ตอนที่ 5 พยายามปรับตัว
เช้าวันใหม่ในไร่ภูผาได้เริ่มต้นขึ้น พรรณวรทเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นั่นเพราะรู้สึกพอใจกับอากาศที่สดชื่นของไร่แห่งนี้ มันช่างแตกต่างจากเมืองหลวงที่เธอจากมาลิบลับ กวาดสายตามองหาคนในบ้าน ก่อนจะเจอกับแม่บ้านสูงวัยกำลังจะเดินผ่าน จึงกวักมือเรียกให้เข้ามาหาตนเอง
“นี่ ๆ ป้า”
“มีอะไรให้อิฉันรับใช้คะคุณ”
หญิงสูงวัยที่ว่านั่นคือ ‘ศรีจันทร์’ เป็นแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่ และชายหนุ่มทั้งสามต่างก็ให้ความเคารพนับถือไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่
“พอดีว่าฉันหิวมีอะไรให้ทานบ้างไหม”
“มีสิคะ คุณ ๆ กำลังทานข้าวเช้าอยู่พอดีเลย”
“แล้วอยู่ที่ไหนคะ”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ”
หญิงสูงวัยผายมือเชิญก่อนจะเดินนำหน้าไปยังโต๊ะทานอาหาร ซึ่งตอนนี้หนุ่ม ๆ กำลังรวมตัวกันเหมือนเช่นทุกเช้า
มาถึงแล้วพรรณวรทก็เห็นชายหนุ่มทั้งสามนั่งทานมื้อเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อย เห็นอย่างนั้นก็ยิ้มมุมปาก แล้วเดินตรงเข้าไปทักทาย โดยไม่ลืมกล่าวขอบคุณคนที่นำทางมา
“ขอบคุณนะคะป้าเอ่อ...”
“อิฉันชื่อศรีจันทร์ค่ะ”
“ออ...ขอบคุณค่ะป้าศรีจันทร์” แม้จะเป็นลูกคุณหนูอยู่ในแวดวงไฮโซมาก่อน แต่เธอก็จำคำสอนของบิดาได้ดี ว่าให้เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ แม้ว่าจะฐานะต่ำต้อยกว่าก็ตามที
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นอิฉันขอตัวนะคะ”
คนที่นั่งทานข้าวอยู่ต่างก็มองมายังหญิงสาวผู้มาใหม่ พรรณวรทโบกมือทักทายราวกับเป็นนางเอกชื่อดัง หรือซูเปอร์สตาร์ก็ไม่ปาน
“ฮาย! ทุกคน ขอร่วมวงด้วยคนนะคะ”
ผู้เป็นน้องชายทั้งสองยิ้มอย่างเต็มใจพร้อมโบกมือทักทาย แต่ทว่าพี่ชายคนโตกลับนั่งเงียบไม่แสดงท่าทีอะไร ไม่แม้แต่จะชายตาแลเธอด้วยซ้ำ
หมับ!
พรรณวรทนั่งลงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ คู่หมั้น ก่อนจะหันไปส่งยิ้มทักทาย จ้องมองใบหน้าหล่อราวกับต้องการยั่วโมโหเขา
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณใหญ่ ทำไมนั่งนิ่งอย่างนี้ล่ะ ไม่ทักทายว่าที่เจ้าสาวหน่อยเหรอ”
“ถ้าจะกินก็กินไปไม่ต้องมายุ่งกับผม” น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากปากพ่อเลี้ยงสุดหล่อ แต่ไม่ยักหันมามองหน้าเธอเลย
“เวลาพูดก็มองหน้าฉันด้วยสิคะ อย่างนี้เขาเรียกว่าเสียมารยาท” เจ้าหล่อนยังคงพูดจายียวนกวนประสาทเช่นเดิม
ผู้ร่วมโต๊ะที่เหลือต่างก็มองหน้ากันแล้วอมยิ้มอย่างพอใจ
“…..” เวหายังคงเงียบ ก่อนจะวางช้อนส้อมลงกระทบจานเสียงดัง แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
“กูเข้าไร่ก่อนนะ”
“อ้าว! ทำไมอิ่มเร็วนักล่ะพี่ใหญ่ อยู่ทานข้าวเป็นเพื่อนพี่สะใภ้ก่อนสิ” พนาผู้เจ้าเล่ห์ยั่วประสาทพี่ชายอีกคน
“พี่สะใภ้พ่อมึงดิไอ้กลาง ถ้าแดกไม่ได้ก็ไม่ต้องแดก”
“เอ๊ะ! ทำไมคุณถึงได้พูดจาหยาบคายอย่างนี้ กรุณาให้เกียรติกันบ้างสิยะ” พรรณวรทหันขวับมามองหน้าพ่อเลี้ยงอย่างเอาเรื่อง
แต่ทว่าเขากลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ลุกขึ้นยืนแล้วหยิบหมวกคาวบอยคู่ใจมาสวมใส่
“…..”
“นี่คุณจะไปไหน มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ”
เวหาทำราวกับเสียงของเธอเป็นเพียงแค่ลมที่พัดผ่าน ยิ้มมุมปากแล้วเดินตรงไปยังหน้าบ้าน พรรณวรทนั่งดิ้นพล่าน ทำหน้าตาบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ
“ผมว่าทานข้าวต่อดีกว่านะครับคุณแอลลี่” คุณหมอหน้าหล่อเอ่ยกับหญิงสาวอย่างสุภาพ
“ฉันกินไม่ลงแล้วล่ะ ขอไปจัดการผู้ชายปากหมาคนนั้นก่อน”
แม้จะรู้สึกหิวมากแค่ไหน แต่เธอไม่มีทางยอมให้เขาลอยนวลแน่นอน จะต้องตามไปราวีให้ถึงที่สุด
เวหาสตาร์ทเครื่องรถกระบะสี่ประตูเตรียมตัวจะเข้าไปในไร่ แต่ทว่าประตูอีกฝั่งกลับถูกเปิดออก มีหญิงสาวร่างเล็กเข้ามานั่งอย่างถือวิสาสะแล้วรีบคาดเข็มขัดนิรภัย
“ฉันไปด้วย”
“ลงไปเดี๋ยวนี้เลย!” คนพูดถอนหายใจอย่างรู้สึกเอือมระอา
“ไม่ลง! จนกว่าคุณจะยอมขอโทษที่พูดไม่เพราะกับฉัน”
“ไม่ขอโทษ ผมพูดอย่างนี้กับทุกคน ถ้าคุณไม่ชินก็กลับกรุงเทพฯ ไปซะสิ”
“งั้นฉันจะพยายามปรับตัวให้ได้ ออกรถสิ ฉันอยากเข้าไปในไร่จะแย่แล้ว” เจ้าหล่อนยิ้มหน้าระรื่น กอดอกจ้องหน้าเขาอย่างเย้ยหยัน
“ได้! อย่าขอร้องให้ผมพากลับละกัน”
บรื๊นนนน!!!
“กรี๊ดดด ขับช้า ๆ สิคะคุณ”
พรรณวรทหัวใจจะวายเมื่อจู่ ๆ เขาก็เร่งเครื่องออกไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ก็ทำได้เพียงชักสีหน้าใส่เท่านั้น เพราะอีกฝ่ายไม่ได้หันมาสนใจเลย
*-*-*-*-*-*-*-*