บทที่ 1-1
สายลมพัดต้องหน้าเด็กหนุ่มทั้งสามคน ซึ่งกำลังยืนอยู่กลางแดดจ้า นัยน์ตาเพ่งเล็งไปยังต้นกระบองเพชรข้างหน้า ลมพัดเอาไอแดดจากทะเลทรายอันแสนร้อน ทำให้ร้อนระอุจนเหงื่อหยดไหลออกมาตามใบหน้าและแผ่นหลัง ในมือของพวกเขาถือปืนคนล่ะกระบอก หนึ่งในนั้นยกปืนขึ้นเล็ง พลางหรี่ตาลงเพื่อมองเป้าให้ชัดเจน ก่อนจะเอ่ยเสียงท้าทายเพื่อนอีกสองคน ที่กำลังยืนรอดูผลงานของเขาอยู่
“นายว่าฉันจะยิงโดนเป้ากี่นัด ซากี ซูนีอัล”
“สอง” น้ำเสียงเรียบเย็นของเด็กหนุ่มผมสีทรายดังขึ้น เล่นเอาคนถามถึงกับคิ้วกระตุก แล้วหันขวับมามองหน้าคนพูดพลางทำตาโต
“เฮ้ย! น้อยไปหรือเปล่าวะ”
“หนึ่งครึ่ง”
คำทำนายจากอีกคน ยิ่งทำให้คนที่ตั้งใจจะอวดโอ่ความแม่นยำของตนเอง ถึงกับหน้ามุ่ย แทบจะโยนปืนในมือของตนเองทิ้ง เขาหันไปมองเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งซึ่งทำหน้านิ่ง กำลังเพ่งมองเขาด้วยนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มซึ่งเต้นระริกอย่างนึกสนุก คำพูดแบบนี้มันเย้ยกันชัดๆ
“มันจะทุเรศไปหรือเปล่าวะ ซากี หนึ่งครึ่ง แล้วนายล่ะแน่แค่ไหนกัน หกนัดนี้นายจะยิงเป้านั่นเข้าสักกี่นัด”
“หกนัด ถ้าฉันยิงไม่เข้าเป้าทั้งหมด เย็นนี้ยอมทำหน้าที่แทนนายเลย ดามูลาห์ ”
เด็กหนุ่มตอบ พร้อมกับยกปืนของตนเองแล้วมองไปข้างหน้า พลางลั่นกระสุนทันที
เมื่อเสียงปืนหกนัดสิ้นสุดลง ดามูลาห์ จึงรีบวิ่งไปปลดเป้าปืน เมื่อเห็นรอยกระสุนแล้วก็หน้าเบ้ พลางมองเพื่อนซึ่งเก็บปืนของตนไว้ที่สายคาดตรงบริเวณเอว ด้วยสายตาขุ่นๆ พร้อมกับแสร้งเอาไพล่หลังไว้ เขาเดินสาวเท้าเข้าไปใกล้คนที่กำลังรอยืนดูผลงานของตนเองอยู่ แล้วทำหน้าเยาะเย้ย
“โธ่...หกนัดของนาย ท่าทางจะไม่ใช่อย่างที่โม้แล้วล่ะวะ”เจ้าของผลงานยิ้มน้อยๆ แต่คนที่ดูเดือดเนื้อร้อนใจแทนกลับเป็นอีกคนหนึ่ง
“เป็นไปได้หรือวะ ปรกติแล้วซากีไม่เคยพลาดนี่นา”
ฟังเสียงโวยวายนั่นแล้ว ดามูลาห์ก็หัวเราะก๊าก ก่อนจะถอนใจพร้อมกับอวดเป้ากระดาษให้กับสองหนุ่มที่ยืนลุ้นได้ดู ยอมรับความพ่ายแพ้ในความแม่นยำของซากี ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนามสู้เลยก็ว่าได้
“เฮ้อ...ไม่ใช่อย่างที่โม้ เพราะเข้าเป้าทุกนัดจริงๆ ต่างหากเล่า ยอมรับเลยว่ะซากี นายแม่นมากจริงๆ”
“เพราะแบบนี้ยังไงเล่า ลุงซาอิดถึงยอมให้ซากีออกไปด้วยทุกหน เฮ้อ...” เด็กหนุ่มผมสีทราย นัยน์ตาสีนิลบ่น พลางหันไปมองหน้าดามูลาห์ ที่ยักไหล่เลยทันที
“ไม่เหมือนพวกเรา ที่ต้องผลัดกันจับฉลากไป ลุงซาอิดบ่นอยู่เรื่อย ว่าฉันกับนายยังไม่โตพอ แล้วไอ้ซากีมันโตพอแล้วหรือยังไงกันวะ”
“โตกว่าพวกนายก็แล้วกันล่ะนา”
เด็กหนุ่มที่ชื่อซากียิ้มน้อยๆ ท่าทางนิ่งเฉย มาดอันนิ่งเงียบนั้นราวกับเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ทั้งๆ ที่อายุเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น มันทำให้เขาดูโตกว่าทั้งซูนีอัล และดามูลาห์ นี่กระมัง ที่ทำให้ซาอิด มักจะพาเขาติดสอยห้อยตามไปอยู่เรื่อย เวลาที่ออก ‘ปฏิบัติการ’
“หนหน้าลุงซาอิดจะพาพวกเราไปไหมวะ เห็นว่าจะไปจัดการบ้านของไอ้รัฐมนตรีอาลี คิดแล้วคันไม้คันมือเป็นบ้า”
“นายก็เสนอตัวสิดามูลาห์ แล้วก็เอาเป้าปืนของซากีไปอวด รับรองว่าลุงซาอิดให้ตามไปด้วยแน่ๆ” ซูนีอัลเอ่ยกระเซ้า ดามูลาห์ส่ายหน้าเลยทันที พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ยังไงลุงก็รู้อยู่ดี ว่าฉันโกหก ฉันไม่ได้แม่นปืนเหมือนซากีมัน แต่ฝีมือการต่อสู้อย่างอื่นก็ไม่ได้แพ้ใครนะ โดยเฉพาะการต่อสู้แบบมวยไทย”
“โอ...นี่นายไปเรียนมาจากสิงห์ล่ะสิ” ซูนีอัลหัวเราะ “เราจะฝึกปืนกันต่อไหมวะซากี ดูท่าว่าดามูลาห์จะยอมแพ้นายไปแล้วตอนนี้ แบบนี้ก็ไม่มีอะไรสนุกๆ เลยน่ะสิ”
“เรากลับกันเลยก็ได้ ออกมาไกลกันมากวันนี้ เดี๋ยวลุงซาอิดจะเป็นห่วง”
ซากีว่า เด็กหนุ่มทั้งสามเดินไปยังอูฐซึ่งผูกไว้ใกล้ๆ กับต้นไม้พุ่มขนาดเล็ก พอให้มันได้หลบแดดที่แผดจ้า เงาจากภูเขาช่วยบดบังมันจากแดดร้อนได้ดี เจ้าสัตว์สัญลักษณ์แห่งทะเลทราย พอเห็นเจ้านายของมันเดินกลับมา นัยน์ตาโตฉ่ำสีดำสนิทก็ดูมีแววดีใจ เมื่อรู้ว่าตนเองจะได้กลับไปยังที่พักเสียที
“ไปที่โอเอซิสไหม ซากี ดามูลาห์ พาเจ้าสามตัวนี่ไปเล่นน้ำกันหน่อย”
ซูนีอัลเอ่ยชวน สองหนุ่มพยักหน้า แล้วเมื่อพากันขึ้นไปบนหลังอูฐแล้วเรียบร้อย ก็เกิดการพนันขันต่อขึ้นว่า ใครจะไปถึงโอเอซีสซึ่งอยู่ห่างไปจากที่นี่ประมาณห้ากิโลเมตร ได้รวดเร็วกว่ากัน
เด็กหนุ่มทั้งสามอย่างซากี ดามูลาห์ และซูนีอัล น่าจะได้จับปากกาขีดเขียน มากกว่ามาจับปืน พวกเขาอายุเพียงสิบห้าปี แทนที่จะได้รับการศึกษาเหมือนเด็กหนุ่มคนอื่นๆ ในวาดาม หากแต่พวกเขากลับต้องมาอยู่ท่ามกลางทะเลทราย ซึ่งคนที่วาดามเรียกขานทะเลทรายแห่งนี้ว่า ทะเลทรายแห่งความตาย เนื่องเพราะมันแห้งแล้ง และแทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เลย
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันเพียงลำพัง เด็กหนุ่มทั้งสามไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของตนเอง พวกเขามีเพียงแค่ชายนามว่าซาอิดเท่านั้นที่เป็นทุกสิ่งของเขา พ่อ แม่ เจ้าชีวิต นี่คือซาอิดในความรู้สึกของพวกเด็กหนุ่ม เขาถูกเลี้ยงดูมาจากซาอิด อบรมสั่งสอนทุกสิ่ง และหล่อหลอมให้ทั้งสามคนมีอุดมการณ์ที่เหมือนกับตน ซาอิดจอมโจรแห่งวาดาม
ใช่แล้ว...พวกเขาถูกเลี้ยงดู มาโดยจอมโจรแห่งวาดามอย่างซาอิด กองโจรที่มีกันทั้งหมดเกือบสิบห้าคน ภายใต้การนำของซาอิด ชายผู้ซึ่งมีที่มาอันลึกลับ ผู้คนขนานนามซาอิดว่าจอมโจรพระเจ้า นั่นก็เพราะเขาเลือกปล้นคนรวย และนำเงินเหล่านั้นไปแจกจ่ายให้กับคนยากไร้เข็ญใจ โดยทิ้งโน้ตไว้ให้กับคนที่เขาเลือกปล้น ให้ได้เจ็บใจเล่นๆ ซึ่งคนที่ซาอิดเลือกที่จะนำพรรคพวกออกไปปล้นทรัพย์สิน ส่วนมากก็คือพวกเศรษฐีร่ำรวยมาจากการทำนาบนหลังคน พวกข้าราชการฉ้อฉลเท่านั้น
เขาเป็นโจรที่มีค่าหัวมากที่สุดในวาดาม ซึ่งนับวันแล้วค่าหัวของซาอิดจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นหลักล้าน แต่ก็ยังไม่มีใครจับซาอิดได้ หนำซ้ำ เขากลับเป็นโจรที่ได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากประชาชนเสียอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นศัตรูของทางการ แต่เป็นที่รักของประชาชนเลยก็ว่าได้
นั่นคงเพราะวาดามตอนนี้ ไม่เหมือนวาดามตอนที่ชีคมาริดขึ้นครองราชย์ หากแต่มีแต่ความวุ่นวายและเหลื่อมล้ำ ชีคราอิสปกครองบ้านเมืองจากบัลลังก์ที่ช่วงชิงมาอย่างไม่เป็นธรรม ด้วยความหลงระเริงในอำนาจ คนรวยร่ำรวยล้นฟ้า คนจนกลับต่ำเตี้ยราวกับหญ้าที่ถูกเหยียบย่ำ โอกาสเป็นของคนที่มีเงินเพียงเท่านั้น คนจนถูกกดหัวและด้อยค่า
การเรียกเก็บภาษีอย่างไม่เป็นธรรม โอกาสที่มีให้คนในสังคมอย่างไม่เท่ากัน และความฟุ้งเฟ้อของราชสำนัก นี่แหละทำให้ประชาชนคนวาดามในระดับกลางและระดับล่าง ต้องทนกล้ำกลืนฝืนทน ตกเป็นเบี้ยล่าง พวกประชาชนคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ในที่ดินของตัวเอง ที่ดินตกเป็นของรัฐ และพวกราชการรวมถึงพวกเศรษฐี ที่ได้รับยศถาบรรดาศักดิ์จาก ชีคราอิส พวกเขาเพียงได้แต่เช่าพื้นที่ทำกิน และส่งภาษีซึ่งเรียกได้ว่าแพงแบบขูดรีดกันเลยทีเดียว มีอีกหลายสิ่งเหลือเกินที่ชีคราอิสกระทำ และนั่นก็ยิ่งทำให้คนวาดามมีชีวิตที่ตกต่ำลงเรื่อยๆ
นี่กระมังทำให้จอมโจรซาอิดกลายเป็นที่รักใคร่ กลายเป็นพระเอกของประชาชนคนจนตาดำๆ ที่ถูกกดรีด มีหลายคนที่มีอุดมการณ์เดียวกับซาอิด และตามหาเขาจนเจอ และขอเข้าร่วมขบวนการเดียวกับจอมโจรผู้เกรียงไกรผู้นี้ แต่ซาอิดก็ไม่ได้รับไว้เสียทุกคน เขาร่อนเร่เปลี่ยนที่พักไปเรื่อย ๆ เพราะไม่อาจจะปักหลักอยู่ที่ไหนได้นาน เนื่องจากต้องหลบหนีเงื้อมมือของกฎหมายอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้ซาอิดพาพรรคพวกมาปักหลังที่ทะเลทรายแห่งความตายได้เกือบสองปีแล้ว เพราะดูจะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา ไม่มีตำรวจคนใดมายุ่งกล้ำกรายเลยแม้แต่คนเดียว แถมยังค้นพบแหล่งน้ำโอเอซิส ที่พอจะให้พวกเขาได้เพาะปลูกพืชผลได้บ้าง และอยู่ไม่ไกลจากเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งนัก ซึ่งคนในเมืองนี้มักจะลอบส่งเสบียงให้กับพวกเขาอยู่เรื่อยๆ เนื่องจากหัวหน้าหมู่บ้านนั้นรักใคร่กับซาอิดราวกับพี่น้อง ช่วยปกป้องและป้องกันกองโจรของซาอิดได้เป็นอย่างดี
ชายร่างใหญ่ ใบหน้ารกเรื้อไปด้วยหนวดเครา นัยน์ตาทรงอำนาจ ก้าวออกมาจากกระโจม ในมือของเขาถือหนังสือติดมือมาด้วย เป็นหนังสือเล่มใหญ่ปกหนัง นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบๆ บริเวณที่พัก แล้วเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะมองดูนาฬิกาที่ข้อมือของตน แล้วส่ายหน้าน้อยๆ เมื่อมองไม่เห็นคนที่กำลังมองหาอยู่ เขาหอบหนังสือไว้ในอ้อมแขน แล้วเดินก้าวยาวๆ อย่างจะสำรวจบรรดาลูกน้องของเขา ที่กำลังประกอบกิจกรรมยามเย็นตามหน้าที่ของตนเองอยู่
“เห็นสามคนนั่นไหม อาบิล” เสียงทุ้มเอ่ยถามชายคนที่กำลังจัดการหอบฟืนเข้ามา เพื่อเตรียมจุดไฟหุงหาอาหารมื้อเย็น
“ไม่เห็นเลยครับท่านซาอิด”
“ไปเหลวไหลที่ไหนนะ ไอ้พวกลูกเจี๊ยบสามคนนั่น”
เขาบ่นกับตนเองเบาๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งขัดสมาธิลงบนแคร่ไม้ พวกเด็กๆ ของเขาน่าตีเสียจริงๆ ที่เหลวไหลจนเลยเวลาเรียนแล้วแบบนี้ แม้ว่าจะเป็นโจร แต่ซาอิดก็อยากให้พวกเด็กหนุ่มทั้งสามคนที่เขารักเหมือนลูก อย่างดามูลาห์ ซากี และซูนีอัล ได้รับความรู้ เขาเต็มใจที่จะถ่ายทอดทุกอย่างโดยไม่คิดหวงห้าม และอยากให้ทั้งสามคน เก่งทั้งทางบู๊และบุ๋น นั่นก็เพื่อ...
โจรผู้เกรียงไกร...ซาอิดนึกถึงฉายาของตนแล้วก็ยิ้มน้อยๆ โรบินฮู้ดแห่งทะเลทรายสินะ ปล้นคนรวย เอาเปรียบ คดโกง แจกจ่ายไปยังคนจนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ เออหนอ...จอมโจรผู้เกรียงไกร เขาชอบฉายานี้นัก และยินดีที่ตนเองเป็นโจรเสียยิ่งกว่า ถ้าต้องก้มหัวรับใช้ใครบางคน!
เสียงอูฐร้องเบาๆ พร้อมกับเสียงพูดคุยกันโขมงเสียงดัง ที่ได้ยินเสียงมาก่อนตัว อย่างเสียงของดามูลาห์และซูนีอัล ทำให้เขาละภวังค์ของตนเอง ก่อนจะหรี่ตาลง แล้วมองไปยังต้นเสียง ก็เห็นเข้ากับสามหนุ่มน้อยวัยกระเตาะ ที่เดินเข้ามาพร้อมๆ กันพอดี
เด็กหนุ่มผมสีทรายยาวเล็กน้อย นัยน์ตาสีเข้ม ท่าทีรื่นเริง นิสัยใจร้อนนิดๆ โผงผาง และตรงไปตรงมา แต่รักความยุติธรรม นั่นคือซูนีอัล เขามีเรือนร่างสูง แม้จะยังผ่ายผอม แต่ก็เริ่มมีกล้ามเนื้อ อีกไม่กี่ปีคงจะมีรูปร่างที่งดงาม และสง่ายิ่งนัก ความฉลาดเฉลียวของซูนีอัล ทำให้เขานึกภาคภูมิใจ และอยากให้เด็กหนุ่มมีโอกาสที่ดี มากกว่ามาเป็นโจรเหมือนกับเขา
เด็กหนุ่มที่มีเรือนผมสีดำตัดสั้น นัยน์ตาสีอ่อน ผู้มีนิสัยปากกล้า ท้าทาย ใจร้อน เจ้าเล่ห์ ขี้โวยวาย คือดามูลาห์ เขามีรูปร่างเตี้ยกว่าซูนีอัลเล็กน้อย ไหล่กว้างกว่า คนนี้มักจะทำให้เขาต้องกุมขมับอยู่เสมอเพราะความเจ้าเล่ห์ แต่ก็ทำให้ซาอิดยิ้มได้เสมอ เพราะมุกตลก ความคะนองของดามูลาห์ แม้จะทำให้เขาต้องเหนื่อยบ้าง แต่แค่ซาอิดเปล่งคำว่าไม่ ดามูลาห์ก็หยุดและพร้อมจะเชื่อฟัง
ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนนั้น เป็นเบ้าหลอมจากเขาในหลายๆ เรื่องเลยก็ว่าได้ นัยน์ตาคมปลาบ มองใบหน้าเรียวได้รูป เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยาวปรกต้นคอ คิ้วเข้มยาวจรดนัยน์ตาคมกริบ แฝงแววมุ่งมั่นเอาจริง ซากี เด็กหนุ่มซึ่งมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับเขามาก ซากีเป็นคนนิ่ง ติดเงียบขรึม ใช้สมองมากกว่ากำลัง ฉลาดเฉลียว มีความสามารถรอบด้าน เป็นนักแม่นปืนพร้อมๆ กับการเป็นนักคำนวณและนักวิชาการที่ดี ซากีมักจะมีข้อคำถามและข้อโต้แย้งมากกว่าเด็กหนุ่มอีกสองคน เขาชื่นชอบในบทกวี ดื่มด่ำกับความสุนทรีย์จากเครื่องดนตรีอัลอู๊ด ซึ่งเขาเล่นได้อย่างไพเราะ เรียกได้ว่าซากีมีหลายมุมในตัวเอง ทั้งแข็งแกร่ง และอ่อนโยน บางทีถ้าเขาเกิดหมดสิ้นลมหายใจลงไป ซาอิดแน่ใจว่าซากีจะคุมคนแทนเขาได้ และสานเจตนารมณ์ของเขาต่อไป จอมโจรผู้มุ่งมั่นที่จะลงทัณฑ์คนชั่ว และช่วยเหลือคนดี เขามั่นใจว่าซากีจะทำมันได้ดีกว่าคนไหนๆ แน่นอน
“หนีเรียนกันหรือยังไง”