3
แพททริกสันถึงกับกัดกรามแน่น พยายามข่มอารมณ์เดือดๆ ที่กำลังแล่นขึ้นมากับคำพูดที่จี้ใจดำของคาเรนเทีย ‘ใช่! เขาอาจจะไม่ต่างจากมัน! สามปีมานี้ถึงได้พยายามจะอยู่ให้ห่างจากเธอไง!’
“พี่แพททริกทิ้งซีน่ามาอยู่ตรงนี้นี่เอง ตามหาซะทั่วเลย!” ลูเซียน่าเอ่ยพร้อมกับเข้ามากอดแขนของชายหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ซีน่าเธอมาก็ดีแล้ว ช่วยบอกคนรักของเธอให้เลิกหวงก้างซะทีเถอะ! แต่ถ้าแกจะเก็บเอาไว้เอง ก็บอกกันดีๆ เพราะเท่าที่ทราบ น้องพิมเป็นแค่ลูกสาวบุญธรรม ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับแก หึ! แบบนี้ใช่ไหมถึงได้หวงน่ะ!”
คาเรนเทียที่เมานิดๆ บวกกับอารมณ์ที่ขุ่นเคืองจากการถูกขัดขวางอย่างไม่มีเหตุผล จึงแขวะอีกฝ่ายคืนอย่างกวนๆ และนั่นทำให้ฟางเส้นสุดท้ายที่พ่วงท้ายด้วยความหึงหวงของแพททริกสันขาด!
“คาเรนแก!” แพททริกสันสะบัดแขนลูเซียน่าออก พร้อมกับง้างหมัดเตรียมต่อยอีกฝ่าย
“เฮ้ๆ อะไรกันพวก!” แดเนียลเดินเข้ามาทันได้ยินประโยคแว่วๆ เมื่อครู่ จึงรีบเอ่ยห้ามก่อนที่แพททริกสันจะต่อยคาเรนเทีย ที่เวลาเมาแล้วมักจะชอบปากเสีย
“เอางี้แล้วกันครับ น้องพิมคะชนแก้วกับพี่คาเรนหน่อยแล้วกัน แล้วถ้าพี่คาเรนอยากจะคุยหรือทำความรู้จักกับน้องพิมละก็ ไม่มีปัญหาครับ แต่ต้องเชิญไปที่โต๊ะนู้นนะครับ เพราะพ่อของผมรอทำความรู้จักกับผู้ชายทุกคนที่อยากจะเป็นเขยคนเล็กของตระกูลอยู่” ออร์แลนโด้เอ่ย พลางหยิบแก้วส่งให้พิมพลอยชนกับอีกฝ่าย เพื่อจะได้จบปัญหาซะที
พิมพลอยพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหยิบแก้วจากออร์แลนโด้ขึ้นมาชนกับอีกฝ่าย “สวัสดีค่ะพี่คาเรน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“สวัสดีจ้ะ น้องพิมอายุเท่าไหร่แล้วคะตอนนี้” คนที่กำลังเดือดรีบปรับสีหน้าอ่อนลงทันทีทันใด
“21 ค่ะ” พิมพลอยตอบพร้อมกับยิ้มบางๆ ส่งให้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาท
“นี่น้องสาวกาฝากของพี่แพททริกเหรอคะ”ลูเซียน่าถามอย่างสงสัย
“ซีน่า! กรุณาใช้คำพูดดีๆ ให้เหมือนหน้าตาหน่อย ใครมาได้ยินเข้า เขาจะคิดว่าเธอขาดการอบรม” ออร์แลนโด้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชาและไม่สนโลก ต่อว่าสาวเจ้าอย่างไม่ไว้หน้า
“พี่แพททริกคะ!” ลูเซียน่าถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันใด รีบเข้าไปกอดแขนของชายหนุ่มเพื่อออดอ้อนขอความเห็นใจ
แพททริกสันหันมองลูเซียน่าแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ “ปล่อย!”
หญิงสาวทำหน้าเหวอ ยอมปล่อยแขนของอีกฝ่ายแต่โดยดี แต่ก็ไม่วายหันไปใช้สายตาจิกกัดผู้หญิงตัวต้นเหตุอย่างรู้สึกเกลียดชัง
“เอางี้นะครับทุกคน ใครอยากจะถามจะคุยเรื่องของน้องพิมเชิญตามมาที่โต๊ะครับ เชิญนะครับพี่คาเรน” เจคอปเอ่ยยิ้มๆ
พิมพลอยหันไปยิ้มให้เจคอปอย่างรู้สึกขอบคุณ เพราะตอนนี้เธอไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้อีกแม้แต่วินาทีเดียว
“เดี๋ยวพี่จะตามไปนะครับน้องพิม!” คาเรนเทียตะโกนตามหลังสาวเจ้าที่เดินออกไป
“ฉันว่าเราดื่มฉลองกันเถอะ นานๆ จะได้เจอกันที” แดเนียลเอ่ยขึ้นอย่างพยายามคลี่คลายสถานการณ์
“ก็ได้! มาดวลเหล้ากันหน่อยดีไหม?” แพททริกสันเอ่ยท้าทาย
“จัดมาได้เลย! เสนอของรางวัลมาด้วยสิแพททริก” คาเรนเทียยิ้มยั่ว
“ถ้าแกชนะ แกจะเอาอะไรล่ะคาเรน!” แพททริกสันถามกลับ
“ถ้าฉันชนะ ฉันจะออกเดตกับน้องสาวของแก!” คาเรนเทียขยับเข้าไปกระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สองคน
แพททริกสันกำหมัดแน่น แล้วจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน “แต่ถ้าแกแพ้ แกต้องเลิกยุ่งกับน้องพิม และห้ามเข้าใกล้เธออีกเด็ดขาด!”
“ได้ตามนี้!” คาเรนเทียเอ่ยพลางส่งมือไปจับ เพื่อทำสัญญาลูกผู้ชาย
“เอาเตกีล่ามา” แพททริกสันหันไปสั่งเด็กรับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นจับกับอีกฝ่ายเพื่อตอบรับข้อตกลง
ห้านาทีต่อมา...เตกีล่าราวห้าสิบช็อตก็ถูกยกมาเรียงเอาไว้จนเต็มโต๊ะ พร้อมกับเลม่อนผ่าซีกและเกลือ เพื่อนๆ ในงานต่างพากันมาล้อมวงดูสองหนุ่มกันอย่างตื่นเต้น ว่าใครจะชนะ
แดเนียลแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก กลัวว่าแพททริกสันและคาเรนเทียจะแตกคอกันก่อนที่จะได้ร่วมหุ้นสร้างกาสิโนบนเกาะ
ด้านคาเรนเทียนั้นเป็นบุตรชายคนเดียวของนายพลวีเซ่น ที่มีอิทธิพลอันดับต้นๆ ของอิตาลี และคาเรนเทียยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของฟีนิกซ์ ที่คบหากันมานาน โดยภาพรวมแล้วอีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นคนที่จริงใจ กล้าได้กล้าเสีย และเป็นคนที่ยึดมั่นในคำพูด
ที่สำคัญ! ตั้งแต่รู้จักกันมา ตนยังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายเอ่ยปากจีบสาว ที่ไหนมาก่อน แต่กลับขอจีบพิมพลอยตรงๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ล้อเล่น จนทำให้แพททริกสันถึงกับหลุดแสดงอาการหึงหวงออกมาเมื่อครู่!
สองปีต่อมา...(ปัจจุบัน) Rocasander Villa
คฤหาสน์โรคาซานเดอร์ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 400 เอเคอร์(ราวหนึ่งพันไร่) ตัวคฤหาสน์ออกแบบโดยผสมผสานความหรูหรากับความคลาสสิกเอาไว้ได้อย่างลงตัว งานเลี้ยงถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างอลังการ ท่ามกลางแขกทั้งในแวดวงสังคมชั้นสูงและแวดวงธุรกิจไม่เว้นแม้กระทั่ง ดารา คนดัง นางแบบ ที่พากันมาร่วมงานเพราะอยากจะเจอหนุ่มๆ ในตระกูลโรคาซานเดอร์ทั้งสามคน
วันนี้มะลิฉัตรจัดการเนรมิตพิมพลอยที่อายุ 23 ปี และสวยสะพรั่งจนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่วในวงสังคม แม้กระทั่งบุตรชายคนโตอย่าง...แพททริกสันที่ช่วงหลังๆ มานี้แทบจะเก็บอาการไม่อยู่
ขณะที่มะลิฉัตรกำลังยืนดูช่างแต่งหน้าให้หญิงสาวอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังอยู่สองสามครั้ง ทำให้ทุกคนหันไปที่ประตูตามๆ กัน
ก๊อกๆๆ
“เข้ามาได้!” มะลิฉัตรเอ่ยขึ้น จากนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา
“มาดามคะ คุณท่านให้มาเชิญค่ะ” สาวใช้รีบแจ้งคำสั่งของนายใหญ่แห่งโรคาซานเดอร์ทันที
“คุณแม่ไม่ต้องรอน้องพิมหรอกค่ะ” พิมพลอยรีบบอกอย่างเกรงใจ เพราะวันนี้เธอไปส่งงานชิ้นสุดท้ายที่มหาวิทยาลัย และประชุมกับเพื่อนๆ ร่วมรุ่น สรุปเรื่องสถานที่เลี้ยงฉลองเรียนจบ เลยทำเธอให้กลับมาเตรียมตัวร่วมงานร่วมเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของคุณมะลิฉัตรช้า
“เอางั้นเหรอจ๊ะน้องพิม งั้นแม่ลงไปก่อนนะลูก รีบๆ ตามมาล่ะ” มะลิฉัตรเอ่ยกับบุตรสาวบุญธรรมยิ้มๆ
“ค่ะคุณแม่ เดี๋ยวน้องพิมจะรีบตามลงไปค่ะ” พิมพลอยหันมาตอบ ในขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังปัดบลัชออนให้
“จ้ะ” มะลิฉัตรพยักหน้ารับยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกไป
Rocasander corporation Group London…
แพททริกสันในวัย 35 ปี ยังคงความหล่อเหลาเอาไว้ไม่คลาย หยิบกล่องกำมะหยี่หรูขึ้นมาเปิดออกดูนาฬิกายี่ห้อ Hublot Big Bang (อูโบลท์ บิ๊ก แบง) ที่ตัวเรือนของนาฬิกาประกอบด้วยเพชรน้ำงามถึง 1,280 ชิ้น และแต่ละชิ้นมีขนาดถึง 3 กะรัต เจียระไนโดยช่างที่มีประสบการณ์มากกว่า 40 ปี สนนราคาอยู่ที่ 3 ล้าน 5 แสนปอนด์ หรือประมาณ 150 ล้านบาท ที่จะนำไปเป็นของขวัญให้กับมารดา...
ขณะที่แพททริกสันเดินออกมาจากห้องทำงานของบริษัท เตรียมตัวจะไปร่วมงานเลี้ยงที่คฤหาสน์โรคาซานเดอร์ จิมมี่เจมส์ก็เข้ามารายงานว่า เพิ่งได้รับคำท้าแข่งรถจากเจคอป ที่ตอนนี้ซิ่งรถมารออยู่ที่หน้าบริษัท โดยมีเดิมพันคือใครแพ้เสียรถ ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ตรงมายังที่จอดรถด้านหน้า ก็เห็นน้องชายยืนกอดอกพิง Koenigsegg Agera อยู่ด้วยมาดกวนๆ ตามสไตล์ของอีกฝ่าย
“ไงป๋า!” เจคอปเอ่ยทักทายพี่ชายสุดที่รักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ไงเจค! อยากได้บูกัตติหรือว่าอยากเสียอาเกร่าล่ะ”แพททริกสันถามน้องชายจอมก่อกวนอย่างอารมณ์ดี
“โว้ๆ ป๋าไม่ได้แข่งไม่ได้ซิ่งมากี่ปีแล้วล่ะ จับแต่ปากกาเซ็นนั่นเซ็นนี่ตลอด ผมก็เลยอยากจะรู้ว่ายังพอจะมีไฟอยู่หรือเปล่าน่ะ!” เจคอปแซวพี่ชาย
“งั้นเดี๋ยวนายจะได้รู้ ว่าฉันยังมีไฟอยู่ไหม!” แพททริกสันตอบกลับพร้อมยกยิ้มมุมปากนิดๆ ที่น้องชายถ่อมาให้เชือดถึงที่
จิมมี่เจมส์กับมาร์ค มือขวาของเจคอปแอบยิ้มให้กัน เพราะนานๆ จะได้เห็นเจ้านายโชว์ฝีมือซิ่งรถสักที
สิบนาทีต่อมา...Bugatti Veyron (บูกัตติ เวย์รอน) สีดำเงาป้ายทะเบียนR1111 ของแพททริกสันกับKoenigsegg Agera (โคนิกเซกก์ อาเกร่า) สีแดงสด ป้ายทะเบียน R3333 ของเจคอป ผลัดกันขึ้นนำไปมาตลอดเส้นทางสู่คฤหาสน์โรคาซานเดอร์ โดยมีขบวนบอดี้การ์ดขับตามอยู่ข้างหลัง เสียงเครื่องยนต์ราคาแพงหูดับดังกระหึ่มมาแต่ไกล ดึงสายตาของคนที่มาร่วมงาน ให้หันมามองกันอย่างสนใจ เมื่อรถซูเปอร์คาร์ทั้งสองคันกำลังขับแข่งกันเข้ามาในงานเลี้ยงวันเกิดแห่งนี้!
บูกัตติสีดำเงาแล่นเข้ามาจอดที่บ่อน้ำพุด้านหน้าคฤหาสน์ก่อนอาเกร่าสีแดงสดเพียง 10 วินาทีอย่างฉิวเฉียด!
แพททริกสันเปิดประตูรถออกมาถึงกับผิวปากอย่างอารมณ์ดีที่เอาชนะน้องชายตัวแสบได้ ‘สะใจเป็นบ้า เขาจะเอาอาเกร่าของมันไปจอดเก็บไว้ที่ไหนดี!’
เจคอปเปิดประตูรถออกมาอย่างหัวเสีย ‘ไม่น่าเลย คิดว่าจะชนะอยู่แล้วเชียว!’
“เจค อย่าลืมเอากุญแจรถของนายให้เจเจล่ะ!” แพททริกสันรีบเอ่ยทันทีที่เห็นสีหน้าบูดบึ้งของน้องชาย
“ครับบบบ คุณแพททริกสัน ได้ตามสั่งเลยครับบบ” เจคอปลากเสียงใส่พี่ชายอย่างหมั่นไส้
‘ให้ตายเถอะ! เขาเกลียดรอยยิ้มที่ยกแค่มุมปากของพี่ชายสุดๆ’คนที่แพ้หันไปส่งสายตาละห้อยให้รถคู่ใจ ก่อนจะส่งกุญแจรถให้มือขวาของพี่ชายอย่างเซ็งๆ
จิมมี่เจมส์ที่รับกุญแจมาเผลอยิ้มกว้างอย่างลืมตัว เมื่อเห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของเจคอป ซึ่งผิดไปจากตอนที่ท้าแข่งรถเมื่อสิบห้านาทีก่อนลิบลับ
เลโอนาดท์และมะลิฉัตรรีบเดินมาหาลูกชายทั้งสอง หลังจากที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์มาแต่ไกล และสาวๆ ที่อยู่ในงานก็เริ่มขยับออกมาดูสองหนุ่ม ตระกูลโรคาซานเดอร์ตามๆ กัน ราวกับว่ากำลังมารอรับเจ้าชายเสด็จยังไงยังงั้น
“ไง! ไอ้เสือสบายดีนะ” เลโอนาดท์ทักทายบุตรชาย
“สวัสดีครับพ่อ สวัสดีครับแม่ แพทสบายดีครับ” แพททริกสันยิ้มกว้างให้บิดาและมารดาอย่างอารมณ์ดี
“แต่ผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ครับ” เจคอปเอ่ยด้วยใบหน้าที่มึนตึงนิดๆ
“หึ!” แพททริกสันกลอกตาอย่างเซ็งๆ รู้ว่าน้องชายกำลังจะเล่นบทดราม่า
“คือ... พอดีว่าขากลับผมไม่มีรถน่ะครับพ่อ รถผมเสีย! เลยฝากป๋าไปซ่อม พ่อจะใจดีให้ผมยืมรถไปใช้ก่อนสักคันได้ไหมครับ” เจคอปหันไป ออดอ้อนผู้เป็นบิดา
“ได้อยู่แล้วเจค ก็รถของลูกเสียนี่! ไม่ได้แข่งแพ้แล้วโดนยึดรถซะหน่อยจริงไหม? ฮ่าๆๆ” เลโอนาดท์ประชดคนช่างอ้อนอย่างอดไม่ได้
“ฮ่าๆๆ” แพททริกสันหัวเราะชอบใจที่ผู้เป็นบิดารู้ทันน้องชาย
เจคอปกลอกตาอย่างเพลียๆ ในขณะที่ทุกคนต่างหัวเราะเยาะเขากันอย่างขบขัน แต่ก็ไม่ทำให้เขายอมละความพยายามง่ายๆ
“ว่าแต่ คันไหนก็ได้ใช่ไหมครับพ่อ”
“ใช่! คันไหนก็ได้ยกเว้น Ford Mustang Hennessey คันเดียวลูก ฮ่าๆๆ” เลโอนาดท์เอ่ยพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ” แพททริกสันยกกำปั้นขึ้นชนกับผู้เป็นบิดาอย่างถูกใจที่ดักทางคนเจ้าเล่ห์ได้อีกครั้ง
“โธ่! พ่ออะ ผมเล็งคันนั้นก่อนเลยนะ” เจคอปโอดครวญขึ้นทันทีที่ทุกคนรู้ทันตนไปหมดซะทุกอย่าง
มะลิฉัตรหัวเราะใส่คนที่หน้าบูดอย่างชอบใจ ก่อนจะถามไถ่เรื่องงานที่บริษัทกับโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะมีขึ้น แพททริกสันบอกรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ เพื่อหาใครบางคน ที่ตั้งแต่เข้ามาในงานยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ
“แพท มองหาใครเหรอลูก?” มะลิฉัตรแกล้งถาม
“เอ่อ...ผมยังไม่เห็นน้องพิมเลยครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ
“อ๋อ! น้องพิมยังอยู่ข้างบนน่ะลูก สงสัยใกล้จะเสร็จแล้วมั้ง” มะลิฉัตรบอกพลางหันไปยิ้มให้สามี
“งั้นแพทขึ้นไปตามน้องเองครับ” แพททริกสันรีบอาสา
“รีบๆ ขึ้นไปเลยนะครับคุณแพททริกสัน ก่อนที่น้ำลายจะฟูมปาก ฮ่าๆๆ” คนที่แพ้พนันอดแขวะไม่ได้ หลังจากเสียอาเกร่าไปก็ดูเหมือนอะไรๆ จะดูขัดหูขัดตาไปหมด ‘หึ! ที่แท้โคแก่ก็อยากกินหญ้าอ่อน’
“ทำไมน้ำลายถึงต้องฟูมปากของฉันฮะเจค!” แพททริกสันหันมาถามด้วยสีหน้านิ่งๆ ทั้งที่รู้ว่าน้องชายหมายถึงอะไร
“นั่นสิ! ทำไมล่ะเจค” มะลิฉัตรถามต่อด้วยความสงสัย
“แม่เคยเห็นไหมครับเวลาที่โคแก่ๆ มันอยากจะเคี้ยวหญ้าอ่อนๆ น่ะ น้ำลายมันจะฟูมปากยังไงล่ะครับ ฮ่าๆๆ” เจคอปบอกเสร็จก็หัวเราะอย่างชอบใจที่ได้เอาคืน หลังจากที่ถูกหัวเราะเยาะมานาน
‘หึ! เขาไม่โกรธให้มันเห็นหรอก ทั้งๆ ที่เขาโคตรจะซีเรียสเรื่องนี้สุดๆ เขารู้ว่าน้องชายหงุดหงิดที่เสียรถ แต่ขอโทษ...วันนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่ารออยู่’
“เจค! นี่นายเป็นวันนั้นของเดือนหรือเปล่าฮะ! ฉันแค่ 35 ไม่ใช่ 75 ซะหน่อย ที่สำคัญฉันยังหนุ่มยังแน่นและยังมีไฟ แล้วฉันก็คิดว่านายน่าจะรู้ดีนะ เพราะนายเพิ่งจะเสียอาเกร่าให้ฉัน อย่างนี้ใช่ไหมครับแม่ ที่คนไทยเขาเรียกว่าแพ้แล้วพาลน่ะครับ” แพททริกสันร่ายยาว
เลโอนาดท์และมะลิฉัตรพากันหัวเราะบุตรชายคนเล็ก ที่ไม่ว่าจะพูดหรือทำอะไรก็ดูจะผิดไปหมด!
“โอเคๆ ผมคงจะเป็นวันนั้นของเดือนอย่างที่ป๋าบอกน่ะแหละเชิญเลยครับคุณแพททริกสัน เมื่อกี้บอกว่ารีบอยู่ไม่ใช่เหรอ” เจคอปรีบบอก พร้อมกับยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อบอกว่ายอมแพ้
แพททริกสันยกยิ้มตรงมุมปากนิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในคฤหาสน์ เพื่อหาใครบางคนที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดหลายปี
ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเดินตรงเข้าไปยังห้องแต่งตัว ด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก...สองปีที่ยาวนานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์ กำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว!