม่ปั่นหัวคนงานในไร่ได้ทีละหลายๆ คนหรอก” จักรเพชรเสริมความคิดอีกคน

“เออๆๆ จะอะไรก็แล้วแต่ มันจะเป็นยังไงก็ช่างเราก็ดูๆ กันไปก็แล้วกัน แต่กูมีความรู้สึกว่า เจ้านายไม่มีวันให้น้องหนูที่มีชื่อใหม่ว่าเพลงปั่นหัวเป็นครั้งที่สองแน่ๆ พวกมึงหยุดสงสัยได้แล้วและก็คอยดูต่อไป ทำตามหน้าที่ของเราก็พอ” พี่ชายพูดเพื่อที่จะให้น้องๆ ทั้งสี่หยุดตั้งคำถาม เพราะคำถามเหล่านั้นเขาตอบไม่ได้

“นั่นสิ เจ้านายคงไม่ปล่อยให้ตัวเองถูกหลอกอีกครั้งแน่นอน” ถนนสายที่สองเป็นคนพูด

“เลิกพูดกันได้แล้ว กลับไปพักผ่อนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่ไก่ยังไม่ขันเพื่อไปซื้อกับข้าวมาให้แม่ครัวความจำเสื่อมทำอาหารเช้าให้คนในไร่กินอีก ไม่รู้ว่าจะกระเดือกลงหรือเปล่าเลย”

พี่ชายคนโตเอ่ยตัดบท ก่อนจะบ่นเรื่องฝีมืออาหารและงานใหม่ที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำ งานนั้นก็คือเขากับจักรเพชรจะต้องเดินทางไปตลาดในตัวเมือง เพื่อซื้ออาหารตามรายการที่เพลงมีนาจดเอาไว้ให้ ปกติแล้วหน้าที่นี้เป็นของป้าพิณ มะม่วงและมะยมที่จะต้องไปตลาดวันเว้นวัน เลือกซื้ออาหารสดและแห้งมากักตุนทำอาหาร แต่ทว่าป้าพิณไม่ค่อยสบาย จะให้เพลงมีนาไปตลาดเองก็คงไม่ได้ เนื่องจากโอกาสและจังหวะการหนีมีมากเหลือเกิน หน้าที่นั้นจึงตกอยู่กับเขาและน้องชายคนที่สามไปจนกว่าป้าพิณจะอาการดีขึ้น หรือไม่ก็จนกว่าป้ายุ่งแม่ครัวอีกคนที่ลากลับบ้านเดินทางกลับมาไร่พฤกษา ก็ต้องคอยลุ้นกันว่าอาหารเช้าพรุ่งนี้จะมีรสชาติอย่างไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel