บท
ตั้งค่า

2 ใส่เกียร์เดินหน้า

วันนี้แพรพลอยมีนัดกับซินดี้เพื่อนชายหัวใจสาวมาช็อปปิ้งที่ห้างในเครือบ้านเธอ ตอนนี้ CEO ใหญ่คือพี่ชายของเธอเอง ถึงแม้จะเป็นลูกพี่ลูกน้อง แต่ทั้งเธอและธีรเดชก็สนิทกันมาก เพราะทั้งคู่เป็นลูกคนเดียว ไม่ว่าเธอจะอ้อนขออะไรพี่ชายที่แสนดีของเธอก็จะสรรหามาให้อย่างไม่เกี่ยงงอน แล้วแบบนี้จะไม่ให้รักได้ยังไง

“นังเพื่อนบ้าแกแต่งตัวสวยมาประชันฉันทำไมยะ” ทุกครั้งที่มาเดินห้างด้วยกันยัยพลอยมักจะถูกผู้ชายมองมากกว่าตลอด ทำไมนะสวรรค์ถึงไม่ให้ซินดี้เป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น เธอได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ

“ฉันเนี่ยนะประชัน แกแต่งตัวแมนขนาดนั้นแล้วฉันแต่งตัวสวยขนาดนี้ แกเอาตรงไหนมาคิดว่าฉันประชันความสวยกับแกนังถึก ทำไมแกไม่แต่งหญิงไปเลยจะได้จบๆ ได้ไม่ต้องมาทำหน้าบูดบึ้งใส่ฉันอยู่แบบนี้” เพลียกับความคิดของนังซินดี้จริงๆ อยากเป็นสาวแต่แต่งตัวแมน

“ย่ะ! ถ้าวันไหนฉันลุกขึ้นมาแต่งแกนี่แหละจะหนาว” ซินดี้สะบัดก้นแพรพลอยแล้วเดินเข้าไปร้านเสื้อแบรนด์ดังที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าแทน

ภาคภูมิมีธุระแวะมานัดคุยกับลูกค้าที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำของธีรเดช คุยเสร็จก็ขึ้นมาทักทายตามประสาเพื่อนที่รักกัน แล้วคิดจะมาล้วงข้อมูลของน้องสาวเพื่อนที่ทำให้เขาข่มตานอนไม่ลง เพราะจิตใจมันคอยแต่จะคำนึงหาอยู่ตลอดนับตั้งแต่วันที่เขาเจอกับน้องพลอย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว อยากเจอหน้าสวยๆ ของนางฟ้าตัวน้อยใจจะขาด

“มาทำไมวะ หรือว่าคิดถึงฉันจนทนไม่ไหวเลยต้องรีบแจ้นมา”

ธีรเดชไม่ได้ละสายตาขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้าแม้แต่น้อย ด้วยรู้ว่าใครเป็นผู้บุกรุกห้องทำงานของเขา เพราะมีอยู่แค่คนเดียวที่ไม่เคยมีมารยาทในการเคาะประตูเพื่อขออนุญาต

“ฉันนัดกับลูกค้าไว้ที่นี่ คุยธุระเสร็จเลยแวะมาทักทายท่านผู้บริหารใหญ่” เขาเดินมานั่งไขว่ห้างที่โซฟารับแขกหน้าโต๊ะทำงานเพื่อน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พี่ธีร์ขาน้องพลอยมาแล้วค่ะ”

แพรพลอยเคาะประตูห้องทำงานพี่ชายแล้วส่งเสียงทักทายเข้ามา ก่อนจะนำพาร่างบอบบางของตัวเองก้าวเข้ามาภายในห้องแล้วตรงไปดึงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานออกเพื่อที่เธอจะได้นั่งคุยกับธีรเดช โดยที่ไม่ได้สังเกตว่าพี่ชายมีแขกอยู่ ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

“ว่าไงยัยตัวเล็ก ช็อปปิ้งเสร็จแล้วเหรอเราถึงมาหาพี่ได้” ธีรเดชถามน้องน้อยของตัวเองอย่างเอ็นดู เขาชอบให้น้องมาออดอ้อน

“ค่ะ”

เสียงเจื้อยแจ้วของผู้มาใหม่ทำให้ร่างสูงที่กำลังคุยงานกับลูกน้องทางไลน์อยู่ยกยิ้มอย่างถูกใจ เขากะว่าจะมาหลอกถามอะไรธีรเดชเกี่ยวกับแพรพลอยเสียหน่อย แต่ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วเพราะเจ้าตัวมาให้เขาถามถึงที่เลย นี่เธอคงจะไม่ได้สังเกตสิ่งรอบตัวเลยสิท่าว่าไม่ได้อยู่กับพี่ชายแค่สองคน แต่มีเขาที่เธอมองไม่เห็นนั่งหัวโด่อยู่ด้วย มันน่าน้อยใจนักที่คนสวยที่เขาคิดถึงไม่เห็นเขา เพื่อนเวรนี่ก็อีกคน ลืมเขาไปเลย ทว่าคนอย่างภาคภูมิไม่ยอมเป็นแค่ธาตุอากาศที่ไม่มีใครมองเห็นหรอกนะ

“อะแฮ่ม!!” เขาส่งเสียงเพื่อให้รู้ว่ายังมีอีกคนนั่งอยู่ด้วย แล้วพาร่างใหญ่ของตนเองมานั่งข้างๆ แพรพลอยที่ตอนนี้มองมองหน้าเขาตาไม่กะพริบส่ วนเพื่อนเขาทำเป็นยักไหล่อย่างไม่แคร์เขาสักนิด

“คุณภาคมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เธอสาบานว่าตอนที่เธอเข้ามาไม่เห็นเขา

“มาตั้งนานแล้วค่ะ ก่อนน้องพลอยจะมาอีก” ภาคภูมิตอบคำถามพร้อมกับชี้นิ้วไปยังจุดที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้า

“แล้วทำไมพี่ธีร์ไม่บอกคะ” เธอหันไปทำหน้างอใส่พี่ชายทันทีที่ไม่ยอมบอกว่ามีบุคคลที่สามนั่งอยู่ด้วย ปล่อยให้เธอพูดมากอยู่ตั้งนานแถมเธอยังไม่อยากจะเจอหน้าอีก ทำไมฟ้าต้องแกล้งเธอแบบนี้ด้วยนะ

“เอาน่ไอภาคมันไม่ถือหรอก ใช่มั้ยวะ”

“อืม ฟังน้องพลอยเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้พี่ชอบค่ะ” เขาจงใจเน้นย้ำคำว่าชอบกับเธอเป็นพิเศษ ทำให้ตากลมโตที่กำลังจ้องมองเขาโตยิ่งกว่าเดิม ยิ่งมองยิ่งน่ารักอยากจะจับมาฟัดให้หายมันเขี้ยว

แพรพลอยไม่ได้ตอบอะไรออกไปได้แต่นั่งเงียบๆ สวยๆ ตามแบบฉบับของเธอแต่ก็คอยลอบมองคนที่นั่งข้างๆ ไปด้วย เพราะเธอรู้สึกว่าเขาคอยจ้องมองมาเป็นระยะในขณะที่เขาคุยกับพี่ชาย ซึ่งเธอก็ไม่ค่อยพอใจนักหรอก มองอะไรนักหนา รู้ตัวหรอกว่าสวย เห็นว่าเขายังมองอยู่เธอจึงตวัดหางตามามองค้อน และเมื่อนั่งมาได้สักพักเห็นว่าไม่มีอะไรจะคุยแล้วเธอเลยลาที่ชายกลับ เพราะไม่อยากจะเห็นหน้าคนบางคน

ภาคภูมิเห็นแพรพลอยออกจากห้องไปแล้วจึงตัดบทเพื่อน เดินตามแพรพลอยไป เพราะยังไงวันนี้ก็เจอกันแล้วเขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปเด็ดขาด ก้าวขายาวๆ มาถึงหน้าลิฟต์ที่สาวน้อยกำลังยืนรอ เริ่มต้นบทสนทนาชวนคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบเกิน

“น้องพลอยมีธุระที่ไหนต่ออีกรึเปล่าครับ” เขาถามคนที่ยืนเชิดหน้าอยู่ข้างๆ อย่างอารมณ์ดี ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรก็น่ารักไปหมด ขนาดยืนเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเลยก็น่ามอง

“ไม่มีค่ะ” เธอหันไปตอบเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ไม่รู้เขาจะรีบกลับพร้อมเธอทำไม ตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิมเสียอีกที่ต้องมาลงลิฟต์พร้อมกับเขาแค่สองคนเนี่ย

“ดีเลย ไม่มีธุระที่ไหนต่องั้นไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะคะ”

ประตูลิฟต์เปิดออกเขาก็ลากแขนเรียวให้เดินตามเขาไปทันทีโดยไม่ได้ถามความสมัครใจ เพราะเขาคิดว่าถ้าถาม เขาคงโดนปฏิเสธ

“นี่คุณจะพาฉันไปไหนนะฉันไม่ไปนะหูแตกรึไง อุ๊ย! อยู่ๆ ก็หยุดเดินเจ็บนะคนบ้า” เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไรเลยอยู่ๆ ก็มาลากมาจูงเธออย่างเอาแต่ใจตัวเอง ทั้งหยิกทั้งข่วนก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย หนังหนาชะมัด แถมยังมาหยุดเดินกะทันหันอีก ทำให้หน้าผากเธอกระแทกเข้ากับแผ่นหลังกว้างเต็มๆ

“ขอโทษครับเจ็บมากไหมคนดี” ภาคภูมิลูบหน้าผากให้คนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอเจ็บ เขาแค่ไม่ชอบใจที่เธอเรียกเขาซะห่างเหิน เห็นทีว่าต้องตกลงกันให้รู้เรื่องซะแล้ว

“พี่ว่าเราหาที่นั่งคุยอะไรกันหน่อยดีกว่า” แล้วเขาก็พาคนหน้างอเข้ามานั่งในร้านเบเกอรี่ชื่อดัง ตอนแรกคนที่เขาจับจูงมายังหน้างออยู่เลย แต่พอได้เห็นขนมเท่านั้นแหละยิ้มซะตาหยีเลย เขาอดใจไม่ได้เลยต้องหยิบโทรศัพท์มากดถ่ายรูปเธอเอาไว้

ตอนนี้แพรพลอยแทบจะลืมข้อขุ่นข้องหมองใจไปเกือบหมดสิ้น เพราะแค่เขาพามาร้ายขนมที่เธอชื่นชอบ และได้ลิ้มลองขนมหลายเมนูที่คนตัวโตเป็นคนสั่งมาให้เธอกิน แต่ก็ไม่ได้ลืมว่าเขามีเรื่องจะคุยกับเธอ แต่ก็ยังไม่เห็นพูดกับสักทีเอาแต่มองแล้วก็ยิ้มอยู่ได้

“แล้วสรุปว่าคุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันคะ” ตักขนมเค้กเค้าปากระหว่างรอเขาตอบคำถามเธอ

ภาคภูมิมองดวงหน้าสวยที่กำลังจ้องมองเขาตาแป๋ว ในมือก็ถือช้อนตักโน่นชิมนี่ไปเรื่อยอย่างไม่กลัวอ้วน ต่างจากคนก่อนหน้าที่คอยทำหน้าเชิดใส่เขาอย่างลิบลับ

“คือพี่จะขอให้น้องพลอยเรียกพี่ว่าพี่ภาค แล้วแทนตัวเองว่าน้องพลอยได้ไหมคนดี” ร่างบางดูชะงักไปกับคำพูดของเขาแต่ก็แค่แป๊บเดียวแล้วก็ตักขนมมากินต่อ เผื่อแผ่ให้เขาด้วยการป้อน ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธที่จะรีบรับสิ่งที่เธอป้อนให้ ซึ่งเขารู้สึกว่าขนมนี้มันอร่อยกว่าปกติ แต่คนป้อนก็ยังไม่ยอมให้คำตอบกับสิ่งที่เขาขอ

“แค่นี้เนี่ยนะ”

“แล้วทำให้พี่ได้ไหมคะคนสวย”

เขาอยากจะหยิกแก้มป่องๆ นี่เหลือเกินว่าแล้วก็เอื้อมมือไปดึง ส่งผลให้เจ้าของแก้มหน้างอเอามือลูบแก้มตัวเองไปมาก่อนจะส่งยิ้มหวานๆ มาให้อย่างน่ารักน่าชัง ก่อนจะตักขนมเค้กมาจอที่ปากเขาอีก ซึ่งเขาก็รีบเอาเข้าปากทันทีเพราะกลัวจะอดกินจากมือน้อยๆ นั้น

“อร่อยไหมคะพี่ภาค” ตอนแรกเธอก็ตกใจว่าแค่ขอให้เธอเรียกพี่ทำไมต้องฉุดกระชากลากถูเธอมาแบบนั้นบอกกันดีๆ ก็ได้เธอโตแล้วพูดรู้เรื่องไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อยยังแอบเคืองอยู่นิดๆ

“อร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะน้องพลอย ขอบคุณนะคะที่ยอมเรียกพี่ว่าพี” ภาคภูมิฉีกยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขาไม่เคยยิ้มแบบนี้มานานแล้ว อยากตะโกนดังๆ มีความสุขโว้ย ถ้าจะให้ดีเขาอยากจะเธอคอยมาออดอ้อนเขาด้วย

“ถามจริงๆ เถอะค่ะ ทำไมถึงอยากให้เรียกขนาดนี้ แล้วก่อนหน้านั้นทำไมต้องคอยจ้องหน้าน้องพลอยแล้วทำสายตาวิบวับขนาดนั้น”

เธอไม่ชอบเก็บความสงสัยไว้นานๆ เมื่ออยากรู้อะไรเธอก็จะถามตรงๆ วันนี้มีโอกาสแล้วขอถามให้รู้เรื่องไปเลยละกัน

เมื่อเจอคำถามถูกใจแบบนี้ภาคภูมิถึงกับหัวเราะให้กับความไร้เดียงสา และตรงไปตรงมาของคนตรงหน้า ถ้าเขาในเมื่อเธออยากรู้เขาก็จะบอก

“เอาเรื่องแรกก่อนนะ พี่อยากให้น้องพลอยเรียกพี่แล้วให้แทนตัวเองว่าน้องพลอยเพราะพี่ไม่อยากให้น้องพลอยเรียกพี่แบบห่างเหินอย่างนั้น เรื่องที่สองที่ถามว่าทำไมพี่ชอบมองน้องพลอย พี่อยากบอกว่าพี่ชอบน้องพลอย”

“จุ๊บ พี่ชอบเรานะคนดี” เขาเดินมานั่งข้างๆ คนตัวเล็ก และฉวยโอกาสตอนที่คนสวยของเขาเผลอจุ๊บไปที่แก้มนุ่มแล้วก็ได้รับหมัดเล็กๆกลับมา

“คนบ้าอย่ามาฉวยโอกาสกับเขานะ” แพรพลอยหันไปแหวใส่คนข้างๆ อย่างอายๆ ตอนนี้เธอเขินจนแก้มจะระเบิดอยู่แล้ว เกิดมายังไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอมาก่อนเลย ยกเว้นคนในครอบครัว เขาเป็นคนแรกที่กล้าทำกับเธอแบบนี้ แล้วที่น่าเจ็บใจทำไม่เธอไม่รู้สึกรังเกียจเลยออกจะรู้สึกดีอีกต่างหาก

“ต่อไปนี้พี่จะเริ่มรุกเราแล้ว อย่าให้ใครมาทำแบบนี้นะคะเพราะพี่มีสิทธิ์แค่คนเดียว อ่อแล้วพี่ก็ไม่อยากให้น้องพลอยใช่ชุดสั้นๆ ด้วยพี่หวง” เขากระซิบชิดริมหูหอมหรุ่นที่ตอนนี้แดงไปหมดแล้ว

แพรพลอยไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่นั่งตัวแข็งกับสิ่งที่เขาพูด เธอรู้สึกเลยว่าต่อจากนี้ไปชีวิตเธอคงจะวุ่นวายน่าดู ฟังจากน้ำเสียงแล้วรู้เลยว่าเขาไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ เธอจะจัดการรับมือกับคนตรงหน้ายังไงดีเนี่ย เธอคิดไม่ตกจริงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel