ฝากฝัง
บ้านทิชา
“กลับมาเหนื่อยๆ ทานอะไรมาหรือยังลูก?” ทอฝันเอ่ยถามลูกสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับวรกันต์
เธอไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรือสงสัยเลยสักนิดว่าทำไมคนทั้งสองถึงมาพร้อมกัน เพราะวร
กันต์ค่อนข้างไปรับไปส่งทิชาที่โรงเรียนอยู่บ่อยๆ
“ยังเลยค่ะ กำลังหิวพอดี”
“วันนี้มีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลย เดี๋ยวแม่ไปเอามาให้นะ”
“ขอบคุณค่ะแม่” ทิชายิ้มกว้างตอบกลับผู้เป็นแม่ ก่อนที่ทอฝันจะหันหลังเดินออกไป
“อีกไม่กี่เดือนก็จะขึ้นมหาลัยแล้ว คิดไว้หรือยังว่าจะเรียนคณะอะไร?” ปกรณ์เอ่ยถามลูกสาว
“อยากเรียนนิเทศศาสตร์ค่ะ”
“แต่คุณปู่อยากให้หนูไปเรียนต่อที่เยอรมัน หนูไม่สนใจสักหน่อยเหรอ?”
“ไม่เอาค่ะ ทิชาไม่อยากห่างพ่อกับแม่”
“ไม่ใช่ว่าแอบติดหนุ่มแถวนี้หรอกนะ”
“…..” ดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา ก่อนจะใช้หางตาเหลือบมองไปยังวรกันต์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยที่เขาไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด
“ที่เงียบไป แสดงว่าเป็นเหมือนที่พ่อพูดใช่ไหม?” เสียงผู้เป็นพ่อดังแทรกขึ้นมา ทำเอาคนตัวเล็กถึงกลับสะดุ้งแล้วรีบตอบกลับอย่างไว
“ปะ…เปล่าสักหน่อย ทิชาไม่ได้ติดหนุ่มที่ไหน”
“พ่อมันดุขนาดนี้ คงจะมีแฟนง่ายๆ อยู่หรอก” วรกันต์ที่นั่งเงียบอยู่นานออกจากความเห็น
“แล้วมึงล่ะ อายุปูนนี้แล้วเมื่อไหร่จะมีเมียเป็นตัวเป็นตนสักที”
“ก็มีคุยๆ อยู่บ้าง แต่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ” ชายหนุ่มตอบกลับพลางหัวเราะออกมาเบาๆ ถึงอายุของเขาจะเข้าเลขสี่ แต่ก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงานมีครอบครัวแต่อย่างใด
“ไม่เอานะคะ ทิชาไม่อยากให้อามีแฟน” ร่างบางบ่นพึมพำในลำคอ พลางเอนใบหน้าแสนหวานลงไปซบบนบ่าแกร่งของผู้เป็นอา
“อะไรกัน โตเป็นสาวขนาดนี้ยังหวงอาเหมือนตอนเด็กๆ อีกเหรอ?” ปกรณ์เอ่ยแซวลูกสาว พลางยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดูให้กับท่าทางออดอ้อนของเธอ โดยที่เขาไม่ได้รู้สึกคลางแคลงใจแต่อย่างใด
“ไม่รู้แหละ ยังไงทิชาก็ไม่ให้อามีแฟน!”
“ครับ ไม่มีก็ไม่มี” วรกันต์ตอบกลับ
“หนูออกไปก่อนไป พ่อมีเรื่องส่วนตัวอยากจะคุยกับอากาย”
“ค่ะพ่อ”
“กูมีเรื่องอยากจะรบกวนมึงสักหน่อย” เมื่อเห็นว่าลูกสาวเดินออกไปแล้ว ปกรณ์จึงเริ่มเปิดประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม
“ว่ามาสิ มีอะไร?”
“อาทิตย์หน้ากูจะพาพ่อฝันไปรักษาตัวที่ฮ่องกงสักพัก เลยอยากจะฝากให้มึงดูแลทิชาให้หน่อย”
“แล้วครั้งนี้มึงจะไปกี่วัน?”
“ประมาณสองเดือน”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา” วรกันต์รับปากอย่างไม่คิดปฏิเสธเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปกรณ์ฝาก
ฝังลูกสาวไว้กับเขาแบบนี้
“นอกจากมึงกูก็ไม่ไว้ใจใครแล้ว ฝากดูแลทิชาด้วยนะ”
“มึงไม่ต้องเป็นห่วง กูก็รักทิชาไม่แพ้มึงนั่นแหละ เดี๋ยวกูจะดูแลให้เป็นอย่างดี” ชายหนุ่มรับปากเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของเพื่อนชายที่ดูกลุ้มอกกลุ้มใจซะเหลือเกิน
“ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกัน ถ้าเสร็จธุระเมื่อไหร่แล้วกูจะรีบกลับ”
“อืม”
ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ทิชาที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงภายในห้องต้องเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัยว่าเป็นใครกันที่มาหาเธอตอนดึกดื่นเอาป่านนี้
“แม่เอง”
“เข้ามาเลยค่ะ ประตูไม่ได้ล็อก”
ทันทีที่ได้รับคำอนุญาต ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกจนเผยให้เห็นเจ้าของห้องที่อยู่ในชุดนอนผ้าบางสีขาวนวลนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง
“ทำอะไรอยู่ ทำไมป่านนี้ยังไม่นอนอีก”
“นั่งอ่านคอมเมนท์ในไอจีอยู่ค่ะ ว่าแต่แม่มาหาทิชาดึกขนาดนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ทิชาตอบกลับแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นแม่แต่อย่างใด เพราะมัวแต่นั่งอ่านคอมเมนท์ของคนอื่นๆ ที่ส่งมาหาเธอ ด้วยความรวยบวกกับความสวยเลยทำให้ทิชาค่อนข้างดังในโลกโซเชี่ยลอยู่พอสมควร
“มีแค่จะมาบอกหนูว่าอาทิตย์หน้าแม่จะพาคุณตาไปรักษามะเร็งที่ฮ่องกง”
“…..” ร่างบางหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะโยนสมาร์ตโฟนเครื่องหรูให้ออกห่าง เพื่อจะได้มีสมาธินั่งฟังในสิ่งที่แม่ของเธอกำลังจะบอก นับว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับเธอ
“ตอนนี้อาการคุณตาเริ่มไม่ค่อยดี แม่กับพ่อเลยปรึกษากันว่าจะทำเรื่องย้ายไปรักษาตัวที่นั่น” ทอฝันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ที่ผ่านมาเธอและครอบครัวพยายามจะประคับประคองอาการของผู้เป็นพ่อมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งแย่ลง แล้วการไปรักษากับหมอเฉพาะทางที่ฮ่องกงเป็นเพียงความหวังเดียวของเธอในตอนนี้
“แล้วคุณตาจะหายไหมคะ?”
“คุณหมอบอกว่าเป็นระยะที่สาม โอกาสรักษาตัวให้หายก็พอมีอยู่ แม่กับพ่อเลยจะลองเสี่ยงดู เพราะคุณพ่อบอกว่าที่ฮ่องกงมีหมอเก่งๆ เยอะ โอกาสที่คุณตาจะรอดก็คงจะมีเพิ่มขึ้น”
“…..” คนตัวเล็กถึงกลับเงียบพูดอะไรไม่ออก เพราะเธอกับตาค่อนข้างที่จะสนิทกันมาก
“หนูโอเคไหม ถ้าเกิดว่าแม่จะให้อากายเป็นคนดูแลหนูในระหว่างที่แม่กับพ่อไม่อยู่”
“ได้เลยค่ะ พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วง” เด็กสาวรีบตอบกลับผู้เป็นแม่ในทันที
“ระหว่างที่แม่ไม่อยู่ หนูห้ามดื้อกับอานะรู้ไหม”
“…..”
“ถ้าหนูดื้อแม่จะให้อากายลงโทษหนู”
“ไม่ดื้อหรอกค่ะ สัญญา”
“…..”