เด็กขี้งอน
โกดัง…
“เอกสารที่นายให้เตรียมอยู่นี่แล้วครับ” ลูกน้องคนสนิทบอกผู้เป็นนายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ก่อนจะยื่นเอกสารปึกใหญ่ให้
“…..” วรกันต์รับเอกสารนั่นมา พลางก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างถี่ถ้วน นอกจากธุรกิจเจ้า
ของไร่ชาที่ใหญ่ที่สุดทางภาคเหนือแล้ว เขายังมีธุรกิจสีดำที่แอบทำแบบลับๆ มานานร่วมสิบปี คือค้าโคเคน เปิดสถานที่บริการค้าประเวณีในแถบเอเชียและสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ อีกมากมาย
“แล้วยาสูตรใหม่ที่กูให้ไปปรับเป็นยังไงบ้าง”
“ดูเหมือนว่าจะแรงไปนิด ผมเลยลดส่วนผสมลงนิดหน่อย”
“ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วสั่งผลิตเลย กูไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้”
“แล้วไอ้พวกผู้หญิงที่อยู่ใต้ดินนายจะให้ผมทำยังไงกับมันดีครับ”
“ถ้าเกรดดีก็ส่งไปสิงคโปร์ ส่วนที่เหลือส่งมาเลเซีย” ผู้เป็นนายออกคำสั่ง พลางหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างใจเย็น ผู้หญิงพวกนั้นล้วนเป็นคนที่พ่อแม่ของเธอติดการพนันแล้วนำมาขัดดอกเพื่อชดใช้
“ได้ครับนาย”
“เก็บหลักฐานให้ดี ถ้าครั้งนี้โดนจับได้อีกกูเดือดร้อนแน่” ชายหนุ่มกำชับเสียงแข็ง ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นยืน เมื่อนึกได้ว่าเขามีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องไปทำ
“ไม่มีพลาดครับนาย”
“…..”
“เอ่อ! ผมเห็นผู้หญิงคนนึงตรงสเปกนายทุกอย่าง สนใจไหมครับ?”
“วันนี้กูรีบ ไม่มีอารมณ์”
“จะไม่ลองไปดูก่อนหรอครับ งานเกรดพรีเมียมเลยนะนาย” ลูกน้องคนสนิทเดินไปขวางหน้าผู้เป็นนาย หมายอยากจะเอาใจแต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีอารมณ์ขุ่นมัวกว่าเดิม
“…..”
“รับรองว่าอารมณ์ของนายต้องดีขึ้นแน่นอน ผมรับประกัน”
“…..”
แกร้ก! ปลายกระบอกปืนสีดำขลับจ่อไปที่หน้าผากของชายฉกรรจ์ตรงหน้าด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขาเป็นคนไม่ชอบพูดหรือทำอะไรซ้ำไปซ้ำมา
“กูบอกว่าไม่ก็คือไม่ อย่าเซ้าซี้!”
“ขะ…ขอโทษครับนาย!”
“บ่ายสามหรือยัง?” วรกันต์หันไปถามลูกน้องอีกคนที่เดินตามเขามาติดๆ
“อีกสิบนาทีครับนาย”
“ไปเตรียมรถรอเลย กูจะไปรับคุณทิชาที่โรงเรียน”
“รับทราบครับ”
“ขับให้เร็วกว่านี้ สายมายี่สิบนาทีแล้ว!” ชายหนุ่มบอกคนขับรถด้วยความหงุดหงิด เมื่อรถของเขาจอดติดอยู่ตรงนี้นานหลายสิบนาที โดยที่ไม่มีวี่แววว่าจะได้ขยับไปไหน
“เร็วได้แค่นี้ครับนาย เหมือนทางข้างหน้าจะเกิดอุบัติเหตุ”
“แบตโทรศัพท์ก็ดันมาหมดพอดี ซวยฉิบ!”
HUGO INTERNATIONAL SCHOOL…
“เลิกเรียนแล้วไปดูหนังกันไหม เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นแต่ไกล ทำเอาทิชาถึงกลับต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
“ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่ชอบดูหนัง” คนตัวเล็กตอบ พลางขยับถอยหนีเมื่อเพื่อนชายขยับมาใกล้
บาสคือเดือนโรงเรียนที่กำลังตามจีบทิชามานานร่วมปี แต่ดูเหมือนว่าเธอจะจีบติดยากกว่าที่เขาคิด
“งั้นไปโยนโบว์ลิ่งกัน เสร็จแล้วจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน”
“ไม่ก็คือไม่ อย่ามาวุ่นวายได้ป่ะ! น่ารำคาญ!” ร่างบางกระแทกเสียงตอบกลับ พร้อมหยัดตัวลุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเดินออกมาโดยไม่สนว่าเพื่อนชายจะมีสีหน้ายังไง
“…..”
“แกพูดแรงไปนะ หน้าบาสดูเจื่อนไปเลยอ่ะ” ‘แมรี่’ เพื่อนสาวคนสนิทกระซิบกระซาบพูดกับทิชาที่เดินอยู่ข้างๆ
“ก็ใครใช้ให้มาวุ่นวายกับฉันเล่า คนไม่ชอบยังจะตามตื้ออยู่ได้”
“แล้วเป็นอะไรถึงได้หงุดหงิดแบบนี้” แมรี่ถามอย่างรู้ทัน เมื่อสังเกตได้ถึงปฏิกิริยาของเพื่อนสาวที่เปลี่ยนไป
“ก็อากายนะสิ บอกจะมารับก็ไม่มา ฉันรอจะเป็นชั่วโมงอยู่แล้วเนี่ย โทรไปก็ไม่รับ ไม่รู้ว่าป่านนี้ถึงไหนแล้ว”
“เอาน่า ใจเย็นเดี๋ยวอากายก็มา”
“ถ้าอีกสิบนาทีไม่มา ฉันจะนั่งรถแท็กซี่กลับเองจริงๆ ด้วย”
“…..”
ปรี๊นนนน หญิงสาวทั้งสองสะดุ้งด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงแตรรถของวรกันต์ที่ดังไปทั่วบริเวณ
“นั่นไง อากายมาถึงพอดี”
“…..”
“รีบไปขึ้นรถได้แล้ว มัวแต่ยืนหน้าบึ้งอยู่ได้” แมรี่สะกิดเพื่อนสาวที่เอาแต่ยืนนิ่งทำเป็นไม่ได้ยิน
“…..”
“รีบไปสิ ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนานไม่ดีนะ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”
“โอเค แล้วเจอกัน”
“สวัสดีค่ะ” ร่างบางยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มตรงหน้า แต่ไม่ได้หันไปสบตากับเขาแต่อย่างใด เพราะตอนนี้เธอกำลังไม่พอใจที่เขาผิดนัดมาช้าไปเกือบชั่วโมง
“…..”
ติ๊ด! ติ๊ด! สมาร์ตโฟนเครื่องหรูถูกกระชากออกจากมือ ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโซเชี่ยลหาข่าวสารต่างๆ
“ขึ้นรถมาก็เอาแต่ก้มหน้ากดแต่โทรศัพท์แบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ เมื่อเห็นว่าเธอดูไม่ค่อยสนใจเขาเหมือนทุกวัน
“เงยหน้าขึ้นมาคุยกันหน่อย”
“เอาโทรศัพท์หนูคืนมานะ” ทิชาเลือกที่จะไม่สนใจแล้วพยายามจะแย่งโทรศัพท์ของเธอกลับคืนมา แต่ไม่สำเร็จเมื่อวรกันต์ไม่ยอมคืนมันมาให้เธอ
“โกรธอาอยู่ใช่ไหม?”
“…..”
“ทิชากำลังโกรธอาอยู่?” ดวงตาเฉี่ยวคมต้องมองใบหน้าแสนหวานอย่างต้องการคำตอบ
“ไม่ได้โกรธค่ะ ทิชาแค่งอนเฉยๆ”
“งอนที่อามารับช้าใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ ทิชาอุตส่าห์นั่งรออาเป็นชั่วโมง” ร่างบางพยักหน้ารับไปตามความจริง เธอก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องรู้สึกแบบนี้กับคนที่เรียกว่าอา
“โอเคๆ งอนแบบนี้แล้วจะให้อาง้อยังไง ไหนบอกมาซิ?”
“ถ้าอยากให้ทิชาหายงอนก็ต้องหอมแก้มทิชาก่อน” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะเอียงใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ผู้เป็นอาเพื่อให้เขาได้หอมมัน แน่นอนว่าการกระทำแบบนี้ทำเอาเขาตกใจอยู่พอสมควร
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“หนูรู้ตัวดีทุกอย่างแล้วหนูก็พูดจริงๆ ด้วย”
“…..”
“ถ้าอาไม่หอม ทิชาก็ไม่หายงอน”
“…..”