เผลอใจ
ตอนที่ 4
เผลอใจ
“ฉันดีขึ้นแล้ว คุณไปทำงานเถอะค่ะ”
นับดาวหันมาพูดกับสามีเมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะอยู่ดูแลเธอทั้งวันเพราะตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงพยาบาลหญิงสาวก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องยอมทิ้งงานเพื่อมาอยู่ดูแลเธอ
“อย่าได้คิดว่าผมเป็นห่วงแต่ที่อยากจะอยู่ดูเพราะกลัวจะเป็นอะไรหนักมากไปกว่านี้ไม่อยากจะให้เป็นเรื่องใหญ่ก่อนที่สัญญาของเราจะจบลง”
“ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นอยู่แล้วค่ะทุกวันนี้ก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าอยากให้เวลา 2 ปีมันผ่านไปให้เร็วที่สุด”
เมฆาหันมามองสบตาคนพูดส่ายหัวเหมือนว่าคำพูดของนับดาวมันไม่ได้สำคัญอะไรแต่ความจริงแล้วเขากำลังรู้สึกว่าเขาเองต่างหากที่เป็นคนกลัวว่าเวลา 2 ปีมันจะมาถึงเร็ว
ท่านประธานลงไปสั่งงานเลขาที่ชั้นล่างของบ้านเสร็จแล้วก็รีบทำข้าวต้มขึ้นมาให้คนป่วยทั้งที่ปกติก่อนหน้านี้เมฆาไม่ใช่ผู้ชายที่จะมาทำอาหารหรือดูแลบ้านแบบนี้
“แล้วคุณกินข้าวหรือยังคะ”
นับดาวรับชามข้าวต้มร้อน ๆ มานั่งกินที่โต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบใจตัวเองที่เป็นแบบนี้แทนที่เธอจะต้องดูแลเขาเพื่อชดใช้หนี้ทั้งหมดแต่กลายเป็นเขาที่จะต้องมาดูแลเธอแทน
คนป่วยนอนหลับสนิทไปด้วยฤทธิ์ของไข้และยาที่คุณหมอให้มากว่าจะรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เป็นเวลาของอาหารเย็นแล้ว
“ลงไปกินข้าวข้างล่าง เปลี่ยนบรรยากาศบ้างวันทั้งวันอยู่แต่ในห้องแล้วเมื่อไหร่จะหาย”
คำพูดที่ดูเป็นห่วงช่างแตกต่างจากน้ำเสียงที่พยายามปกปิดความรู้สึกไว้ เมฆาไม่ใช่แค่เพียงจะปกปิดความรู้สึกของตัวเองแต่เขากำลังหลอกตัวเองด้วยเพราะเวลาแค่เพียงไม่กี่วันที่นับดาวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้มันทำให้ชีวิตเขาดูมีความสุขอย่างน้อยเขาก็อยากกลับบ้านเพราะรู้ว่ามีใครรอเขาอยู่
สวนดอกไม้หลังบ้านซึ่งตอนนี้ดูจะรกล้างไปหน่อยเพราะขาดคนดูแลตั้งแต่วิภาแม่ของเมฆาจากไป สวนนี้ถูกเลือกเป็นที่ ดินเนอร์อาหารมื้อค่ำสำหรับวันนี้เพื่อหวังให้คนป่วยรู้สึกสดชื่นขึ้น
“ฉันย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ไม่กี่วันก็ดันมาป่วยเลยไม่มีโอกาสได้เห็นรอบบ้านเลยนะคะว่ามีอะไรบ้าง สวนดอกไม้ที่นี่ครั้งหนึ่งมันต้องก็เคยสวยแน่ ๆ เลยใช่ไหมแล้วทำไมคุณถึงปล่อยให้มันรกร้างแบบนี้”
คำถามของนับดาวทำให้ชายหนุ่มที่กำลังยกอาหารมาจัดเรียงถึงกับต้องหันหน้าหนีเขาไม่ต้องการให้แสดงอารมณ์โกรธในเวลานี้แต่คำพูดของเธอมันทำให้หวนคิดถึงความเจ็บปวดของครอบครัวไม่ได้
“รีบกินเถอะได้เวลาต้องกินยาแล้ว”
ท่านประธานเมื่อเก็บอารมณ์ได้ก็เปลี่ยนจากแววตาโกรธแค้นมาเป็นนิ่งเฉยเหมือนเดิม ความจริงอันเจ็บปวดที่เมฆารับรู้จากบิดามาโดยตลอดก็คือแม่ของเขาล้มป่วยและครอบครัวของเขาก็ถูกครอบครัวของนับดาวโกงเงินจนทำให้ไม่มีเงินมารักษาแม่ได้เต็มที่ความแค้นทั้งหมดมันสุมอยู่ในหัวใจก็จริงแต่เวลานี้ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะเก็บมันไว้ไม่อยากจะพ่นอารมณ์ออกมาทำร้ายคนป่วยมากไปกว่านี้อีก
ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 วันเมฆาไม่ได้ไปทำงานถึงแม้อาการป่วยของนับดาวจะดีขึ้นมากแต่ชายหนุ่มก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้
“คุณก็อยู่แต่ในบ้านเนี่ยแหละเป็นอะไรแม่บ้านจะได้เห็นแล้วผมจะรีบกลับมา”
ชายหนุ่มหันมาบอกภรรยาก่อนที่เขาจะเดินทางไปทำงานที่ทิ้งมาเสียหลายวันถึงแม้จะเป็นห่วงแต่ก็รู้ว่าเขาไม่อาจละทิ้งงานที่บริษัทได้และถ้าขืนเขายังแสดงออกแบบนี้มีหวังแผนเอาคืนคงกลายเป็นตัวเองเสียะมากกว่าที่เข้าไปติดหลงอยู่ในคนอารมณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
“คุณนับดาวไปไหน”
เมฆาเมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอนชั้น 2 ไม่พบว่าภรรยาของเขาอยู่ที่นั่นก็ตกใจรีบเดินลงมาถามแม่บ้านที่กำลังทำงานอยู่ในครัว
“ อยู่ที่สวนหลังบ้านตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มรีบเดินไปตามคำบอกของแม่บ้านด้วยความสงสัยว่านับดาวจะไปอยู่ที่นั่นทำไมโดยเฉพาะช่วงอากาศร้อนแบบนี้
“กลับมาแล้วหรือคะ”
คนป่วยหันมาทักทายสามีทั้งที่มือทั้งสองข้างของเธอยังคงสาละวนอยู่กับการพรวนดินให้ดอกกุหลาบที่ตอนนี้ออกดอกเต็มต้นแต่กิ่งที่ยาวอย่างไร้ทิศทางของมันกลบความสวยงามของ ดอกกุหลาบจนเกือบหมด หญิงสาวจึงต้องจัดการตกแต่งตามแบบที่เธอคิดว่าพอทำได้
“คุณมายุ่งกับสวนดอกไม้แม่ผมทำไม”
เมฆาไม่ใช่แค่เพียงตวาดแต่เขาเดินตรงไปคว้าเสียมที่อยู่ในมือของนับดาวคว้างออกไปให้ไกลตัวด้วยความโกรธ
“ฉันก็แค่มาดูแลให้มันกลับมาสวยเหมือนเดิมแล้วคุณเป็นอะไรทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย”
นับดาวถึงจะรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เธอก็เลือกที่จะถาม
ออกไปตรงๆเพราะสิ่งที่เธอทำชายหนุ่มตรงหน้าน่าจะดีใจด้วยซ้ำแต่นี่เขากลับทำเหมือนเธอไปฆ่าใครตายเสียอย่างนั้น
“สวนดอกไม้นี้เป็นของแม่ผม ผมไม่ต้องการให้ใครมาเปลี่ยนแปลงมัน”
“ถ้าจะมีใครเปลี่ยนแปลงก็คงเป็นคุณนั่นแหละเพราะฉันเชื่อว่าตอนที่แม่คุณยังอยู่สวนนี้ต้องสวยงามมากๆแต่นี่อะไรเพียงแค่แม่ของคุณไม่อยู่แล้วคุณกลับปล่อยมันรกร้างแล้วอ้างว่าต้องการให้มันเหมือนเดิมถ้าฉันเป็นแม่คุณมองลงมาจากฟ้าคงรู้สึกเสียใจที่ลูกชายไม่ดูแลสวนที่ท่านรักให้ดีกว่านี้”
สาวน้อยที่ตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยดินก้าวเท้าเดินมาหาสามีมองจ้องตาและพูดในสิ่งที่เธออยากจะพูดเพราะไม่มีอะไรต้องกลัวในเมื่อเวลานี้เธอคิดว่าสิ่งที่ทำคือสิ่งที่ถูกต้อง
“อย่ามาทำเป็นรู้ใจแม่ผม เลิกทำไปอาบน้ำมากินข้าว”
เมฆาเดินเข้าบ้านโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรตามหลังเขาอีก เหตุผลที่นับดาวพูดถูกทุกอย่างแต่เขาคงไม่สามารถที่จะยอมแพ้ได้จึงได้แต่เก็บมาคิดว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันเป็นอย่างที่นับดาวพูดไหม
ค่ำคืนนี้ภรรยาขัดดอกหายไม่สบายแล้วเมฆาจึงเลือกที่จะดำเนินตามแผนต่อเพราะที่ผ่านมาเขาเผลอปล่อยใจแสดงออก ผิดแผนไปไกล
นับดาวหลับตาปล่อยตัวและหัวใจไปกับความรู้สึกทั้งหมดที่อีกฝ่ายมอบให้ ในเวลานี้เธอไม่มีคำว่าเสียใจอีกแล้วเพราะ ทุกอย่างมันย้อนกลับไปไม่ได้เธอเลือกเองที่จะมาเป็นภรรยาขัดดอกให้กับเขาก็จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดจนกว่าเวลาจะครบ 2 ปี