5 เข้าพบผู้หลักผู้ใหญ่
เสียงแจ้งเตือนจากไลน์ดังเข้ามาถี่ๆ ทำให้คนที่กำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนอย่างสนุกสนานที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะต้องชะงักลงกลางคัน หยิบโทรศัพท์มาเปิดดูข้อความว่าใครส่งอะไรมา ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นตาลุงจอมหื่นของเธอที่วันๆ เอาแต่ชวนเธอคุย ไม่รู้ว่าทำงานทำการบ้างรึป่าว แต่ก็ดี เพราะเธอจะได้รับรู้ว่าเขากำลังทำอะไร ยิ่งเสน่ห์แรงเกินต้านทานอยู่ ถ้าวันนี้ไม่มีเรียนเขาคิดจะหนีบเธอไปทำงานด้วย
“น้องพลอยทำอะไรอยู่คะ”
“ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“อ่านแล้วตอบด้วยนะคะพี่คิดถึง”
“มาเป็นชุดเลยนะ”
แพรพลอยพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่วายมีเพื่อนได้ยินแล้วพากันแซวเธอใหญ่ เธอได้แต่ส่ายหน้าให้กับความทะเล้นของเพื่อนๆ
“ทำไมไม่ตอบพี่ล่ะคะ”
คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อคนที่กำลังนึกถึงมากระซิบที่ข้างหู และไวเท่าความคิดก็รีบหันกลับไปหาที่มาของต้นเสียงทันที คนตัวโตในชุดสูทสุดหรูแบรนด์ดังยืนทำหน้าหล่ออยู่ และใช่ตอนนี้พี่ภาคของเธอกลายเป็นจุดสนใจไปแล้ว สาวๆ นี่กรี๊ดกันใหญ่จนเธอต้องส่งค้อนให้วงใหญ่โทษฐานทำให้เธอไม่พอใจ
“พี่ภาคมาได้ไงคะ แล้วทำไมต้องมาเงียบๆ ด้วย พลอยตกใจรู้ไหม” พูดแล้วก็กอดอกแกล้งทำหน้าเชิดใส่คนตัวโตที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอและตอนนี้ได้ทรุดตัวลงมานั่งข้างเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่งเฉยๆ ไม่ได้ด้วยนะต้องเอาแขนมาเกี่ยวเอวเธอเอาไว้
“คิดถึงเลยมาหา” กระซิบที่ริมหูบาง มือเล็กพยายมแกะมือเขาออก แต่ขอโทษทีมือเขาเหนียวยิ่งกว่ากาวตาช้างซะอีก ถ้าไม่ปล่อยก็ไม่มีทางหลุดออกไปได้
“เอ่อ สวัสดีค่ะคุณภาค พวกเราเป็นเพื่อนพลอยนะคะ เมื่อครั้งที่ไปคลับพวกเราไม่มีโอกาสได้แนะนำตัว หนูชื่อพริบพราวหรือเรียกว่าพราวก็ได้ค่ะ” พริบพราวกล่าวแนะนำตัวเสร็จก็ยกมือขึ้นไหว้ภาคภูมิ ขัดจังหวะความหวานของคนทั้งคู่เมื่อเห็นว่าทั้งเพื่อน และชายหนุ่มไม่มีทีท่าว่าจะสนใจพวกเธอเลยขอขัดจังหวะด้วยการแนะนำตัวก่อนเลย
“สวัสดีครับน้องพราว เรียกพี่ว่าพี่ภาคดีกว่าครับ ขอโทษทีพอดีพี่มัวแต่สนใจน้องพลอยเลยลืมทักทายน้องๆ ” ถ้าพริบพราวไม่ทักขึ้นมาเขาก็คงไม่ได้สังเกตอีกหลายชีวิตที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ เพราะมัวแต่สนใจคนในอ้อมแขนที่ตอนนี้นั่งหน้าแดงอยู่ สงสัยจะอายเพื่อน
“พี่ภาคปล่อยก่อนค่ะ นี่มันในมหาลัยนะ อย่าประเจิดประเจ้อสิคะ” แพรพลอยบอกเสียงขุ่นตอนนี้เพื่อนเธอแซวเธอใหญ่แล้วโดยเฉพาะพริบพราว ถ้ามีซินดี้ด้วยอีกคนรับรองเธอต้องอายมากกว่านี้แน่ๆ
“แต่ถ้าออกนอกรั้วมหาลัยเมื่อไหร่พี่จะทบต้นทบดอกนะจ๊ะเมียจ๋า”ภาคภูมิยอมปล่อยแพรพลอยออกจากอ้อมแขนแต่ก็ไม่วายกระซิบขู่เธออีก
“หื่นได้ใจเลยนะค ะแล้วนี่มีอะไรรึป่าวคะหรือว่าจะชวนไปไหน” แพรพลอยถามคนที่ลุกขึ้นยืนแล้วดึงมือเธอให้ลุกขึ้นตามคงไม่ใช่ให้เธอไปนั่งเล่นที่ทำงานเขาหรอกนะ
“ไปพบผู้ใหญ่คนสำคัญน่ะค่ะ ท่านเป็นที่ปรึกษาให้กับห้างแห่งหนึ่ง ส่วนอีกท่านเป็นเจ้าของห้องเสื้อ พูดแล้วก็ไปกันเถอะ”
ขึ้นรถมาได้แพรพลอยก็รีบซักทันทีเพราะคนที่จะไปพบทำอาชีพคล้ายพ่อ และแม่ของเธอ ซึ่งพ่อเธอได้วางมือจากงานบริหารมาเป็นที่ปรึกษาให้กับห้างของตระกูลเธอแล้ว ส่วนแม่ก็มีห้องเสื้อที่มีแต่คนดังแวะเวียนเข้าไปใช้บริหาร แต่คนที่พามาไม่ยอมบอกรายละเอียดสักทีคอยแต่จะจูบจะหอมเธอลูกเดียว ถามอะไรหน่อยก็จูบปิดปากเธออยู่เรื่อย จนทนไม่ไหวต้องเอามือมาปิดปากเขาเอาไว้ ไม่งั้นไม่รู้เรื่องแน่ดีที่วันนี้เขาไม่ได้ขับรถเองไม่งั้นเธอคงได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพเพราะมีสารภีที่คอยแต่จะหื่นอย่างเดียว
“ตอบคำถามมาก่อนสิคะไม่งั้นไม่ต้องจูบ ไม่ต้องหอม ไม่ต้องกอด และไม่ต้องอะไรทั้งนั้น” แพรพลอยยื่นคำขาดให้กับคนตัวโตที่กอดรัดเอวเธอแน่น ส่วนคนโดนขู่ก็น้อยหน้าที่ไหนกอดกระชับแม่ยอดยาหยีเข้าหาอกกว้างไม่ให้เหลือพื้นที่สักนิด
“ฆ่าพี่เถอะถ้าจะห้ามขนาดนั้น พี่บอกก็ได้จ้ะเมียจ๋า แต่พี่ว่าวันนี้เมียพี่ใส่กระโปรงสั้นมากเลยนะ” ภาคภูมิลูบไล้ขาสวยหน้าตาก็บูดบึ้งเมื่อคิดถึงหนุ่มๆ ที่วันนี้ได้มองขาเรียวสวยของเมียแค่คิดอารมณ์โกรธอารมณ์หงุดหงิดก็มาเต็ม
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง กระโปรงมันไม่ได้สั้นเกินไปซะหน่อย พอดีเข่ายังหาว่าสั้นไปอีกคนเรา” ก้มลงมองกระโปรงตัวเอง จะมองว่ามันสั้นก็ไม่แปลกเพราะตาลุงของเธอจับเธอนั่งตักกระโปรงมันก็ยิ่งล่นขึ้นมาน่ะสิ
“เจ้านายเรานี่นับวันยิ่งเยอะเนอะโทนี่” จอห์นกับโทนี่ลอบยิ้มให้กันอย่างขำๆ เจ้านายของเขาท่าจะเป็นเอามากอะไรนิดอะไรหน่อยที่เกี่ยวกับหวานใจนี่ไม่ได้เลย เขาสองคนต้องทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเหมือนไม่ได้ยินว่าเจ้านายคุยอะไรกัน ถ้าหลุดขำออกมามีหวังเขาสองคนโดนเตะแน่
จนแล้วจนรอดแพรพลอยก็ยังไม่รู้ว่าภาคภูมิพามาพบใคร เพราะเขาคอยแต่จะหาเรื่องรังแกเธอจนกระทั่งมาถึงที่หมาย ซึ่งก็คือบ้านของเธอเอง แล้วทำไมต้องมีลับลมคมในด้วย ภาคภูมิมองคนที่ทำหน้าสงสัยอย่างเอ็นดูคงจะคิดล่ะสิว่าเขามาบ้านเธอทำไม จริงๆ ถ้าจะบอกมันก็บอกได้ แต่แค่อยากจะเซอร์ไพร์สคนสวยของเขาก็แค่นั้น
“เลิกทำหน้าสงสัยได้แล้วคนสวย เข้าไปในบ้านกันเถอะค่ะ ป่านนี้ข้างในชะเง้อหาเราแล้ว” ภาคภูมิจูงมือคนที่ขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปในบ้านที่ตอนนี้มีคุณพ่อคุณแม่ของเขาและของแพรพลอยนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกของบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“มากันแล้วเหรอเด็กๆ” แพรพลอยนั่งลงข้างภาคภูมิและไม่ลืมที่จะทำความเคารพผู้ใหญ่สองท่านที่นั่งอยู่ด้วย จะว่าไปหน้าตาละม้ายคล้ายกับคนข้างกายไม่น้อย คิดอะไรได้ก็ทำตาโตหันมามองหน้าคนข้างๆ ที่ยักคิ้วให้เธอราวกับรู้ว่าเธอคิดอะไร
“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ภาคภูมิทำความเคารพคุณสันติและคุณกานดา บิดามารดาของแพรพลอยอย่างสนิทสนม เพราะก่อนหน้านี้เขาได้แวะเข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับท่านทั้งสองแล้ว
“นี่คุณพ่อคุณแม่พี่เองค่ะ คุณพ่อทวีและคุณแม่สุรีย์จ้ะ” ภาคภูมิแนะนำให้ยาหยีของเขาได้รู้จักอย่างเป็นทางการ
“สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า” แพรพลอยทำความเคารพคุณพ่อคุณแม่ภาคภูมิอีกครั้งและส่งยิ้มหวานให้กับท่านทั้งสอง
“เรียกพ่อ เรียกแม่สิลูก” คุณทวีรีบบอกให้แพรพลอยปรับเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกท่านอย่างเอ็นดู
“ค่ะ”
“งั้นแม่เข้าเรื่องเลยละกันนะน้องพลอย ที่คุณพ่อกับแม่มาวันนี้ก็เพื่อที่จะมาขอหนูให้กับพี่ภาคน่ะจ้ะ แม่อยากให้หนูมาเป็นลูกสะใภ้แม่ ก่อนหน้านี้พวกเราได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ของหนูแล้ว และพวกท่านอยากให้หนูเป็นคนตัดสินใจเอาเอง” คุณสุรีย์พูดในสิ่งที่ลูกชายต้องการและถูกใจเธอเหลือเกินที่จะมีลูกสะใภ้ โดยส่วนตัวเธอเองก็รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี มักไปใช้บริการที่ห้องเสื้อของคุณกานดาอยู่บ่อยๆ แต่ยังไม่มีโอกาสได้รู้จักกับลูกสาวบ้านนี้ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าค่าตากัน
แพรพลอยมองหน้าคนนั้นทีคนโน้นที ซึ่งทุกคนก็ส่งยิ้มมาให้เธอโดยเฉพาะคนข้างๆ ที่หน้าบานกว่าใครเพื่อน ทำอะไรไม่ปรึกษาเธอก่อนเลย นี่กะจะมัดมือชกเธอแหงๆ
“ว่าไงลูกน้องพลอย” คุณสันติถามลูกสาวเมื่อเห็นนิ่งเงียบไป
“แต่ว่าน้องพลอยยังเรียนไม่จบเลยนะคะ แล้วอีกอย่างน้องพลอยกับพี่ภาคเรารู้จักกันได้ไม่นาน มันจะไม่เร็วไปเหรอคะ” แพรพลอยตอบความรู้สึก เธออยากให้เรียนรู้กันไปแบบนี้ก่อน
“ยังเรียนไม่จบก็ไม่เห็นเป็นอะไร แล้วที่น้องพลอยบอกว่าเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ข้อนี้พี่เข้าใจ น้องพลอยกลัวว่าความสัมพันธ์ของเราอาจจะไม่มั่นคง แต่พี่กล้าสาบานเลยว่ามันจะไม่มีวันนั้น พี่อยากให้เราก้าวเดินไปพร้อมกัน เรียนรู้ทุกเรื่องราวหลังจากนี้ไปพร้อมกัน ทำอะไรร่วมกัน พี่อยากให้น้องพลอยมีส่วนร่วมกับพี่ในทุกเรื่อง น้องพลอยคือคนแรก และจะเป็นคนสุดท้ายที่พี่อยากจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย พี่รักน้องพลอยมากนะครับ รักอย่างที่ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะรักใครได้อีกแล้ว น้องพลอยล่ะคิดเหมือนกับพี่ไหมคนดี” ภาคภูมิจับมือนุ่มขึ้นมาแนบแก้มสากของตัวเอง อีกมือก็คอยเช็ดน้ำตาให้กับคนตัวเล็กที่กำลังร้องไห้ ทุกคำพูดของเขามันออกมาจากใจไม่ได้เสแสร้งแม้แต่นิดเดียว
“ค่ะ” แพรพลอยพยักหน้าแรงๆ แล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดอบอุ่นของตาลุงหื่นที่กำลังยิ้มจนตาหยี ตอนนี้เธอพูดอะไรไม่ออก หัวใจของเธอตอนนี้มันคงพองโตจนคับอกไปหมดแล้ว
“แต่ว่าเราแค่ให้ผู้ใหญ่รับรู้เรื่องของเราแค่นั้นก่อนได้ไหมคะ น้องพลอยขอเรียนให้จบก่อนนะคะพี่ภาคขา” เธอบีบมือภาคภูมิแน่นเมื่อเขาทำท่าทางจะขัดใจเธอ
ภาคภูมิมองคนในอ้อมแขนแล้วมองสบตากับคุณพ่อคุณแม่ทั้งของเขาและเธอ พวกท่านก็ได้แต่ส่งยิ้มมาให้ คงจะให้เขากับน้องพลอยตกลงกันเอาเองว่าจะเอายังไง นี่เขาคงจะขัดใจแม่คุณทูนหัวไม่ได้สินะ ถ้าขัดใจมีหวังได้ง้อยาวแน่
“ก็ได้ครับ แต่แค่เรียนจบนะ ไม่งั้นพี่ไม่ยอมจริงๆ ด้วย” ภาคภูมิยอมรับข้อตกลงของคนตัวเล็ก แต่ก็ไม่วายคิดเจ้าเล่ห์ เรียนจบค่อยแต่งน่ะได้ แต่ในระหว่างนี้ถ้าเขาอยากจะเข้าหอก่อนก็ไม่เป็นไร เพราะคนสวยของเขาไม่ได้ห้าม คิดเองเออเองในใจถ้าพูดออกไปคงโดนทุบและโดนสั่งห้ามแน่ๆ
“ขอบคุณค่ะ” แพรพลอยหอมแก้มให้รางวัลคนที่ทำตัวน่ารักฟอดใหญ่ที่ยอมทำตามข้อตกลงของเธอ
“แต่พี่ขอสวมแหวนจองไว้ก่อนนะคะห้ามปฏิเสธด้วย” ภาคภูมิคว้ามือนุ่มมาสวมแหวนเพชรเม็ดโตที่ทอแสงประกายวิบวับที่นิ้วนางข้างซ้ายเพื่อประกาศให้คนได้รู้กันทั่วว่าเธอมีเจ้าของแล้ว และหวงมากด้วย แล้วเขาก็ส่งอีกวงให้กับคนตัวเล็กเพื่อที่จะได้สวมให้เขาบ้าง “อันนี้ของพี่ใส่ให้ด้วยค่ะ”
แพรพลอยรับแหวนมาถือ อมยิ้มน่ารัก ค่อยๆ บรรจงสวมให้กับคนที่ยื่นมือมารอโดยที่เธอไม่ต้องเรียกร้อง จากนั้นเขาก็ก้ทจุมพิตที่แก้มนวล สร้างความปลื้มปิติให้กับทั้งสองครอบครัว
“ตาภาคนี่ไม่ค่อยอยากใส่เลยนะคะ” คุณสุรีย์พูดอย่างขำๆ ทำให้ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข
เมื่อได้อยู่กันตามลำพังแพรพลอยก็ไม่พลาดที่จะถามว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปเตรียมการ ก็ได้คำตอบว่าเขาอาศัยจังหวะที่เธอมีเรียน เข้ามาพบคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งก็พักใหญ่ๆ แล้ว และขอร้องไม่ให้พวกท่านบอกเธอ ส่วนเรื่องแหวนเขาก็วัดเอาจากนิ้วของเธอนี่แหละ